“WEF” จัดขีดแข่งขันเวียดนามปี 62 ดีขึ้น ก้าวกระโดด 10 อันดับ

จากรายงานของสภาเศรษฐกิจโลก (The World Economic Forum : WEF) เปิดผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก ปี 2562 ระบุว่าเวียดนามก้าวมาอยู่ในอันดับที่ 67 ของโลก สามารถทำคะแนนรวมได้ 61.5 คะแนน จากทั้งหมด 100 คะแนน แสดงให้เห็นว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางค้าในภูมิภาค ในขณะเดียวกัน เวียดนามอยู่ในความเสี่ยงต่ำที่สุดของด้านการก่อการร้าย และมีเสถียรภาพทางด้านอัตราเงิน ในส่วนของสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองและการค้านั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และเกิดภาวะชะลอตัวทางการค้า นอกจากนี้ ประเทศสิงคโปร์มีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลก ได้คะแนน 84.8 คะแนน ซึ่งสามารถล้มแชมป์เก่า คือ สหรัฐอเมริกาได้ และจากรายงานดังกล่าว แนะนำให้สิงคโปร์จำเป็นต้องส่งเสริมผู้ประกอบการ และพัฒนาทักษะเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-up-10-places-in-global-competitiveness-index/161767.vnp

ความเสียหายจากน้ำท่วมในนาข้าวปีนี้ผลกระทบน้อยกว่าปีที่แล้ว

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทาน (MOALI) ระบุว่าพื้นที่นาข้าวกว่า 600,000 เอเคอร์ถูกน้ำท่วมขังในช่วงฤดูมรสุมในปีนี้ ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 130,000 เอเคอร์หรือ 21% ที่ได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ที่เสียหายในปีนี้มีพื้นที่กว่า 30,000 เอเคอร์เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดู จากข้อมูลของ MOALI คาดว่าผลผลิตข้าวในปีนี้จะลดลง 700,000 ตัน  การเพาะปลูกข้าวมากกว่า 70% อยู่ในช่วงฤดูมรสุม ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่พะโคและอิรวดี แต่ความเสียหายของปีนี้น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ในปี 61 พื้นที่นาข้าวมากกว่า 1,300,000 เอเคอร์ถูกน้ำท่วมเสียหายกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/less-flood-damage-local-paddy-fields-year-moali.html

ปี 61 – 62 เมียนมาส่งออกข้าวถึง 691 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมียนมามีรายรับมากกว่า 691 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวและข้าวหัก 2.29 ล้านตัน ใน 11 เดือนของปี 61-62 โดย 73% ของการส่งออกทั้งหมดผ่านทางทางทะเล การส่งออกข้าว 1.792 ล้านตันไปยัง 65 ประเทศคิดเป็น 559.894 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังส่งออกข้าวหัก 498,000 ตันไปยัง 41 ประเทศและมีรายได้ 132.139 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านการส่งออกข้าวไปยังตลาดอียูและแอฟริกาผ่านทางการค้าทางทะเลและจีนผ่านการค้าชายแดนมูเซเป็นหลัก ปริมาณส่งออกข้าวประมาณ 3.6 ล้านทำลายสถิติการส่งออกมากที่สุดในรอบห้าสิบปีเพราะมีการเปิดตลาดใหม่มากขึ้น สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) กำลังจัดการกับปัญหาที่ราคาตลาดที่ต่ำในปีนี้ เกษตรกรกำลังเผชิญกับความลำบากในการมีไซโล ระบบอบแห้งข้าวเปลือกและยานพาหนะที่จะใช้บรรทุกข้าว ก่อนหน้านี้มีเพียง 11 บริษัทที่ส่งออกข้าวไปจีนแต่ปัจจุบันมีมากกว่า 40 บริษัท

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-earns-us691-m-from-rice-export-in-2018-19-fy

สปป.ลาวและเวียดนามวางแผนร่วมกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว

สปป.ลาวและเวียดนามวางแผนที่จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้มากขึ้น ซึ่งสปป.ลาวและเวียดนามวางแผนที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้สำหรับโปรแกรมการท่องเที่ยว และพิจารณาวิธีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและตกลงที่จะตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมที่เว็บไซต์ท่องเที่ยวเพื่อให้แน่ใจว่าเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันคือทัวร์กลุ่มที่เดินทางจากสปป.ลาวไปยังเวียดนามและในทางกลับกันการสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่โฆษณาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและวิธีดึงดูดการลงทุนเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ท่องเที่ยว ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวระบุว่ามีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2.2 ล้านคนที่มาเที่ยวสปป.ลาวในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos224.php

Lao Telecom ทดสอบเทคโนโลยี 5G

 บริษัท ลาวเทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ได้เริ่มทดสอบเทคโนโลยี 5G ใหม่ ซึ่งฉลาดกว่า เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า 4G และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ระบบสื่อสารไร้สายได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน  ซึ่งการทดสอบเทคโนโลยี 5G นี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับบริษัท เช่นเดียวกับผู้ใช้ที่มีความกระตือรือร้นที่จะอัปเกรดและเป็นไปตามมาตรฐานสากล สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมและบูรณาการกับมาตรฐานระดับภูมิภาคและระดับสากล ลาวเทเลคอมได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการปรับปรุงการทดสอบ 5G เป็นความพยายามล่าสุดของบริษัทในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาสู่ประชาชนสปป.ลาว ไม่เพียงแต่ปรับปรุงชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับธุรกิจและทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นด้วยการอัพเกรดครั้งนี้จะช่วยให้ผู้คนและธุรกิจสามารถเชื่อมโยงภูมิภาคและระหว่างประเทศได้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-telecom-tests-5g-technology-105838

นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเยือนกัมพูชาในช่วง 8 เดือนเพิ่มขึ้น 33%

กัมพูชาดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 1.7 ล้านคนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีที่จากรายงานล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยรายงานแสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดคิดเป็นกว่า 39% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนกัมพูชาทั้งหมดในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคมปีนี้ ซึ่งหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 2.6 ล้านคนภายในปี 2562 และเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคนภายในปี 2573 ซึ่งจากรายงานแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 4.36 ล้านคนเดินทางไปกัมพูชาในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งใน 4 ภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาได้ทำการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 6.2 ล้านคนซึ่งรวมถึงชาวจีน 2 ล้านคนมีรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยวถึง 4.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50649196/1-7-million-chinese-tourists-visit-kingdom-in-8-months-up-33-pct/

กัมพูชากระโดด 12 จุดในการสำรวจความยั่งยืนด้านพลังงานโลก

การจัดอันดับของกัมพูชาในการสำรวจความยั่งยืนด้านพลังงานทั่วโลกล่าสุดได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมากซึ่งบ่งชี้ว่าความพยายามของกัมพูชาในการแก้ปัญหาด้านพลังงานและการจัดหาพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยดัชนีพลังงาน Trilemma 2019 ที่เพิ่งรายงานออกมาว่ากัมพูชาได้รับการจัดอันดับที่ 105 จาก 128 ประเทศ คิดเป็น 12 จุดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่ง ETI ได้รับหน้าที่จาก WEC และ บริษัท ที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก โดย Oliver Wyman จัดอันดับประเทศในด้านความสามารถในการจัดหาพลังงานที่ยั่งยืนของระบบพลังงานในแต่ละประเทศ ซึ่งจัดลำดับจากสามมิติ ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน ความเท่าเทียมด้านพลังงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกัมพูชาดูเหมือนจะแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานเรื้อรังบางส่วนโดยการซื้อพลังงานเพิ่มเติมจากประเทศสปป.ลาว เวียดนามและไทย โดยภายในปี 2563 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานแสงอาทิตย์คิดเป็น 15% ของการผลิตพลังงานทั้งหมด รวมถึงกำลังมองหาศักยภาพด้านพลังงานลมอีกด้วย ซึ่งในเดือนพฤษภาคมปีนี้ บริษัท บลูเซอร์เคิลได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการสร้างกังหันลมในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50649231/cambodia-jumps-12-spots-in-global-energy-sustainability-survey/

อสังหาฯชะลอฉุดตลาดลิฟท์ ‘ฮิตาชิ’หันรุกซีแอลเอ็มวี

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอลลิเวเตอร์ (กัมพูชา) จำกัด ผู้ผลิตและให้บริการลิฟต์และบันไดเลื่อนฮิตาชิ กล่าวว่า ปีนี้ตลาดลิฟต์ในประเทศไทยทรงตัว เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ไม่ลงทุนโครงการตึกสูง ทำให้ภาพรวมตลาดลิฟท์ทุกยี่ห้อ มีความต้องการลดลง จากปัจจุบันมีดีมานด์ปีละ7,000-8,000 ยูนิต ขณะที่ตลาดลิฟต์ในกลุ่ม CLMV เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเพราะเป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะช่วง 5 ปีที่ผ่านมา GDP ของประเทศกัมพูชาโต 6-7% เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่จากจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอสังหาฯ ส่งผลให้ความต้องการใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% จากดีมานด์ที่มีอยู่ 1,500 ยูนิต  กลยุทธ์การทำตลาดจะเน้นการหาลูกค้า ที่เป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ของกัมพูชา และจะใช้วิธีการมัดจำก่อนล่วงหน้า 60% ที่เหลือ 40% ลูกค้าต้องชำระหลังจากติดตั้งเสร็จเพื่อลดความเสี่ยง สำหรับตลาดลิฟต์ในกัมพูชา แบ่งออก 2 ตลาด ตลาดอินเตอร์แบรนด์จาก ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสินค้าคุณภาพ ราคาสูง ส่วนตลาดโลคัล ส่วนใหญ่สินค้าผลิตมาจากจีน มีราคาต่ำกว่า 20-50%  เนื่องจากตลาดลิฟต์ในกัมพูชาเป็นตลาดเปิดยังไม่มีกฎหมายหรือข้อกำหนดมาตรฐาน ควบคุมการซื้อ ขายติดตั้ง ลิฟต์ และบันไดเลื่อน ดังนั้นการนำเข้าจากประเทศต่างๆ สามารถนำเข้ามาขายได้อย่างเสรี รวมถึงสามารถสั่งซื้อตรงได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน และเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกมาก

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/850176

เวียดนามดำเนินขอรับใบอนุญาตส่งออกอะโวคาโดไปยังสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงานการค้าเวียดนาม สาขาซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) เปิดเผยว่าอะโวคาโดส่วนมากที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ดังนั้น ผู้จัดจำหน่ายต้องควบคุมขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้า ในขณะที่ ผู้ส่งออกต้องมีใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ สำหรับการจะเข้าตลาดสหรัฐฯ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดขั้นต่ำตามข้อบังคับว่าด้วยการกำหนดระดับความสุก, สี, น้ำหนัก, สะอาด และปราศจากแมลง เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กมักจะประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดดังกล่าวอย่างมาก เป็นผลมาจากขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ สำหรับสินค้าทางการเกษตร เช่น มะม่วง เวียดนามจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินรับใบอนุญาต 10 ปี ถึงจะสามารถส่งออกมะม่วงไปยังสหรัฐฯได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536540/viet-nam-trying-to-get-us-export-licence-for-avocados.html#GO48zrRXQqiBzJqc.97

เวียดนามเผยปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น แต่ยอดมูลค่ากลับลดลง

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562  เวียดนามส่งออกข้าวกว่า 5.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 แต่มูลค่ากลับลดลงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีการบริโภคข้าวเกือบ 1.76 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 720 ล้าน ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ ราคาข้าวเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 13.8 คิดเป็นราคาอยู่ที่ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และทางหน่วยงานเกษตรกรรมฟิลิปปินส์มีการเสนอให้ใช้ภาษีนำเข้าข้าวในการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ โดยมีอัตราภาษีนำเข้าข้าวอยู่ที่ร้อยละ 30-65 ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวเวียดนามในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะนำเข้าข้าวในกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP เช่น เวียดนาม นอกจากนี้ เวียดนามเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดไปยังแอฟริกาและตะวันออกกลางอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536522/rice-export-volume-up-but-value-falls.html#m6XyQo0ATOuAqIYj.97