ธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาฯ ระดับโลก ชี้ “เวียดนาม” จุดหมายปลายทางชั้นนำของนักลงทุนต่างชาติ

บริษัท คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ จำกัด (Cushman & Wakefield) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เปิดเผยผลการสำรวจตัวแทนผู้ประกอบการที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง จำนวน 200 ราย ส่วนใหญ่เลือกเข้าไปลงทุนในเวียดนามเป็นประเทศแรกและอันดับสองในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เวียดนามหันมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงปรับปรุงทางหลวงและท่าเรือหลักของประเทศ อีกทั้ง ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นสาขาธุรกิจที่น่าดึงดูดเป็นอันดับ 2 ของมุมมองนักลงทุนต่างชาติ คิดเป็น 26% ของเงินลงทุนรวม นักลงทุนส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เดนมาร์ก จีนและเกาหลีใต้

นอกจากนี้ คุณจอห์น แคมป์เบลล์ จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก Savills Vietnam กล่าวว่านโยบายในการสนับสนุนเศรษฐกิจและการรณรงค์ฉีดวัคซีนที่ประสบความสำเร็จของเวียดนาม ได้สร้างฐานที่มั่นคงสำหรับบริษัทต่างชาติที่จะมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-top-destination-for-foreign-investors-says-cushman-wakefield-2059452.html

5 ประเทศชั้นนำของโลก เข้ามาลงทุนในเวียดนามเท่าไร?

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าในปี 2564 สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เกือบ 22,940 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน 16,863 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, ญี่ปุ่น เยอรมนีและสหราชอาณาจักร ตามลำดับ โดยทั้ง 5 ประเทศข้างต้นได้เข้ามาลงทุนในเวียดนามมาหลายปีแล้ว หากพิจารณาในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2565 ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากจำนวนโครงการใหม่ 123 โครงการ ตามมาด้วยจีนกลายมาเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 2 ในเวียดนาม สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักและเยอรมนี

นอกจากนี้ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม (MPI) ระบุว่าอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเป็นสาขาการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/how-much-do-the-5-largest-economies-invest-in-vietnam-2059410.html

“เวียดนาม” ปรับประมาณการจีดีพี Q3/65 โต 7%

แหล่งข่าวระบุว่ารัฐบาลได้แถลงการณ์ประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กล่าวว่าเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ที่ระดับเหนือกว่า 7% จากการแถลงการณ์ของรัฐบาลชี้ว่ารัฐบาลสามารถรักษาเสียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้จนถึงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก ทั้งนี้ GDP ของเวียดนามในไตรมาส 2/2565 ขยายตัว 7.72% จากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 5.05%

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-q3-gdp-growth-seen-above-7-government-2932871

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ปีนี้“เวียดนาม” ส่งออกข้าวพุ่ง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Phung Duc Tien รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท เปิดเผยในที่ประชุมว่าในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวเปลือกทั้งสิ้น 6.7 ล้านเฮกตาร์ ลดลง 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่พื้นที่เก็ยเกี่ยวทั้งสิ้น 4.4 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม อยู่ที่ 479 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดข้าวในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มการนำเข้าข้าวของเวียดนามอย่างมาก ทำให้ช่วยราคาส่งออกข้าวของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้  นาย Nguyen Nhu Cuong ผู้อำนวยการแผนกเพาะปลูกพืช ชี้ว่าหากไม่มีสภาพอากาศที่ผิดปกติหรือเผชิญกับความผิดปกติในพืชพันธุ์ ภาคเกษตรกรรมของเวียดนามจะผลิตข้าวเพียงพอต่อการส่งออก ซึ่งจะบรรลุตามเป้าหมายที่ 6.5-6.7 ล้านตันในปีนี้ สร้างรายได้กว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1314243/vn-to-earn-around-3-3-billion-from-rice-exports-this-year-experts.html

“MoMo” อีวอลเล็ตรายใหญ่ของเวียดนาม เดินหน้าจับมือสตาร์บัคส์ เวียดนาม เป็นครั้งแรก!

ผู้ให้บริการ E-wallet รายใหญ่ในเวียดนามอย่าง “MoMo” และสตาร์บัคส์ เวียดนาม (Starbucks Vietnam) ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ โดยเปลี่ยนจากการชำระเงินในรูปแบบเดิม หันมาใช้วิธีการชำระเงินแบบบูรณาการเพื่อให้เข้ากับร้านค้าสตาร์บัคส์ทุกแห่งทั่วประเทศ จากความร่วมมือของทั้งสองธุรกิจ ทางสตาร์บัคส์ เวียดนามจะสามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าหรือผู้ใช้งานของแพลตฟอร์ม “MoMo” นับล้านคนได้ทันที ทั้งนี้ คุณ Patricia Marques ผู้จัดการทั่วไปของ Starbucks Vietnam กล่าวว่าความสะดวกรวดเร็วในการชำระเงินเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของร้านค้าสตาร์บัคส์ เวียดนาม และยังมองว่า “MoMo” เป็นพันธมิตรในอุดมคติเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและอิทธิพลต่อชุมชนผู้บริโภคในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/momo-becomes-first-ewallet-integrated-for-payment-at-starbucks-vietnam/236940.vnp

“IMF” ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามมีทิศทางที่ดี

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเวียดนามผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หลังจากปรับตัวให้ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้และส่งเสริมการฉีดวัคซีน โดยภาครัฐฯ มีการส่งเสริมมาตรการช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจและสังคม อาทิ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและโครงการของภาครัฐอื่นๆ ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการค้าปลีก ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม อยู่ที่ 7% ในปี 2565 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ โดยส่วนใหญ่เป็นเพียงบางรายการสินค้า ได้แก่ เชื้อเพลิงและบริการที่เกี่ยวข้อง (การขนส่ง) นอกจากนี้ ราคาผู้บริโภคในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางไว้ที่ 4%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/imf-optimistic-about-vietnams-economic-growth-post968532.vov

“ศก.ดิจิทัล” มีสัดส่วน 25% ของ GRDP เมืองโฮจิมินห์ ปี 2568

เศรษฐกิจดิจิทัลของเมืองโฮจิมินห์ คาดว่าจะมีสัดส่วน 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของภาคใต้ (GRDP) ในปี 2568 โดยมีการตั้งเป้าว่าให้เร่งทำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและส่งเสริมเมืองโฮจิมินห์ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ มองว่าการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นับเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และก้าวไปสู่การพัฒนาที่แข็งแกร่งในอนาคต นอกจากนี้ ตามข้อมูลของสถาบันพัฒนาเมืองของโฮจิมินห์ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัล มีมูลค่ากว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สัดส่วนของ GRDP ของเมืองในปี 2564 คิดเป็น 14.41% ของมูลค่าทั้งหมด และอัตราดังกล่าวจะมีสัดส่วนสูงถึง 15% ในปี 2565

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/digital-economy-to-make-up-25-of-hcm-citys-grdp-by-2025/236868.vnp

“มูดี้ส์-ฟิทช์” ยกระดับเครดิตเวียดนาม สู่ Ba2 เหตุศก.มีเสถียรภาพ

กระทรวงการคลังเวียดนาม เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าทางมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส (Moody’s Investors Service) สถาบันจัดอันดับระดับสากล ประกาศยกระดับความน่าเชื่อถือของสกุลเงินในประเทศระยะยาวของเวียดนามที่ระดับ “Ba2” จาก “Ba3” และได้ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของเวียดนามเป็น “เชิงบวก” สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นต่อผลกระทางเศรษฐกิจภายนอกที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของนโยบายที่ดีขึ้น ทั้งนี้ สถาบันจัดอันดับยังคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานใหม่ รวมถึงการกระจายการส่งออกและการไหลเข้าของการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมการผลิต อีกทั้ง ผลการจัดอันดับเครดิตยังสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการคลังของเวียดนามที่แข็งแกร่งขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/moodys-upgrades-vietnams-ratings-to-ba2-outlook-to-stable-post968258.vov

“เวียดนาม” เผย 8 เดือนแรก การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัว โต 9.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากพิจารณาการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจในเรื่องของการขยายขนาดการผลิต เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ ตามรายงานของสำนักงาน แสดงให้เห็นว่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ผลิตอุตสาหกรรมหลักบางรายการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ (19.6%), รถยนต์ (13.9%) และอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าศูนย์การผลิตภาคอุตสาหกรรม มีแนวโน้มในมทิศทางที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการพยายามหาแนวทางที่จะฟื้นฟูการผลิต

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/industrial-production-recovers-quickly-with-growth-of-94-in-eight-months/236799.vnp

“อีคอมเมิร์ซ” กุญแจสำคัญ เพิ่มโอกาสขยายการค้าเวียดนาม-สหราชอาณาจักร

ภาคธุรกิจของเวียดนามได้รับการกระตุ้นให้มาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อที่จะขยายการเข้าถึงตลาดสหราชอาณาจักร (UK) หลังจากข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร-เวียดนาม (UKVFTA) มีผลบังคับใช้แล้ว โดยสหราชอาณาจักรเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อันดับที่ 4 ของโลกที่ทำรายได้กว่า 117.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 หากพิจารณาผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาดอีคอมเมิร์ซของสหราชอาณาจักร คือเว็บไซต์ร้านค้า amazon.co.uk ทำรายได้ 17.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว รองลงมา tesco.com และ argos.co.uk คิดเป็นสัดส่วนทั้งสามร้านค้ารวมกัน 30% ของรายได้ออนไลน์ในสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมอิคอมเมิร์ซ เติบโตสูงถึง 53% ในปี 2564 ดังนั้น คุณ Bùi Thanh Hằng ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ ชี้ว่าข้อตกลง UKVFTA จะอนุญาติให้ใช้วิธีการใหม่ในการเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1312561/e-commerce-the-key-to-increase-bilateral-trade-between-viet-nam-and-the-uk.html