RDB ของกัมพูชา เปิดสินเชื่อ “ฉุกเฉิน” รอบใหม่

ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวในกัมพูชา ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบทของภาครัฐ (RDB) ได้เริ่มให้เงินกู้ยืมแก่โรงสีข้าวในท้องถิ่นภายใต้กองทุนฉุกเฉินของภาครัฐ โดยเงินกู้ยืมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้โรงสีซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งมีวงเงินอยู่ที่ 50 ล้านเหรียญสหรัฐเท่ากับปีที่แล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาดกลางตั้งอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวส่วนใหญ่ในกัมพูชา เช่น Battambang, Banteay Meanchey, Pursat, Prey Veng, and Takeo ซึ่งเงินกู้ของ RDB มีอายุสินเชื่ออยู่ที่ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดย RDB ยังมีเงินทุนอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโรงสีข้าวในจังหวัดที่ผลิตข้าวหลัก ที่ต้องการสร้างหรือพัฒนาสถานที่เก็บสินค้าเช่นคลังสินค้าหรือไซโลในการเก็บสินค้า ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีกัมพูชาส่งออกข้าวสาร 281,538 ตันเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643674/rdb-opens-new-round-of-emergency-loans/

ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดการลงทุนของจีน

คนในวงการอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการตัดสินใจของจีนในการจำกัดการไหลออกของเงินทุนที่ผลต่อกัมพูชา โดยเมื่อ 2 ปีก่อนจีนได้ดำเนินนโยบายกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนขาออก เพื่อจัดการเกี่ยวกับการไหลออกของเงินทุนและลดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีนจากการลงทุนในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งกัมพูชามีจำนวนเงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์กว่า 40% จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตามข้อจำกัดด้านเงินทุนที่ไหลออกของจีนอาจจะส่งผลดีเนื่องจากจะเป็นการลดสัดส่วนของเงินทุนไม่ให้ไปอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งมากจนเกินไป โดยตามบทความใน South China Morning Post การลงทุนโดยตรงของจีน (ODI) ลดลง 9.6% มาอยู่ที่ 143.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 ซึ่งจากการสำรวจความตั้งใจในการลงทุนของนักลงทุนจีนของ CBRE เมื่อปีที่แล้วการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 80% สู่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643320/real-estate-experts-concerned-about-chinas-investment-restrictions/

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธาน CCC อีกครั้ง

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธานหอการค้ากัมพูชาด้วยการสนับสนุนจากประธานในจังหวัดต่างๆของกัมพูชา 15 คน โดยจะมีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลของภาคเอกชน ซึ่งคาดหวังว่าประธานสภาจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในหลายภาคส่วนในกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชาเป็นเป้าหมายการลงทุนที่ดีของนักลงทุน โดยบทบาทของหอการค้ากัมพูชาคือการพูดในนามของภาคเอกชนในการเจรจากับรัฐบาลและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งความรับผิดชอบหลักคือการจัดการฟอรัมระหว่างภาครัฐและเอกชนซึ่งเป็นกลไกหลักที่รัฐบาลใช้ในการลดอุปสรรคการทำธุรกิจและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643673/kith-meng-re-elected-as-ccc-president/

หน่วยงานการผลิตทางการเกษตรสปป.ลาวจำหน่ายเมล็ดข้าวเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการผลิต ภายใต้กรมส่งเสริมวิชาการและแปรรูปการเกษตร กระทรวงเกษตรและป่าไม้กล่าวว่าหน่วยงานมีร้านจำหน่ายเมล็ดข้าว 1,500 ตัน ในเดือนพ.ย. ถึงช่วงฤดูแล้ง มี.ค. พร้อมที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในแขวงคำม่วน สุวรรณเขต อัตตะปือ สาละวัน จำปาสัก และ เซกอง ที่เสียหายกว่า 130,500 ไร่ ซึ่งกำลังรอคำขอโดยตรงจากการประเมินของหน่วยงานท้องถิ่น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะสามารถจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรเนื่องจากพื้นที่น้ำท่วมบางแห่งไม่พร้อมที่จะปลูกข้าวในฤดูแล้ง นอกจากนี้หน่วยงานจะยังคงร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยการเพิ่มจำนวนพันธุ์ที่มีอยู่ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจว่าเกษตรกรสามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ได้มากขึ้น อีกทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรนำเทคนิคและอุปกรณ์การปลูกพืชใหม่มาใช้ในการปลูกข้าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนการผลิต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Authorities_206.php

เวียดนามเผยราคาส่งออกกาแฟร่วงตามสภาพเศรษฐกิจโลก

จากรายงานของหน่วยงานด้านการเกษตรแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม (The Agro Processing and Market Development Authority) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ปริมาณการส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.17 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.8 และ 21.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ซึ่งเยอรมันและสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ากาแฟรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.7 และ 9 ตามลำดับ อันที่จริงแล้ว ราคากาแฟของเวียดนามที่ลดลง เป็นผลมาจากแนวโน้มของราคากาแฟทั่วโลกลดลง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกาแฟ ระบุว่าธุรกิจกาแฟเวียดนามได้ทำการส่งออกไปยัง 80 ประเทศ ด้วยมูลค่ารวมมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14 และร้อยละ 10.4 ของมูลค่าการส่งออกกาแฟทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ส่งออกส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะเป็นเมล็ดกาแฟ (Coffee beaens) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ดังนั้น กำไรที่ได้มาจะไม่ได้สามารถเทียบกับยอดมูลค่าการส่งออกได้ รวมไปถึงทางหน่วยงานฯ มองว่าราคากาแฟในช่วงระยะสั้นนั้นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลผลิตกาแฟลดลงในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ และใยระยะกลาง-ยาว จะมีความต้องการกาแฟเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการผลักดันการนำเข้ากาแฟมากขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535429/coffee-export-prices-plummet.html#a5vyTodulqym1mml.97    

ธุรกิจก่อสร้างในเวียดนามมีทิศทางการดำเนินงานเป็นบวก ในช่วงไตรมาสที่ 3

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ผู้ประกอบการด้านการก่อสร้างส่วนใหญ่ร้อยละ 40.9 มองว่าผลประกอบการอยู่ในระดับทรงตัว/ไม่เปลี่ยนแปลง รองลงมาร้อยละ 36.4 ธุรกิจอยู่ในช่วงยากลำบาก และร้อยละ 22.7 ธุรกิจอยู่ในระดับดีมาก ตามลำดับ ซึ่งเป็นการสำรวจธุรกิจกว่า 5,500 แห่ง ที่อยู่ในภาคการก่อสร้าง และจากการสำรวจร้อยละ 66 ของกลุ่มรัฐวิสาหกิจมองว่าสถานการณ์ธุรกิจดีขึ้น ในช่วงกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ ผลของการสำรวจชี้ให้เห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 51.3 มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และร้อยละ 48.7 ต้นทุนการผลิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลง สำหรับความต้องการจ้างงาน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 81.5 ธุรกิจยังคงไม่ต้องการเพิ่มพนักงาน และร้อยละ 18.5 ธุรกิจต้องการพนักงานน้อยลง และทางสำนักงานฯ แนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยลดขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อ ลดระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ และเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงเงินทุน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/construction-firms-optimistic-about-business-performance-in-q3/160483.vnp

11 เดือน เมียนมาส่งออกถั่วมูลค่าเกือบ 930 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมียนมามีรายได้เกือบ 930 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกถั่วและพัลส์ต่าง ๆ ประมาณ 1.5 ล้านตัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61 ถึง 30 ส.ค.62 ของปีงบประมาณนี้ซึ่งสูงกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 625.572 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาร์ส่งออกถั่วเขียวผิวมันและถั่วเขียวเป็นหลัก ผู้นำเข้าหลักคืออินเดียนิยมซื้อถั่วเขียวในขณะที่จีนและยุโรปมักจะซื้อถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวหนึ่งตันมีราคาอยู่ที่ประมาณ 754,000 จัตในตลาดท้องถิ่น ราคาถั่วเขียวมีความผันผวนในตลาดท้องถิ่นจากข้อมูลของผู้ค้าถั่วศูนย์ค้าส่งบุเรงนองในย่างกุ้ง เมียนมาส่งออกถั่ว 561,766 ตัน มูลค่า 672.288 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 59-60 527,965 ตันมูลค่า 344.043 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 60-61 งบประมาณ 61-62 ถึงสิงหาคมปีนี้ ราคาเฉลี่ยหนึ่งตันอยู่ที่ 758,332 จัต

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/nearly-930-m-earned-from-export-of-beans-and-pulses-in-11-months

พาณิชย์เร่งอัพเกรดเอฟทีเอ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังอยู่ระหว่างการ เตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา หลังจากที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีมติให้อาเซียนไปเจรจากับคู่เจรจาเพิ่มเติม หลังจากที่เอฟทีเอจับคู่เจรจาหลายกรอบ ทั้งอาเซียน-จีน, อาเซียน-อินเดีย, อาเซียน-เกาหลีใต้ และอาเซียน-ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ได้มีผลบังคับใช้มานานแล้ว และยังไม่มีการปรับปรุงความตกลง ยกเว้นอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่ได้มีการอัพเกรดเอฟทีเอไปแล้ว ขณะนี้กำลังรอการบังคับใช้

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3041888

เวียดนามเผยยอดนำเข้ารถยนต์จากจีนร่วงลง

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว การนำเข้ารถยนต์จากประเทศจีนลดลง เนื่องมาจากการยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยในปีที่แล้ว เวียดนามนำเข้ารถยนต์ทุกชนิดจากจีนกว่า 1,565 คัน ลดลงร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีปริมาณรถยนต์ราว 11,800 คัน  และคาดว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนามอยู่ที่ 900 คัน หากจำแนกประเภทรถยนต์ ระบุว่าส่วนใหญ่เวียดนามนำเข้ารถบรรทุกจากจีน ในขณะที่ ความต้องการรถยนต์ชนิดดังกล่าวเพิ่มขึ้น และเวียดนามนำเข้ารถยนต์ไม่เกิน 9 ที่นั่ง จากอาเซียน เป็นผลมาจากการได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 นอกจากนี้ สัดส่วนการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม ส่วนใหญ่มาจากอาเซียนร้อยละ 88.8 ในขณะที่ จีนมีเพียงร้อยละ 1.9 ทางด้านกระทรวงฯ มองว่าในปีนี้ เวียดนามนำเข้ารถยนต์ ด้วยมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา :    https://e.vnexpress.net/news/business/industries/car-imports-from-china-crash-3981546.html

เอกชนชี้ตลาดโลว์คอสต์ไทยโตทะลุ 20%

ไทยเวียดเจ็ต เผยว่าปี 62 เป็นอีกปีที่สายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost Airline) เติบโตอย่างคึกคัก สวนทางตลาดท่องเที่ยวไทยที่เติบโตลดลงมาโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่าไม่ค่อยคึกคัก ส่งผลให้ไทยเวียดเจ็ตปรับเป้าการเติบโตจาก 10% เป็น 20% ในปีนี้ ทั้งนี้คาดว่าปริมาณผู้โดยสารทั้งปีจะอยู่ที่ 2.4 ล้านคน เติบโตจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2.1 ล้่านคน ตลาดศักยภาพเกิดใหม่เป็นขุมทรัพย์และเป้าหมายการทำตลาด คืออินเดีย ในรอบ 10 ปีข้างหน้าผู้โดยสารจากอินเดียจะไหลทะลักไปทั่วโลกรวมถึงเข้ามาในไทยด้วย ทั้งนี้ส่วนในรอบ 5-10 ปีนั้นสายการบินโลว์คอสต์จะพุ่งเป้าไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งมีดีมานต์ประชากรมากกว่า 70 ล้านคน ดังนั้นจึงสนใจเปิดเส้นทางบิน ไทย-ย่างกุ้ง (เมียนมา) และ ไทย-สปป.ลาว จากปัจจุบันมีเส้นทางบินแค่ ไทย-เวียดนาม รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่า ตลาดอินเดียมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก เฉลี่ย 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 61 ขยายตัว 18% ทิ้งห่างเจ้าตลาดจีนอย่างมากซึ่งเติบโตเพียง 11% ในปีก่อน ดังนั้นคาดว่าปริมาณผู้โดยสารของอินเดียจะมีมากกว่า 520 ล้านคนในปี 2037 และเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 10% ในอีกหลายปี

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/45720