เกษตร ท่องเที่ยว กุญแจสู่ความก้าวหน้าเศรษฐกิจสปป.ลาว

รายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผย การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเกษตรและการท่องเที่ยวจะช่วยฟื้นฟูหลังโควิด 19 และการเติบโตอย่างครอบคลุมในสปป.ลาว สปป. ลาวได้สนับสนุนประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศยังไม่ก้าวหน้า นางพรวันห์ อุทาวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่า  “การสร้างงานที่มีคุณภาพและประสิทธิผลเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดในวาระนโยบายของรัฐบาล การทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรและการท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัวของเรา พร้อมกับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างการผนึกกำลังของภาคส่วนต่างๆ จะเป็นโอกาสในการเริ่มต้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจนของสปป.ลาว” ทั้งนี้ในรายงานระบุว่าในปี 2562 การท่องเที่ยวในลาวสนับสนุนการเติบโตของปศุสัตว์และการประมง ธุรกิจการท่องเที่ยวอาจเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตรรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพืชผักและปศุสัตว์มีมูลค่ามากถึง 4.1 ล้านคนในปี 2561 คิดเป็น 12% ของจีดีพีของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Agriculture_183_21.php

อุดมไซ จับตาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่

เจ้าหน้าที่จาก อ.ไซ ในจังหวัดอุดมไซ วางแผนที่จะเปลี่ยนภูเขาและจุดชมวิวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามรายงานของสำนักงานข้อมูล วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของอำเภอ พื้นที่ในเขต Xay ซึ่งกำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อประเมินความเหมาะสมของพวกเขาในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว กรมข้อมูล วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว อุดมไซ มีแผนโฆษณาภูเขาและจุดชมวิวภูหญ้าคา ป่าหินเกตุ (ป่าหินเกตุ) สะพานหิน หินป่าหญ้างูใหญ่ และจุดชมวิวภูเพียง เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม อุดมไซเป็นจังหวัดที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในลาว ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะดึงดูนักท่องเที่ยวมายังและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสปป.ลาวให้ไปข้างหน้า

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Oudomxay182.php

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง และคณะ เยือนลาวไพพ์ส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ

บริษัท ลาวไพพ์ อินดัสเทรียล เทคโนโลยี โซล จำกัด (ลาวไพพ์) ให้การต้อนรับนายเวียงสวัสดิ์ สีพันโดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง และคณะ เยี่ยมชมโรงงานผลิตและจำหน่ายท่อ DD และ LP ในเขตไชธานี เวียงจันทน์ นายบุญลอง กล่าวว่า “บริษัท ลาวไพพ์ อินดัสเทรียล เทคโนโลยี โซล จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 และตั้งแต่นั้นมาก็ได้จำหน่ายและจัดส่งสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ” และยังกล่าวเสริมว่ารัฐบาลส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นเพื่อลดการนำเข้า ท่อและอุปกรณ์ที่ผลิตในโรงงานลาวไพพ์มีความน่าเชื่อถือเนื่องจากระบบตรวจสอบและทดสอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ยังส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับคนในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Minister181.php

สหรัฐฯ สนับสนุนโครงการฉีดวัคซีนโควิดในสปป.ลาว

รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขด้วยการแจกจ่ายวัคซีนโควิด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการฉีดวัคซีน และช่วยให้แน่ใจว่าผู้มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนทุกคน การสนับสนุนขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) มูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อรัฐบาลลาวในช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้าทายเหล่านี้ การสนับสนุนจากสหรัฐฯ จะช่วยให้รัฐบาลเอาชนะความท้าทายที่พบในการควบคุมการระบาดของ Covid โดยให้ความช่วยเหลือในการแจกจ่ายวัคซีนและกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ที่ต้องการการฉีดวัคซีนมากที่สุด โครงการนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าการฉีดวัคซีนจะดำเนินการอย่างทันท่วงทีตามนโยบายและแผนของฝ่ายต่าง ๆ รวมถึงเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_USsupports_180.php

รัฐบาลร่วมมือเอกชนในการพัฒนาไอซีที

กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร และ บริษัท ลาว เกตเวย์ จำกัด ร่วมมือทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล พวกเขาจะพัฒนาระบบบัญชีบนคลาวด์ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาบัญชีที่ถูกต้องได้ และยังจะพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อรับรองความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยมุ่งเน้นที่การขยายกลยุทธ์ของเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล นอกจากนี้ บนเส้นทางสู่การพัฒนาระบบดิจิทัลของรัฐบาล กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารและพันธมิตรด้านการพัฒนายังได้เปิดตัวโครงการ Digital Government Transformation ในปีนี้ เพื่อช่วยสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อการบริการสาธารณะที่ดีขึ้น ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_179.php

สะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 5 สำเร็จไปแล้วกว่า 14 %

การก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งที่ 5 เชื่อมจังหวัดบริคัมไซกับจังหวัดบึงกาฬในประเทศไทยข้ามแม่น้ำโขงคีบหน้า 14 % ของการก่อสร้างทั้งหมด เมื่อแล้วเสร็จคาดว่าสะพานจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและเส้นทางคมนาคมระดับภูมิภาคอีกแห่งสำหรับสปป.ลาวและประเทศเพื่อนบ้าน โครงการดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย (สพพ.) ให้เงินกู้แก่รัฐบาลสปป.ลาว 1.38 พันล้านบาท นายเลทอง พรมวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการกล่วว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการก่อสร้างถนนและสะพานที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้ลาวถูกมองว่าไม่มีทางออกสู่ทะเลอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นประเทศศูนย์กลางโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาค ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสปป.ลาว”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Road177.php

National Road 13 ปรับปรุงแล้วสำเร็จไปแล้วกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

การปรับปรุงถนนแห่งชาติ 13 ทางเหนือระหว่างหมู่บ้านสิกขิตในเขตนาไซทองของเมืองหลวงและอำเภอโพนหงในแขวงเวียงจันทน์เสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า 40 % การปรับปรุงประกอบด้วยการปรับปรุงพื้นผิวถนนและการติดตั้งช่องระบายน้ำสองข้างทางถนนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 58 กม. โครงการนี้ได้รับทุนจากธนาคารโลก กองทุนนอร์ดิก กองทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย และกองทุนถนนของรัฐบาล National Road 13 เป็นเส้นทางหลักของประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ถนนสายนี้เป็นทางหลวงสายสำคัญที่สุดในประเทศสปป.ลาว เชื่อมกับจีนทางตอนเหนือและกัมพูชาทางตอนใต้ รวมระยะทาง 1,500 กม. นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงด้านลอจิสติกส์ที่สำคัญไปยังเวียดนามและประเทศไทย การปรับปรุงถนนครั้งนี้จะเป็นส่วนช่วยสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพด้านการขนส่งระดับภูมิภาคของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Road177.php

ธนาคารโลกเน้นย้ำโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจสปป.ลาว

ตามรายงานของธนาคารโลกฉบับใหม่ ระบุว่าเศรษฐกิจลาวคาดว่าจะเติบโตที่ 3.6% ลดลงจากการตัวเลขคาดการณ์การเติบโตที่ 4% ในเดือนมีนาคม 2564  การฟื้นตัวคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของการส่งออกที่แข็งแกร่ง เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกฟื้นตัว ด้านภาคบริการก็มีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่จะกลับมาขยายตัวได้ดีในอนาคตเมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องที่ยว ด้านการลงทุนคาดว่าหลังจากการสิ้นสุดของการรถไฟลาว-จีนในปีนี้ จะมีส่วนส่งเสริมสปป.ลาวอย่างยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจและความแข็งด้านการเชื่อมต่อกลับพรหมแดนนูมิภาค นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ทางด่วนระหว่างอำเภอวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์กับชายแดนลาว-จีน และเส้นทางภาคใต้อื่นๆ ด้านการส่งออกจะได้รับประโยชน์จากช่วยเหลือและการให้โควต้าของจีนและการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิดในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาว ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านสาธารณะสุขที่ต้องมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับแผนการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_World176.php

รัฐบาลสปป.ลาวทุ่มกว่า 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในวังเวียง

รัฐบาลสปป.ลาวจะมีการใช้เงินมากกว่า 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการก่อสร้างถนนที่มุ่งสู่น้ำตกแก่งนุ้ยในจุดท่องเที่ยวของวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์ โดยได้รับทุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียมากกว่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตวังเวียงและรอบอ่างเก็บน้ำน้ำงึม โดย 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐได้ถูกอนุมัติแล้วในการสร้างถนนที่มีอยู่เดิมไปน้ำตกแก่งยุ้ยระยะทาง 6 กิโลเมตร รวมถึงการก่อสร้างถนนและสะพานทางฝั่งตะวันตกของอำเภอวังเวียงเป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร และความกว้างของถนน 6 เมตร การสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแขวงเวียงจันทมากขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_OverUS_175.php

พระพุทธรูปถูกติดตั้งในเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวงส่งเสริมการท่องเที่ยว

พระพุทธรูปสูง 100 เมตรจะถูกติดตั้งในเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวงโดยนักพัฒนาชาวจีนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนสำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ นายกรัฐบมนตรีสปป.ลาวกล่าวว่า “มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นในสปป.ลาว ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประชาชนสปป.ลาว ทั้งนี้การสร้างพระพุทธรูปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และประเพณีของสปป.ลาวให้กลับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสปป.ลาว” ทั้งนี้รัฐบาลเชื่อว่าโครงการมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่น เมื่อเสร็จสิ้น โครงการสัมปทาน 99 ปีจะครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่อาศัย สวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียว ทะเลสาบ โรงพยาบาล ศูนย์การศึกษา ร้านอาหาร ศูนย์กีฬา และศูนย์การค้า

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Economic_173.php