‘เวียดนาม’ ชี้ไตรมาส 3 เศรษฐกิจส่งสัญญาปัญหาเงินเฟ้อ

Trần Toàn Thắng หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราห์เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เป็นสถานการณ์ความตึงเครียดมากที่สุดในการรับมือปัญหาเงินเฟ้อ ภายในงานเสวนาเศรษฐกิจเวียดนามแห่งปี 2022 ซึ่งจากรายงานได้เน้นย้ำถึงกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม แต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันกับปัญหาต่างๆ ในปีนี้ แรงกดดันเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้แล้ว ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ถือได้ว่าสร้างผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจเวียดนามอีกด้วย ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างประเทศจีนที่คงเข็มงวดนโยบาย “Zero COVID” กลายเป็นแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1194073/q3-set-to-be-tough-period-for-inflation.html

‘ข้าวเวียดนาม’ เร่งสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้า

Nguyễn Thị Thu Thủy รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าอาเซียนถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีขนาดตลาดที่ใหญ่สำหรับข้าวเวียดนามและกิจการควรมีกลยุทธ์ในการเข้าถึงตลาดขนาด 700 ล้านประชากร ซึ่งมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน โดยในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกข้าวเวียดนามที่ใหญ่ที่สุด มีปริมาณกว่า 2.45 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 509.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2564 ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของผู้ส่งออกโลก รองจากอินเดียและจีน แต่อินโดนีเซียก็ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพแก่ข้าวเวียดนาม นอกจากนี้ Cao Xuân Thắng เจ้าหน้าที่ของสำนักงานการค้าเวียดนามประจำสิงคโปร์ กล่าวว่าเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 3 ของสิงคโปร์ รองจากไทยและอินเดีย และได้แนะนำให้ผู้ประกอบการปรับปรุงคุณภาพข้าวและส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันกับไทยและอินเดีย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/business-beat/1194075/vietnamese-rice-must-increase-brand-recognition-in-asean.html

หนี้สินเพื่อการเกษตรของมัณฑะเลย์ จากปี 57 ถึง 63 เหลือเพียง 987.10 ล้านจัต !

จากข้อมูลของธนาคารพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมา (เขตมัณฑะเลย์) ชาวนาจาก 23 เมืองของเขตมัณฑะเลย์ มียอดหนี้กู้เพื่อการเกษตรในช่วงมรสุมตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปี 2563 เหลือยอดหนี้ 987.10 ล้านจัต  จากยอดกู้รวมทั้งสิ้น  590,572.33 ล้านจัต โดยสามารถเก็บยอดชำระหนี้ได้ถึงร้อยละ  99.83 จากยอดหนี้ทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร ซึ่งก่อนนี้จะที่ 8% แต่สำหรับเกษตรกรที่เคยกู้ยืมเงินจะลดลงเหลือ 5% ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมา (เขตมัณฑะเลย์) ยังเผยด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยแบบ Two Step Loan ของ Myanma Economic Bank (MEB) จะลดลงจากปัจจุบัน 9% เป็น 6.5%

ที่มา: https://news-eleven.com/article/231181

 

‘ททท.’ เตรียมเอกชนพร้อมเปิดประเทศเต็มสูบ ชี้ต่างชาติจ่อเที่ยวไทย 1 ล้านคนต่อเดือน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากกำหนดการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบเต็มรูปแบบ ในวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ททท. โดยได้ปรับคาดการณ์ว่าตลอดเดือนพ.ค.-ก.ย.นี้ ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) 5 เดือน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5 แสนคนต่อเดือน สูงกว่าที่เคยตั้งไว้ 3 แสนคนต่อเดือน และในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งตรงกับไตรมาส 4 ของปี (ต.ค.-ธ.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน หากรวมกับ 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ที่มียอด 4.44 แสนคน ประเมินว่าแนวโน้มตลอดปี มีโอกาสถึง 7-10 ล้านคน ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้าที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวทั้งปี ที่ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับก่อนเจอวิกฤตโควิด-19 เมื่อปี 2562

ที่มา: https://www.matichon.co.th/economy/news_3362591

แนะประชาชนเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น ประหยัดน้ำมันเพื่อการเกษตร

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ และสมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซแห่งประเทศลาว เรียกร้องให้ประชาชนใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัดและงดเดินทางโดยไม่จำเป็น เพื่อให้มีน้ำมันสำรองเพียงพอสำหรับใช้ทำการเกษตรและกิจกรรมสำคัญอื่นๆ สปป.ลาวพึ่งพาเชื้อเพลิงจากแหล่งภายนอกเป็นหลัก หมายความว่าต้องใช้สกุลเงินต่างประเทศจำนวนมากในการซื้อเชื้อเพลิงจากประเทศอื่น ดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการชั่วคราวในป้องกันวิกฤต รัฐบาลได้ตกลงที่จะลดภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่จ่ายโดยธุรกิจเชื้อเพลิงเพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม โดยสั่งให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่รับรองโดยคณะกรรมการประจำรัฐสภา ประกาศระบุว่าภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บสำหรับน้ำมันดีเซลจะลดลงจากจำนวนปัจจุบันที่ร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่ภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันเบนซินจะลดลงจากร้อย 31 เป็นร้อยละ 16

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten96_Public_y22.php

ราคาลูกตาลในตลาดมัณฑะเลย์ พุ่งขึ้น !

ราคาลูกตาล ในปีนี้พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ท่ามกลางจำนวนต้นตาลลดลงและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งลูกตาลเป็นผลไม้ตามฤดูกาลในจังหวัดเมะทีลา เขตมัณฑะเลย์ แต่ข้องเผชิญกับค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเพื่อส่งไปยังตลาดมัณฑะเลย์ ราคาจึงพุ่งขึ้นถึง 50%  ในปีนี้ ราคาลูกตาล อยู่ที่ 1,000 จัตต่อลูกตาลจำนวน 10 ลูก ขณะที่ในปีที่แล้ว ราคาลูกตาล1,000 จัตจะได้ลูกตาล 6 ลูก ทั้งนี้ชาวเมียนมานิยมบริโภคลูกตาลเพราะมีรสชาติที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/seasonal-ice-apple-fetches-good-price-in-mandalay-market/#article-title

‘เวียดนาม’ ยัน! คุมหนี้สาธารณะได้

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเวียดนามสามารถควบคุมระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงฯ มองว่าการปรับเพิ่มวงเงินกู้ของหนี้สาธารณะ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม และดำเนินการรักษาระดับหนี้สาธารณะที่ควบคุมได้ในระยะกลาง-ยาว ทั้งนี้ จากตัวเลขทางด้านสถิติของสำนักงานการบริหารหนี้ แสดงให้เห็นว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามลดลงจาก 63.7% ของ GDP ในปี 2560 มาแตะอยู่ที่ 55.9% ในปี 2563

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1193544/vn-manages-to-control-public-debt.html

 

CDC อนุมัติโครงการลงทุนในกัมพูชามูลค่ารวมกว่า 6 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 2 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 6.1 ล้านดอลลาร์ ในจังหวัดตาแก้วและกำปงสปือ ซึ่งโครงการที่ได้รับอนุมัติใหม่นี้เป็นของ บริษัท Sanjin (Cambodia) Knitting Technology Co., Ltd. จัดตั้งอยู่ในจังหวัดตาแก้ว มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 3.8 ล้านดอลลาร์ วางแผนสร้างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า และ บริษัท Hao Tian Make Clothes Assist Material Co., Ltd. ในจังหวัดกำปงสปือ ด้วยเงินลงทุน 2.3 ล้านดอลลาร์ สำหรับโรงงานทอผ้า โดยโครงการลงทุนใหม่ที่ได้รับอนุมัติทั้งสองโครงการคาดว่าจะสร้างงาน 1,400 ตำแหน่ง สำหรับคนในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501079726/cdc-approves-two-investments-worth-over-6-million-to-create-1400-jobs/

กัมพูชาตั้งเป้านักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ในปีนี้

กระทรวงการท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 1 ล้านคนในปีนี้ มุ่งไปที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร เป็นสำคัญ โดยได้ประมาณการจากแนวโน้มภาคนักท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวน 241,485 คน และนักท่องเที่ยวในประเทศอีกกว่า 5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 191 และร้อยละ 161 ตามลำดับ โดยตลาดหลักสำหรับภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา ได้แก่ เวียดนาม ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาตรการเชิงนโยบายหลายชุด ภายใต้กรอบงบประมาณกว่า 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งในระยะยาวกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 7 ล้านคนและนักท่องเที่ยวในประเทศ 11 ล้านคน ภายในปี 2025

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501078728/cambodia-targets-one-million-tourists-this-year/

สภาอุตฯ ขอแรงจีนช่วย ยกระดับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ส.อ.ท. ได้ร่วมหารือกับท่านทูตหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย โดยได้หารือถึงการแลกเปลี่ยนนโยบาย และแนวทางความร่วมมือ ในด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล 5.0 เพื่อนำมาปรับใช้ในทุกภาคธุรกิจ เช่น การนำเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งจะเป็นการนำร่องให้อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการไทย ต้องเร่งปรับตัว และยกระดับการแข่งขัน ให้เท่าเทียมกับตลาดโลกในทุกๆ มิติ อีกทั้ง ยังได้ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดกิจกรรมอบรม “Thai SME GP แต้มต่อธุรกิจดิจิทัล และอุปกรณ์การแพทย์ สู่คู่ค้าภาครัฐ  ณ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมีการจัดอีกจำนวน 3 ครั้ง ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพฯ ตามลำดับ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/655231