กัมพูชาเปิดพรมแดนแห่งใหม่ระหว่างเวียดนาม

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ประกาศจัดตั้งจุดผ่านแดนแห่งใหม่ไปยังเวียดนามในจังหวัดตบยองขุม โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้าและการเดินทางระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามในช่วง มกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ มูลค่า 1,079 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำให้เวียดนามถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองสำหรับสินค้าของกัมพูชารองจากสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากกรมศุลกากร และสรรพสามิต ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากเวียดนามมูลค่า 1,710 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501097768/cambodia-to-get-new-border-crossing-to-vietnam-pm/

คาดปี 2022 การค้า กัมพูชา-เวียดนาม มูลค่าแตะหมื่นล้านดอลลาร์

คาดการค้าระหว่างกัมพูชากับเวียดนามพุ่งแตะ 10,000 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2022 เนื่องจากการค้าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนำเสนอโดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ในพิธีรำลึกครบรอบ 45 ปี การล่มสลายของเขมรแดง ด้าน Lim Heng รองประธานหอการค้ากัมพูชา (CCC) กล่าวว่าปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชากับเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา งา ข้าวโพด ถั่วเหลือง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดหลักของกัมพูชาในภูมิภาคนี้ โดยทั้งสองประเทศให้คำมั่นที่จะเพิ่มการค้าทวิภาคีให้มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในแง่ของการลงทุนสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชามีมูลค่ารวม 39,000 ล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนเวียดนามคิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 6.3 รองลงมาคือจีน ด้วยเงิน 17.3 พันล้านดอลลาร์ และเกาหลี 4.1 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501098201/cambodia-vietnam-trade-expected-to-reach-more-than-10-billion-by-end-of-2022/

“เวียดนาม” ส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมเชิงเศรษฐกิจนิเวศ

จากการสัมมนาล่าสุดที่จัดขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม Nam Cau Kien ในจังหวัดไฮฟอง ระบุว่าถือเป็นครั้งแรกที่ตั้งเป้าส่งเสริมกิจกรรมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้แทนในแต่ละอุตสาหกรรมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานของอุทยานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียดนามและผลประโยชน์อื่นๆ จากการเข้าร่วมอุทยานแห่งนี้

ทั้งนี้ คุณ Vuong Thi Minh Hieu ตัวแทนจากกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่าเวียดนามจะสนับสนุนการพัฒนาอุทยานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่ยั่งยืนและตอบสนองกับยุทธศาสตร์แห่งชาติสีเขียวในปี 2564-2573 โดยมีเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-encourages-development-of-ecoindustrial-parks/231444.vnp

“เวียดนาม” จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ กระตุ้นการส่งออกไปยังตลาดสปป.ลาว ไทยและกัมพูชา

สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (Vietrade) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้เข้าอบรมประกอบด้วยผู้ส่งออกที่สนใจทำตลาดในสปป.ลาวและไทย สำหรับการประชุมดังกล่าวใช้รูปแบบไฮบริคที่จัดขึ้นแบบเสมือนจริงผ่านทาง Zoom ในขณะที่มีอีกงานที่คล้ายคลึงกันที่จะจัดขึ้นในวันถัดไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเวียดนามที่ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังกัมพูชา ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามและสปป.ลาว มีมูลค่าการค้ารวมกันทั้งหมด 708.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของเวียดนามไปยังตลาดสปป.ลาว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องจักร, ปุ๋ย, พลาสติกและผัก

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ใน 10 ประเทศคู่ค้าสำคัญของเวียดนามมานับหลายปี โดยข้อมูลจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ชี้ให้เห็นว่ามูลค่ารวมของประเทศไทยกับเวียดนาม เพิ่มขึ้น 7 เท่าจากในปี 2547 อยู่ที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยการเติบโตเฉลี่ยราว 11% ต่อปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/consultation-workshops-aim-to-boost-exports-to-laos-thailand-cambodia/231367.vnp

“เวียดนาม” เตรียมเพิ่มปริมาณสำรองเชื้อเพลิง

คุณ Lê Viet Nga รองผู้อำนวยการตลาดในประเทศของกระทรวง กล่าวในที่ประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าปัจจุบัน เวียดนามมีปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศอยู่ที่ 5-7 วันเท่านั้น กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าจึงเสนอให้ปรับเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงมากถึง 4 เท่า ถึงแม้ว่าราคาโลกและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี เวียดนามยังไม่ได้ใข้เงินสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นาย​ โด๋ถังห่าย​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม กล่าวชี้ประเด็นไว้ว่าเวียดนามนำเข้าน้ำมันจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเทศที่มีราคาน้ำมันต่ำกว่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และกระทรวงฯมองว่าอุปทานมีเพียงพอในช่วงครึ่งแรกของปีสำหรับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/apples-iphones-likely-to-be-assembled-in-vietnam-post950734.vov

“เวียดนาม” ปรับลดภาษีเบนซิน 1,000 ดองต่อลิตร

กระทรวงการคลังเวียดนาม เสนอให้ปรับลดภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับน้ำมันเบนซินเหลืออยู่ที่ 1,000 ดองต่อลิตรและเชื้อเพลิงอื่นๆ ราว 30-70% เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเวียดนาม กระทรวงฯ จึงได้ร่างมติของคณะกรรมการฝ่ายรัฐสภาเกี่ยวกับการลดภาษีเชื้อเพลิงเพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยาประชาชนและธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ตามร่างมติดังกล่าว ภาษีน้ำมันจะลดลงเหลือ 1,000 ดองต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 2,000 ดองต่อลิตร, ราคาน้ำมันอากาศยานลดลงเหลือ 1,500 ดองต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 1,000 ดอง และอื่นๆ หากคณะกรรมการฝ่ายรัฐสภาใช้มตินี้ในเดือนกรกฎาคม อัตราภาษีที่เสนอจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมจนถึงสิ้นปีนี้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/gasoline-environment-tax-seen-falling-to-vnd1000-per-liter/

“เวียดนาม-มาเลเซีย” จับมือส่งเสริมเศรษฐกิจการป่าไม้

เวียดนามและมาเลเซีย ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOC) เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการค้าไม้ของทั้งสองประเทศ โดยผู้มีลงนาม ได้แก่ สมาคมผู้ส่งออกไม้มาเลเซีย (TEAM), สภาเฟอร์นิเจอร์มาเลเซีย (MFC), สมาคมไม้และผลิตภัณฑ์ป่าไม้เวียดนาม (VIFOREST), สมาคมเฟอร์นิเจอร์จังหวัดด่งนาย (BIFA), สมาคมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมไม้จังหวัดด่งนาย (DOWA) และสมาคมอุตสาหกรรมไม้แห่งนครโฮจิมินห์ (HAWA) ทั้งนี้ นาย Muhtar Suhaili ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Malaysian Timber Council (MTC) กล่าวว่ามาเลเซียมุ่งที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้อย่างยั่งยืนและได้รับประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามที่ไหลเข้าไปยังอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อย่างสหภาพยุโรปผ่านข้อตกลงการค้าเสรี นอกจากนี้ การบันทึกความร่วมมือดังกล่าว สอดคล้องกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนในการลดช่องว่างการพัฒนาของกลุ่มประเทศและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาค

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-malaysia-partner-in-promoting-timber-trade/231349.vnp

“ศก.เวียดนาม” กลับมาฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง จะกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าและการบริโภค ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มสดใสขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต การกลับมาของแรงงานและรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงประชากรที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรค่อนข้างสูง กระทรวงฯยังกล่าวเสริมว่าทางหน่วยงานยังต้องติดตามในเรื่องของอุปสงค์และอุปทานอย่างใกล้ชิด การควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการกักตุนและการเก็งกำไร เป็นต้น นอกจากนี้ รายได้จากการค้าปลีกและบริการในเดือนพ.ค. อยู่ที่ 20.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/domestic-shopping-demand-predicted-to-strongly-rebound/231338.vnp

ตลาดอสังหาฯเวียดนาม ดึงดูดนักลงทุนเกาหลีใต้

คุณแอนดรูว์ ลี (Andrew Lee) ผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ “ซาวิลส์” ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามมีโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นจากนักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลี (ROK) เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากนักลงทุนดังกล่าวแสวงหาโอกาสที่จะขยายกิจการ ผลสำรวจล่าสุดโดย Savills Vietnam ระบุว่านอกเหนือภาคอุตสาหกรรม ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมากจากเกาหลีใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการลงทุนของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตัวเลขการลงทุน ณ สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2563 ทั้งนี้ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ 3 อันดับแรกในเวียดนาม

ที่มา: https://en.vietnamplus.vn/vietnams-real-estate-market-attractive-to-rok-investors-consultancy-company/231159.vnp

“เอชเอสบีซี” ปรับอัตราเงินเฟ้อ ของเวียดนามลดลงเหลือ 3.5%

ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่าได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามในปี 2565 อยู่ที่ 3.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 3.7% เนื่องจากราคาอาหารในประเทศมีเสถียรภาพ และธนาคารยังรายงานว่าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อต้นปี ทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ ไทยและฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ในขณะที่เวียดนาม มาเลเซียและอินโดนีเซีย เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งนี้ เวียดนาม จะเผชิญกับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ราคาค่าขนส่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนราคาอาหารเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อทั่วไปของเวียดนาม ถึงแม้ว่าราคาพลังงานจะสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อทางด้านอาหารยังคงอยู่ในระดับปานกลาง

ที่มา: https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-ranks-89th-in-cost-of-living-index-rankings-post950321.vov