ค้าชายแดนเมียนมา – จีน หยุดชะงัก

การค้าชายแดนของเมียนมากับจีนผ่านด่านมูเซในรัฐฉานตอนเหนือได้หยุดชะงักลงเนื่องจากการทำลายสะพานโดยกองกำลังกบฏที่ถนนมัณฑะเลย์ – มูเซและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ด่านมูเซส่วนใหญ่ส่งออกข้าว, ข้าวโพด, น้ำตาล, ผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ และนำเข้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และวัตถุดิบอื่น ๆ จากจีน มูลค่าการค้าที่ส่งผ่านมูเซอยู่ที่ประมาณ ล้านเหรียญสหรัฐ (4.57 พันล้านจั๊ต) ต่อวันจากงานของกระทรวงพาณิชย์ แม้ว่าจะมีการซ่อมแซมสะพานที่ถูกทำลายแต่ก็ยังคงเป็นการยากที่จะดำเนินการค้าต่อเนื่องจากขาดความมั่นคงในภูมิภาค ปัจจุบันไม่มีการส่งออกผลไม้ไปยังจีน แต่ผู้ค้าส่งสินค้าประมงแม้จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นในการส่งออกกำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก จนต้องขายสินค้าในประเทศเท่านั้น เช่น ในเมืองในมัณฑะเลย์และย่างกุ้ง รวมทั้งการส่งออกข้าวที่ต้องหยุดชะงักไปด้วย รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 ถึง 9 ส.ค. 62 การ ส่งออกไปยังจีนผ่านเขตการค้าชายแดนมูเซ มีมูลค่ารวม 2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้า 1.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 4.28 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmars-cross-border-trade-china-halted-clashes.html

ก.ค.62 เวียดนามนำเข้าปิโตรเลียมมากขึ้น

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมของปีนี้ เวียดนามนำเข้าปิโตรเลียมมากกว่า 1 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 633.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 99 และร้อยละ 107 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการนำเข้าปิโตรเลียมอยู่ที่ 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตลาดนำเข้าส่วนใหญ่มาจากมาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/524213/vn-imports-more-petroleum-in-july.html#FWub38DjdKQQz4o4.97

7 เดือนแรกของปี 62 นครโฮจิมินห์ดึงเงินลงทุนต่างประเทศกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากรายงานของคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 นครโฮจิมินห์สามารถดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศมากกว่า 3.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยจำนวนเงินทุนกว่า 688.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาจากการ โครงการจดทะเบียนใหม่ 678 โครงการ ในขณะที่ นครโฮจิมินห์ได้อนุมัติธุรกิจจดทะเบียนใหม่ในประเทศกว่า 24,529 แห่ง คิด เป็นมูลค่ามากกว่า 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคณะกรรมการค้าและการลงทุนดำเนินการส่งเสริมการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของเมือง และส่งเสริมมูลค่าสินค้าแปรรูปเพื่อการส่งออกมากยิ่งขึ้น โดยประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อการค้าและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการจะยกระดับในการส่งเสริมการค้าไปยังความร่วมมือระหว่างนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-lures-over-36-billion-usd-of-fdi-in-7-months/158045.vnp

รมว.คลังมั่นใจ GDP ปีนี้เติบโตได้ถึง 3%

รมว.คลัง มั่นใจ GDP ปีนี้ยังโตได้ร้อยละ 3 เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.16 แสนล้านบาท เข้า ครม. พรุ่งนี้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของปี 2562 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 นั้น มองว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ไม่ได้ต่ำเกินความคาดหมาย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนมาก สงครามการค้า และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องมีการออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตต่อไปได้ สำหรับวันพรุ่งนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาท เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1.ช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.บรรเทาค่าครองชีพสำหรับเกษตรกรผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง และ 3.กระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ โดยเชื่อว่าหาก ครม. เห็นชอบมาตรการทั้งหมด จะช่วยกระตุ้น GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.55 ทำให้ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 3 ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะเริ่มใช้ได้ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน

ที่มา: https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000079184

ท่องเที่ยวกัมพูชาเร่งสร้างแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวเมื่อวันศุกร์ โดยจะกระตุ้นให้สร้างการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ และการขยายตัวของแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ในจังหวัดเสียมเรียบ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นจากจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ในครึ่งปีแรกลดลงถึง 20% ในเสียมราฐ  จึงผลักดันให้เจ้าหน้าที่รีบปรับปรุงถนน สิ่งอำนวยความสะดวก และตั้งร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม โดยในช่วงครึ่งแรกของกัมพูชามีจำนวนนักท่องเที่ยว 3.3 ล้านคนมาเยือนเพิ่มขึ้น 11% โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นผู้นำในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.2 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งในปีที่แล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50634711/ministry-calls-for-new-tourism-products-to-attract-chinese-and-korean-visitors/

เปิดตัวแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาล กัมพูชา

 Tinh Tinh E-commerce ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐแห่งแรกของกัมพูชาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทุนเริ่มต้น 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแคมโบเดียโพสต์ ถือหุ้น 10% ในขณะที่ ZVS ถือหุ้น 50% ส่วนที่เหลือเป็นของ Paxxa Mobile Solutions 40% ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยธุรกิจในท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดกลางและเล็กขายผลิตภัณฑ์ออนไลน์เพื่อเข้าถึงตลาดโลก ซึ่งจะทำข้อตกลงกับธนาคารหลายแห่งเพื่อให้แน่ใจว่าการทำธุรกรรมมีความปลอดภัย และจากข้อมูลขององค์กรกำกับดูแลด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของกัมพูชา (TRC) จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในกัมพูชาเพิ่มขึ้น 31.6% ในช่วงครึ่งปีแรกและ 15.8 ล้านคนคิดเป็น 98.5% ของ ประชากร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50634706/state-backed-online-shopping-platform-launched/

รัฐบาลอินเดียหนุนการฝึกอบรมสำหรับนักเทคโนโลยีท้องถิ่น ในสปป.ลาว

รัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนหลักสูตรสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาและฝึกอบรมซอฟต์แวร์สปป.ลาว (CESDT) ของสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการ CESDT ระหว่างปี พ.ศ. 60-62 เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (IICT) ภายใต้ระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคม และการสื่อสารของสปป.ลาวและศูนย์พัฒนาคอมพิวเตอร์ขั้นสูงแห่งอินเดีย (C-DAC) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์คุณภาพสูงตามนโยบายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลของรัฐบาลและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งสำหรับสปป.ลาวเป็นโครงการแรกที่อยู่ในโครงการความร่วมมืออาเซียน – อินเดีย แต่ละหลักสูตรจะใช้เวลาประมาณ 200 ถึง 320 ชั่วโมง โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตร C-DAC หลักสูตรรวมถึงการทดสอบซอฟต์แวร์,เทคโนโลยีเว็บขั้นสูง,การเขียนโปรแกรม Android,การจัดการโครงการด้านไอที,การแฮ็กข้อมูลอย่างมีจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลและการบริหารระบบลีนุกซ์ที่จะต้องดำเนินการภายใต้โปรแกรม

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Indian_186.php

อสังหาฯ ท้องถิ่นระดมทุนรอบสองพุ่ง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 ShweProperty.com บริษัท อสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ของเมียนมาระดมทุน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการระดมทุนรอบ 2 เพื่อกระตุ้นการดำเนินธุรกิจและปรับปรุงระบบการซื้อขายบ้าน การระดมทุนรอบล่าสุดจะถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการดำเนินธุรกิจการขาย การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงรูปแบบการทำธุรกรรมขั้นสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการซื้อบ้านสำหรับผู้บริโภค บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 54 ดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อผู้เช่าและผู้ขาย มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 รายชื่อ โดยมีทั้งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์อยู่ทั่วประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/local-property-portal-raises-3m-second-round-funding.html

เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนลดฮวบผลจากกฎระเบียบที่เข้มงวด

จากข้อมูลศุลกากรเวียดนาม (Vietnam Customs) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังจีนอยู่ที่ 318,000 ตัน ลดลงร้อยละ 65.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (yoy) เนื่องมาจากกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เข็มงวดของจีน รวมไปถึงคุณภาพของสินค้าเกษตรเวียดนามที่ไม่ได้รับรองตามมาตรฐานจีน ซึ่งคาดว่าในปีหน้า การส่งออกข้าวของเวียดนามยังต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ การนำเข้าจากจีนจะลดลงร้อยละ 2.94 คิดเป็นปริมาณประมาณ 3.3 ล้านตัน เนื่องมาจากผู้ผลิตในประเทศจีนมีจำนวนมาก นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/steep-plunge-in-rice-exports-to-china-as-import-rules-tighten-3968743.html

ยอดขายรถยนต์พุ่งสูงกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยคนเวียดนามหันมานิยมใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากเศรษฐกิจในประเทศ และรายได้ต่อหัวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อในปีที่แล้ว รายได้ต่อหัวอยู่ที่ 2,587 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 ต่อปี อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของอุตสาหกรรมยานยนต์ localization rate ที่ตั้งไว้ต่ำกว่าร้อยละ 40-55 สำหรับรถบรรทุก และร้อยละ 7-10 สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เป็นผลมาจากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่เป็นแบบง่ายๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเวียดนามขาดการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศ ด้วยเหตุนี้ หลายปีที่ผ่านมา เวียดนามจำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนในปริมาณมาก ด้วยเหตุผลข้างต้น ทางด้านกระทรวงฯ กำลังพิจารณายกเลิกภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 5-10 ปี

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/annual-car-sales-to-reach-a-million-in-2025-3969001.html