ตลาดหัวหอมเมียนมาซบเซา เหตุออเดอร์ต่างประเทศลดฮวบ !

ตลาดหัวหอมยังคงนิ่งจากความต้องการของต่างประเทศที่ลดลง  การปิดด่านชายแดนส่งผลให้ราคาลดลงอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายและสามารถบริหารจัดการต้นทุนการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวได้ในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้ผู้ปลูกบางรายในเขตมะกเวจำต้องทิ้งต้นหอมในฤดูเก็บเกี่ยวปีที่แล้ว เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าจ้างแรงงานและค่าขนส่งได้ ในช่วงต้นปี 63 ราคาหัวหอมอยู่ที่ 1,200-1,300 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) จากนั้นราคาก็ลดลงอย่างมากในช่วงวิกฤต COVID-19 ปัจจุบันราคาในตลาดค้าปลีกปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ การค้าที่ซบเซาเกิดจากสภาวะทางการเมืองในปัจจุบันและการปิดร้านอาหาร โรงแรม โรงงาน และกิจกรรมต่างๆ เหตุเหล่านี้กระทบต่อตลาดอย่างรุนแรง วึ่งก่อนหน้านี้ บังคลาเทศและอินเดียมีความต้องการหัวหอมจำนวนมาก แต่ต้องหยุดชะงักเพราะการแพร่กระจายของ COVID-19  ที่ผ่านมาราคาหัวหอมเคยพุ่งเกิน 3,000 จัตต่อ viss ในปี 2558, 2561 และ 2562 ทั้งนี้หัวหอมส่วนใหญ่ปลูกในเขตมัณฑะเลย์ มะกเว ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และรัฐฉาน

ที่มา: https://gnlm.com.mm/onion-market-remains-sluggish-due-to-lack-of-foreign-demand/

เมียนมาขยายเวลาระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศจนถึง 31 ส.ค.64

กระทรวงคมนาคมและคมนาคมของเมียนมา ขยายเวลาปิดสำหรับสายการบินระหว่างประเทศทั้งหมดที่ดำเนินการบริการทางอากาศไปและกลับจากสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง (YIA) ออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาและกรมการบินพลเรือน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะเดินทางมายังเมียนมาสามารถเดินทางโดยเที่ยวบินบรรเทาทุกข์จากเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลหรือชาวต่างชาติรวมถึงนักการทูต เจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของสหประชาชาติ จำเป็นต้องติดต่อสถานทูตเมียนมาในต่างประเทศหรือสถานกงสุลในเมียนมาเพื่อยกเลิกข้อจำกัดเรื่องวีซ่า ขณะนี้ เมียนมามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 306,354 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 10,061 ราย

ที่มา : https://gnlm.com.mm/suspension-of-all-international-flights-extended-until-31-aug/#article-title

มิน อ่อง หล่าย สถาปนาตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเมียนมา ลั่นจัดเลือกตั้งใน 2 ปี

6 เดือนหลังการรัฐประหาร นายพลอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ได้ประกาศสถาปนาตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่าจะบริหารประเทศภายใต้ภาวะสถานกาณณ์ฉุกเฉินต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งใหม่ใน 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เมียนมาตกอยู่ภายใต้ภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินมาตั้งแต่ที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางอองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งการรัฐประหารครั้งนั้น กองทัพเมียนมาอ้างความชอบธรรมเพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 ที่กองทัพมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการร่าง

ที่มา : https://www.thansettakij.com/world/490206

การค้าระหว่างประเทศเมียนมาพุ่ง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากของกระทรวงพาณิชย์ การในช่วง 9 เดือนแรก (1 ต.ค-9 ก.ค.) ของปีงบประมาณ 63-64 ส่งผลให้เกินดุลการค้า 363.9 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ แม้มูลค่าการค้ารวมจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 62-63 โดยการส่งออกอยู่ที่ 11.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 11.6 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 29.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของปีก่อน การค้าระหว่างประเทศเมียนมาโดนผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านต้องคุมเข้มชายแดนและจำกัดการค้าขายในบางพื้นที่ชายแดน การค้าหยุดชะงักจากขนส่ง และการปิดทำการของธนาคารทำให้การค้าลดลง ทั้งนี้เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่า และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค จากสถิติพบว่าเมียนมากขาดดุลการค้ามาตลอด โดยในในปีงบฯ 62-63 ขาดดุลที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ,ปีงบฯ 61-62 ขาดดุลที่ 1.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, ,ปีงบฯ 60-61 ขาดดุลที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ , ปีงบฯ 59-60 ขาดดุลที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์ และปีงบฯ 58-59 ขาดดุลที่ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

ที่มา : https://gnlm.com.mm/regional-trade-tops-6-billion-in-seven-months-reports-moc/#article-title

ปิดตลาดล่าเสี้ยว หวังหยุดโควิดระบาด

ร้านค้าอย่างร้านขายปลา ร้านเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านขายของชำอื่นๆ ในตลาดล่าเสี้ยว ทางตอนเหนือของรัฐฉาน จะปิดชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 64 เพื่อลดการแพร่กระจายของโควิด-19 เนื่องจากความแออัดยัดเยียด ซึ่งเกิดจากควบคุมการจราจรในตัวเมือง จากการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ การแพร่กระจายของโควิด-19 ในลาเสี้ยวยังมีทีท่าไม่ลดลง ที่ผ่านมาตลาดได้รับอนุญาตให้เปิดอีกครั้งในวันที่ 1 สิงหาคม 64 ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด โดยวันที่ 1 สิงหาคม 64 ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในลาเสี้ยว 1,813 ราย และเสียชีวิต 92 ราย ขณะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ที่มา: https://news-eleven.com/article/212888

ปีงบ 63-64 ภาคการผลิตดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ 256.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผู้ประกอบการต่างชาติจับตาการลงทุนภาคผลิตในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63-มิ.ย.64) ของปีงบประมาณปัจจุบัน 63-64 โดยอัดฉีดเงินทุนประมาณ 256.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 23 โครงการ ซึ่งบริษัทที่เน้นการใช้แรงงานกำลังได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ภาคการผลิตส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่ผลิตบนพื้นฐานการตัดเย็บ การผลิต และการบรรจุ (CMP) ถือเป็นส่วนสำคัญของ GDP ประเทศ ปัจจุบันการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลงอย่างมากจากความต้องการที่น้อยลงของตลาดสหภาพยุโรป ส่งผลให้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า CMP บางแห่งปิดตัวลง ปัจจุบันเมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 3.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ด้านคณะกรรมการด้านการลงทุนของเมียนมา (MIC) เผย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.63 ถึง 30 มิ.ย.64 มีบริษัท 23 แห่งที่ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในภาคการผลิต ภาคพลังงานได้รับโครงการขนาดใหญ่ 6 โครงการ ภาคการปศุสัตว์และการประมง 6 โครงการ ภาคบริการอื่นๆ 5 โครงการ ขณะที่ภาคเกษตรกรรมมีการลงทุน 2 โครงการ และ 1 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมและภาคการโรงแรมและการท่องเที่ยว

ที่มา: https://gnlm.com.mm/manufacturing-sector-attracts-256-8-mln-this-fy/

7 เดือนของปีงบ 63-64 ยอดส่งออกไปญี่ปุ่น พุ่ง 582 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย มูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63-เม.ย.64) ของปีงบประมาณปัจจุบัน 63-64 อยู่ที่ 582.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าเพียง 231.87 ล้านดอลาสร์สหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ข้าว งาดำ ถั่วเขียว ยางและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ส่วนการนำเข้าจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ ยา รถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ มูลค่าการค้าของทั้ง 2 ประเทศ ในปีงบประมาณ 62-63 อยู่ที่ 1.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณ 61-62 อยู่ที่ 1.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณ 60-61 อยู่ที่ 1.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณ 59-60 อยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปีงบประมาณ 58-59 อยู่ที่ 1.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ญี่ปุ่นมีสัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 34.7% ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา ขณะที่องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้เสนอเงินกู้ ODA เพื่อนำไปพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา: https://gnlm.com.mm/exports-to-japan-cross-582-mln-in-seven-months/

7 เดือนแรกของปีงบฯ 63-64 เมียนมาขาดดุลการค้าสิงคโปร์ 1.388 พันล้านดอลลาร์ฯ

7 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. -63-เม.ย. 64) ของปีงบประมาณ 2563-2564  เมียนมาขาดดุลการค้าสินค้าสิงคโปร์ประมาณ 1.388 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองในภูมิภาคอาเซียนรองจากไทย ในปีงบประมาณปัจจุบันมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 1.624 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีมูลค่าการส่งออก 117.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร รองเท้า สิ่งทอและเสื้อผ้า แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ขณะที่การนำเข้าจะเป็น พลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าอุปโภคบริโภค โลหะ และเคมีภัณฑ์

ที่มา : https://gnlm.com.mm/29-july-2021/#article-title

ค้าชายแดนเมียนมาลดฮวบ 693 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

มูลค่าการค้าชายแดนเมียนมารวม 7.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 693 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีมูลค่า 8.34 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ  แบ่งเป็นการส่งออก 4.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้า 2.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปริมาณการค้าที่ด่านชายแดนมูเซ ระหว่างจีน-เมียนมา มีมูลค่า 2.92 พันล้านดอลลาร์ ลดลงกว่า 638 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีก่อน เมียนมามีด่านการค้าชายแดน 18 แห่ง ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง จีน ไทย บังคลาเทศ และอินเดีย ทั้งนี้สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ฟาร์ม สัตว์ ทะเล ป่าไม้ เหมืองแร่ สินค้า CMP และอื่นๆ ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม สินค้าส่วนบุคคล และวัตถุดิบ CMP เป็นหลัก

ที่มา : https://cdn.myanmarseo.com/file/client-cdn/2021/07/28_July_21_gnlm.pdf

โควิด-19 พ่นพิษ ค้าถั่วเมียนมาหยุดชะงัก

ภายหลังการคลังสินค้าในแต่ละเขตเมืองจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 การค้าขายถั่วพัลส์ต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรผ่านชายแดนไปยังจีนต้องถูกปิดตัว ทำให้ราคาถั่วเขียว งา และถั่วลิสงร่วงลงทันที อย่างไรก็ตาม ราคาถั่วดำและถั่วแระยังคงสูงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดอินเดีย ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่ามีการส่งออกถั่วต่างๆ มากกว่า 1.66 ล้านตัน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.63 ถึง 9 ก.ค.64 ของปีงบประมาณ 63-64 โดยมีมูลค่าประมาณ 1.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคเกษตรกรรมถือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจเมียนมาโดยคิดเป็น 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกข้าวเปลือก ข้าวโพด ฝ้าย อ้อย ถั่วต่างๆ และถั่วต่างๆ ซึ่งถั่วพัลส์ ซึ่งคิดเป็น 33% ของผลผลิตทางการเกษตรและครอบคลุม 20% ของพื้นที่เพาะปลูก ส่วนถั่วดำ ถั่วลันเตา และถั่วเขียว คิดเป็น 72% ของพื้นที่เพาะปลูกถั่วทั้งประเทศ

ที่มา: https://cdn.myanmarseo.com/file/client-cdn/2021/07/27_July_21_gnlm.pdf