วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กว่า 1 ล้านโดส เดินทางถึงสปป.ลาวแล้ว

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากกว่า 1 ล้านโดสที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้ มาถึงสปป.ลาวแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วัคซีนได้รับการบริจาคผ่าน COVAX Facility ซึ่งเป็นความร่วมมือที่นำโดย Coalition for Epidemic Preparedness Innovations (CEPI), Gavi, the Vaccine Alliance และองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยมียูนิเซฟเป็นพันธมิตรในการจัดส่งที่สำคัญ การบริจาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนของสหรัฐฯ ในการยุติการแพร่ระบาดทั่วโลก และสนับสนุนเป้าหมายของสปป.ลาวในการฉีดวัคซีนให้ได้ 50% ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้วัคซีนที่ได้รับบริจาคจะฉีดให้กับประชาชนลาวทั้งหมด 1,030,461 คนในสปป.ลาวคิดเป็น 14% ของประชากรทั้งหมด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_More_138.php

ญี่ปุ่นมอบเงิน 3 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้เงินช่วยเหลือจำนวน 313 ล้านเยน (ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสปป.ลาว เงินทุนดังกล่าวจะถูกเบิกจ่ายภายใต้โครงการทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งมอบทุนการศึกษาสำหรับข้าราชการระดับกลางและระดับท้องถิ่นเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น โครงการนี้จะช่วยให้ข้าราชการรุ่นเยาว์ของสปป.ลาวได้ขยายความรู้และทักษะเพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาของลาว ญี่ปุ่นถือเป็นผู้บริจาคเงินช่วยเหลืออันดับต้นๆ ให้กับสปป.ลาวและมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือระหว่างประเทศ                      ในปี 2560 ญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรายใหญ่อันดับที่ 6 ในสปป.ลาว นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังได้ช่วยสปป.ลาวในการรับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รวมถึงการฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจท้ายที่สุดนายทาเควากาตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่าเขาเชื่อว่าโครงการทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในสปป.ลาวและกระชับความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างสปป.ลาวและญี่ปุ่น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan137.php

อาเซียน-สหรัฐฯ กระชับความร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19

ผู้นำสหรัฐฯ และอาเซียนเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังเกิดโรคระบาด อาเซียน-สหรัฐฯ ตกลงที่จะร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนเครือข่าย Asean smart Cities และการเชื่อมต่อของอาเซียน ตลอดจนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ในที่ประชุมยังได้มีแบ่งปันบทเรียนและประสบการณ์ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีว่าประเทศต่างๆ ต่อสู้กับไวรัสอย่างไร โดยรัฐบาลสปป.ลาวกล่าวในที่ประชุมถึงการจัดการกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส พร้อมสนับสนุนให้ผู้คนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 1,008,000 โดส ให้กับลาว ซึ่งคาดว่าจะถึงในวันพฤหัสบดีนี้ การส่งมอบดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีน 50% ของประชากรภายในสิ้นปีนี้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Asean136.php

รัฐบาลลาวและ Electricité De France (EDF) ได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนาโครงการ Nam Theun 2-Solar

รัฐบาลลาวและ Electricité De France (EDF) ได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนาโครงการ Nam Theun 2-Solar ซึ่งเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยตัวแบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 3.2 ตารางกิโลเมตร คาดจะมีกำลังการผลิตติดตั้ง 240MWp ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในสปป.ลาว ผู้พัฒนาโครงการที่นำโดย EDF ร่วมกับ Lao Holding State Enterprise (LHSE) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ของประเทศไทยตั้งเป้าที่จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2565 และเริ่มดำเนินการในปี 2567 โครงการน้ำเทิน-2 โซลาร์จะจัดหาไฟฟ้าที่สะอาด ปลอดภัย โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม ที่สำคัญประหยัดน้ำซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์แบบแปรผันเป็นไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มเติมและมีเสถียรภาพ เป็นนวัตกรรมในการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนในลักษณะที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติสปป.ลาวในการส่งเสริมพลังงานควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Namtheun2_135.php

สปป.ลาวกำลังพึ่งพาจีนมากขึ้นสำหรับโครงการขนส่งที่สำคัญ

โครงการทางหลวงจำนวนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนกำลังดำเนินการอยู่ในประเทศลาวเชื่อกันว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ของจีน ซึ่งเป็นโครงการเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงยุโรปทั้งทางบกและทางทะเล แต่ความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่าเงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนในโครงการอาจทำให้ลาวกลายเป็น “กับดักหนี้” หากไม่สามารถชำระคืนเจ้าหนี้ชาวจีนได้ ถึงแม้สปป.ลาวซุ่มเสี่ยงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ปัจจุบันสปป.ลาวกำลังมีโครงการทางด่วน 578 กม. มูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ซึ่งได้รับการเสนอโดยสถาบัน Henan Provincial Communications Planning and Design Institute ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของจีนที่รู้จักกันในชื่อ HNRBI ทางด่วนใหม่จะลดเวลาการเดินทางจากเวียงจันทน์ไปยังปากเซลงเสริมความแข็งแกร่งในการเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ในต่างประเทศ 2 เมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปทางใต้ ได้แก่ กรุงเทพฯ และศูนย์กลางการค้าของหากโครงการเดินหน้าและแล้วเสร็จจะช่วยให้จีนเข้าถึงคาบสมุทรอินโดจีนได้ง่ายขึ้นรวมถึงสปป.ลาวจะไดเป็นประเทศที่เชื่อมโยงการขนส่งที่สำคัญระดับภูมิภาคยกระดับเศรษฐกิจในอนาคต

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Spotlight/Belt-and-Road/Laos-deepens-reliance-on-China-for-key-transport-projects

สปป.ลาว-ไทยร่วมมือแก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติ

ทางการสปป.ลาวและไทยตกลงที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าการย้ายถิ่นของแรงงานจะปลอดภัย ซึ่งควรรวมถึงคนงานที่เข้าถึงการจ้างงานถาวรและมีสิทธิได้รับมาตรการด้านสวัสดิการที่ดีและยุติธรรมในประเทศไทย ท่ามกลางการแพร่กระจายของ Covid-19 ทั้งสองประเทศจะทบทวนนโยบายด้านแรงงานเพื่อให้ความช่วยเหลือแรงงานสปป.ลาว รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำพวกเขายังได้พิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาแรงงานที่ไม่มีเอกสาร รวมทั้งเน้นที่การช่วยเหลือแรงงานผิดกฎหมายที่ต้องการกลับบ้านหรือช่วยเหลือผู้ที่ต้องการทำงานในประเทศไทยต่อไปอย่างถูกกฎหมาย นางอนุสร คำสิงห์สวัสดิ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและการจัดหางาน สังกัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของลาว กล่าวว่า “ฝ่ายสปป.ลาวเสนอให้เจ้าหน้าที่ของไทยอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารจากสปป.ลาวทำงานอย่างถูกกฎหมายได้อีกสักระยะหนึ่งจนกว่าวิกฤตที่เกิดจากโควิด-19 จะคลี่คลาย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laosthai_133.php

สปป.ลาว ลักเซมเบิร์ก ตอกย้ำความร่วมมือพัฒนา

ราชรัฐลักเซมเบิร์กได้ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้และยาวนานสำหรับสปป.ลาว โดยลงนามในข้อตกลงใหม่ระยะเวลาห้าปีมูลค่า 1.68 ล้านล้านกีบ (95 ล้านยูโร) โครงการความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่มีความสำคัญในการพัฒนาเช่นเดียวกับ ICP IV ในปัจจุบัน ได้แก่ สุขภาพและโภชนาการ การพัฒนาท้องถิ่น การฝึกอบรมสายอาชีพ และการส่งเสริมหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาลที่ครอบคลุม โดยจะเริ่มต้นพัฒนาในพื้นที่ต้นแบบก่อนได้แก่ แขวงบ่อแก้ว แขวงบริคัมไซ แขวงคำม่วน แขวงเวียงจันทน์ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 NSEDP (2021-2025)

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Asean131.php

อาเซียนและ FMs รัสเซียให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือในภาคสาธารณสุข

บรรดาชาติอาเซียนและรัสเซียได้ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเกิดโรคระบาด สมาชิกในกลุ่มอาเซียนจะให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการดำเนินโครงการและแผนปฏิบัติการภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน-รัสเซีย ซึ่งครอบคลุมด้านการเมือง ความมั่นคง สังคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของกลุ่มสมาชิกอาเซียนเพื่อลองรับการขยายของกลุ่มเศรษฐกิจในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Asean131.php

ครม.สปป.ลาวเตรียมมาตรการรับมือวิกฤตโควิด-19

รัฐบาลสปป.ลาวกำลังจัดการประชุมเสมือนจริงรอบพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินที่สปป.ลาวกำลังเผชิญอยู่ โดยมีวาระในการประชุม 2 เรื่องหลักคือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและปัญหาด้านยาเสพติด รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการใช้ยาเสพติดและการค้ามนุษย์อย่างเร่งด่วน หลังจากทราบว่ายาเสพติดกำลังทำลายอนาคตของเยาวชนและประเทศชาติ แม้จะมีความพยายามอย่างมากจากทุกภาคส่วนของสังคม แต่การใช้ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ด้านเศรษฐกิจรัฐบาลจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อเสริมสร้างการจัดเก็บรายได้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุนของรัฐ ควบคุมการใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาการชำระหนี้และทำให้กีบมีเสถียรภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_130.php

สปป.ลาวเพิ่มการส่งออกกาแฟไปยังสหภาพยุโรป

อุตสาหกรรมกาแฟในสปป.ลาวมีศักยภาพในด้านมูลค่าที่สูง เป็นพืชเศรษฐกิจหลักสำหรับเกษตรกรรายย่อยจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ภาคกาแฟเผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนที่จำกัดความพยายามในการซื้อขายกาแฟในระดับภูมิภาคและระดับโลก ข้อจำกัดเหล่านี้มีคั้งแต่ ผู้ซื้อในตลาดที่มีศักยภาพสูง                          การปรับปรุงการจัดการคุณภาพอย่างเป็นระบบ การเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังทำให้ปัญหาที่มีอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น และทำให้อนาคตของเกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟสปป.ลาวยากลำบากยิ่งขึ้นในการจะสามารถส่งออกกาแฟไปยังประเทศต่างๆ ของสหภาพยุโรป (EU) ภายหลังการนำแผนงานใหม่สำหรับการส่งออกมาใช้ แผนงานมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลผลิตและความยั่งยืนในการผลิตและการแปรรูป ในขณะเดียวกันก็เพิ่มขีดความสามารถของผู้ส่งออกสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_to_129.php