นครบิ่ญถ่วนจำเป็นต้องมีการบริหารในด้านการก่อสร้าง

จากคำแถลงการณ์ของรองนายกรัฐมนตรี ณ วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่าในจังหวัดบิ่ญถ่วนทางตอนใต้ของเวียดนาม จำเป็นต้องให้ความสำคัญในด้านการบริหารการก่อสร้างภูมิภาคนี้ ซึ่งต้องรับมือกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สภาพแวดล้อมมีความเหมาะสมในการลงทุน และนโยบายให้มีความน่าดึงดูดต่อนักลงทุน รวมไปถึงในจังหวัดดังกล่าว มีศักยภาพทางด้านแหล่งพลังงานทดแทน ได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการท่องเที่ยวสีเขียว ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจของนักลงทุน และสามารถขยายด้านการท่องเที่ยวให้ควบคู่กับเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์จากการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น นอกจากนี้ ภายในงานประชุมได้นำเสนอจุดแข็ง ศักยภาพ และโครงการสำคัญในจังหวัดบิ่ญถ่วน มีโครงการลงทุนกว่า 11 โครงการ ด้วยมูลค่า 23 พันล้านล้านด่อง ในขณะเดียวกัน มีอนุมัติการลงทุน 14 โครงการ ด้วยมูลค่าต่อภาคประมาณ 20.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/binh-thuan-needs-to-become-constructive-administration-deputy-pm/160863.vnp

11 เดิอนมูลค่าค้าชายแดนเมียนมาสูงถึง 9.4 พันล้านเหรียญ

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์เมียนมามีรายได้มากกว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐจากการค้าชายแดนในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างวันที่ 1 ต.ค.ถึง 6 ก.ย.ในปีงบประมาณปัจจุบัน 61-62 มีมูลค่าถึง 9.464 พันล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่ปีที่แล้วมีมูลค่ารวม 8.434 พันล้านเหรียญสหรัฐ ค้าชายแดนส่วนใหญ่จะเป็นจีนคือมีมูลค่ามากกว่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ลดลง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่าการค้าชายแดนที่นะบูแหล่ / Htikhee ที่ค้าขายกับไทยมีมูลค่า 2.318 พันล้านเหรียญสหรัฐมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า เพื่อเป็นส่งเสริมการค้าต้องปรับปรุงทั้งด้านปริมาณและคุณภาพในการนำเข้า ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุนที่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/border-trade-value-reaches-over-94-bn-in-11-months

CLMVT เน้นการปกป้องสิทธิแรงงาน

จากการหารือประชุมของความร่วมมือครั้งที่ 3 ระหว่างประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย ในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในประเทศ CLMVT” โดยสปป.ลาวยังคงร่วมมือในการปกป้องสิทธิแรงงานข้ามชาติในกรุงเสียมราฐในประเทศกัมพูชา ซึ่งจากข้อมูลดร.คำเพ็ญ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการ ระบุว่าสปป.ลาวให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติ และดำเนินตามนโยบายคุ้มครองสังคมแห่งชาติ ซึ่งทำให้แรงงานข้ามชาติมีสิทธิในการเจรจาต่อสภาพการทำงานได้ และเมื่อทำงานอยู่ในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน นอกจากนี้ แรงงานยังสามารถพัฒนาทางด้านความปลอดภัย ด้วยการประกันสังคม รวมไปถึงทั้ง 5 ประเทศในกลุ่มอาเซียน เห็นด้วยว่าจะดำเนินตามกรอบกฎหมายและร่วมมือในการสนับสนุนด้านประกันสังคมของแรงงานข้ามชาติ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_CLMTV_211.php

Reed Smith สนับสนุนข้อตกลงพลังงาน 2,400 เมกะวัตต์กับสปป.เทศลาว

ข้อตกลงด้านพลังงานที่สำคัญซึ่งได้ลงนามเมื่อต้นเดือน โดย Electricité du Cambodge (EDC) และผู้ให้บริการไฟฟ้าอิสระสองรายในประเทศสปป.ลาว ซึ่งการลงนามในข้อตกลงสำคัญระหว่าง EDC และผู้ให้บริการไฟฟ้าสองรายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คือ​บริษัท Xekong Thermal Power Plant จำกัด และ บริษัท TSBP Sekong Power and Mineral Limited ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติของสิงคโปร์ Kohe Hasan และ Bree Miechel ให้การจัดการด้านพลังงานแก่กัมพูชาระยะเวลา 30 ปีในอัตรา 7.7 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง โดยเริ่มจากการถ่ายโอนพลังงานในปี 2567 จะทำการซื้อ 300 MW ในปี 2568-2569 เพิ่มขึ้นเป็น 600 MW และในปี 2570 เพิ่มเป็น 900 MW บนพื้นฐานความต้องการและการเติบโตอย่างรวดเร็วในกัมพูชาคิดเป็น 17-20% ในแต่ละปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50645407/reed-smith-supports-2400-mw-energy-deal-with-laos/

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาเซ็นสัญญาการท่องเที่ยวกับกลุ่มชาวจีน

กระทรวงการท่องเที่ยวและสถาบันการศึกษาสามแห่งจากมณฑลกวางสีของจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในความร่วมมือการฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกอบรมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะการพัฒนาขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ ซึ่งการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และส่งเสริมการฝึกอบรมวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวในโรงเรียนกัมพูชา โดยเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เพิ่มจำนวนบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเป็น 1.2 ล้านคนภายในปี 2568 ซึ่งในปัจจุบันมีคนงานประมาณ 800,000 คนในภาคการท่องเที่ยว แต่ส่วนใหญ่ต้องการการรับรองทักษะบางประเภทผ่านการฝึกอบรม โดยกัมพูชาตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 7 ล้านคนในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 6.2 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกกัมพูชาได้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 3.3 ล้านคน โดย 1.2 ล้านคนมาจากจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 38%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50645420/ministry-signs-tourism-pact-with-chinese-groups/

สินค้าเวียดนามบุกตลาดไทย

จากข้อมูลภายในงาน Vietnamese Week in Thailand 2019 ณ กรุงเทพมหานคร วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบภายในงานครั้งนี้ คือ “Taste of Vietnam” ร่วมกับผู้ประกอบการเวียดนาม 45 คน เพื่อส่งเสริมสินค้าเวียดนามในประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตท้องถิ่นเวียดนาม ให้สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทยได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมดังกล่าว เพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการเวียดนามได้มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายภายในปี 2563 รวมไปถึงรัฐบาลเวียดนามช่วยส่งเสริมระบบการค้าปลีกระหว่างประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยอีกด้วย และเมื่อเร็วๆนี้ ทางกลุ่มเซ็นทรัลเวียดนามได้จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ในการวิจัยการตลาด, คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ เพื่อให้สามารถเจาะตลาดไทยได้ โดยจะมีหลักสูตรฝึกอบรบในการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในท้องถิ่นเวียดนาม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะหรือเอกลักษณ์ ให้เหมาะสมกับตลาดไทย ในขณะที่ กิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยให้เห็นถึงมุมมองหรือวิสัยทัศน์ของกลุ่มเซ็นทรัลเวียดนาม ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตชาวเวียดนามได้ดีขึ้น และทางรองนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่าภายในงานครั้งนี้ จะได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม กับกลุ่มเซ็นทรัล ในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การลงทุน นอกจากนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้ารวมของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 10.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535608/vietnamese-goods-shine-in-thailand.html#SElP96SitDGqh24f.97

เวียดนามก้าวขึ้นแท่นเป็นประเทศต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการลงทุน

จากรายงานของสำนักข่าว US News & World Report เปิดเผยว่าประเทศเวียดนามก้าวเข้าสู่ประเทศที่น่าลงทุนของปีนี้ อยู่ในอันดับที่ 8 จาก 29 ประเทศ, เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอันดับที่ 23 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 13, 14, 18 ตามลำดับ ทางด้านรายงานปฏิรูปเศรษฐกิจของนโยบายโด่ยเหม่ย (Doi Moi) ที่ก่อตั้งในปี 2529 ได้ช่วยให้เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมากขึ้น และมีความทันสมัย รวมไปถึงมีการดำเนินการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยแสดงให้เห็นถึงการเข้าร่วมกับองค์กรการค้าโลก (WTO) และภายในปี 2553 ได้เข้าร่วมเจรจาในข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP) นอกจากนี้ ยังเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และฟอรั่มอาเซียน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนสิงหาคม เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศรวมอยู่ที่ 22.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535610/viet-nam-ranked-in-top-countries-for-investment.html#aCBCVJlxoKaxLKaS.97

ย่างกุ้งวางแผนศูนย์กลางโลจิสติกส์สถานีรถบรรทุกเพื่อลดความแออัด

ย่างกุ้งวางแผนสร้างศูนย์กลางโลจิสติกส์และสถานีรถบรรทุกในเขตชานเมืองเพื่อลดความแออัดและจัดหาพื้นที่จอดรถให้เพียงพอ ปัจจุบันมีบริษัทขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก 22 ล้อ, 12 ล้อและ 6 ล้อจากโรงงานโดยตรงไปยังเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม การขนย้ายสินค้าไปยังคลังสินค้าที่สถานีขนส่งทางหลวงบุเรงนอง ในเขตการปกครอง Mayangone ก่อนที่จะโหลดสินค้าลงบนรถบรรทุก ทำให้การจราจรหนาแน่นและสถานีที่ไม่สามารถรองรับจำนวนรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นได้ เครือข่ายการขนส่งสินค้าของประเทศครอบคลุมโดยรถบรรทุกเป็นส่วนใหญ่นอกเหนือจากช่องทางรถไฟและทางทะเล ในช่วงปีงบประมาณ 60-61 มีรถบรรทุกสินค้ารวม 530,000 คันขนย้ายสินค้าไปทั่วย่างกุ้ง ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟมีจำนวน 526,000 ตันในขณะที่ 422,000 ตันและ 1,400 ตันถูกขนย้ายโดยเรือและเครื่องบินตามลำดับ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/yangon-plans-logistics-hub-truck-terminal-ease-congestion.html

อินโดนีเซีย – เมียนมาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านอาหาร สิ่งทอ และภาคบริการ

จากรายงานของสหพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) นักธุรกิจอินโดนีเซียและเมียนมากำลังหารือเพื่อร่วมมือในอุตสาหกรรมอาหารสิ่งทอและบริการ การจับคู่ทางธุรกิจจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นการอำนวยความสะดวกระหว่างนักธุรกิจในการซื้อขายปุ๋ย ยาฆ่าวัชพืช บรรจุภัณฑ์ อาหารและยาซีเมนต์ ปูนซีเมนต์ กระดาษและเยื่อกระดาษ สิ่งทอรวมถึงผ้าบาติก การค้าและบริการ จากข้อมูลพบว่าการค้าของสองประเทศมีมูลค่า 523.147 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่าง เม.ย.ถึงก.ย.2561 เมียนมาส่งออก 62.822 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการนำเข้ามูลค่า 460.325 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณ 60-61 การค้ากับอินโดนีเซียมีมูลค่า 1,025.278 ล้านเหรียญสหรัฐ- ส่งออก 123.909 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ นำเข้า 901.369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 61 ถึง ก.ค. 62 มีมูลค่า 863.091 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจัดงาน UMFCCI Centennial International Expo 2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการลงทุนในประเทศและต่างประเทศและโอกาสทางเศรษฐกิจโดยจัดแสดงผลิตภัณฑ์สินค้ารวมถึงยานพาหนะจากเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน มาเลเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/indonesia-myanmar-discuss-cooperation-in-foodstuff-textile-service-sectors

สปป.ลาว, จีนเตรียมจัดงานแสดงเทคโนโลยีร่วมกัน

นิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสปป.ลาว – ​​จีนจะจัดขึ้นที่เวียงจันทน์ตั้งแต่วันที่ 11-16 ต.ค.นี้เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ประเทศได้แสดงนวัตกรรมล่าสุดสู่สาธารณะ งานแสดงสินค้าที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ เป็นเวทีสำหรับภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทั้ง 2 ประเทศภายใต้หัวข้อ “Fostering Smart Technology Application to Achieve the Goal of Industrialisation and Modernisation”  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้โอกาสแก่บริษัทและสถาบันการวิจัยในการแบ่งปันข้อมูลสร้างเครือข่ายเพื่อส่งเสริมการผลิตและจุดประกายโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี และยังมีการจัดแสดงงานฝีมือพร้อมกับอาหารท้องถิ่นและเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับผู้บริโภคและอิเล็กทรอนิกส์  การจัดงานในครั้งนี้มีความสำคัญสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มในความรู้และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการจัดการและประสิทธิภาพที่นำไปสู่ธุรกิจใหม่และส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม เหตุการณ์จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและการถ่ายโอนเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-china-stage-joint-technology-expo-104461