กัมพูชากำหนดแผนกลยุทธ์ ดึงนักลงทุนอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม

กัมพูชากำหนดแผนยุทธศาสตร์ ประจำปี 2021-2024 ดึงนักลงทุนระต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญของกัมพูชา อาทิเช่น ภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และสินค้าเกี่ยวกับการเดินทาง โดยแผนดังกล่าวยังรวมถึงมาตรการและกรอบยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้เกิดการเติบโตแม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของกัมพูชามีมูลค่ามากกว่า 11.389 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบัน GMAC รายงานถึงจำนวนโรงงานผลิตเสื้อผ้าของสมาชิกที่มีกว่า 462 แห่ง, ผลิตรองเท้า 13 แห่ง และผลิตสินค้าสำหรับการเดินทาง 92 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501039009/cambodian-garments-footwear-and-travel-goods-strategic-plan-to-entice-investors/

ม.ค. 2022 กัมพูชาส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 46

สหรัฐฯ ยังคงถือเป็นประเทศสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับการส่งออกของกัมพูชา จากการที่สหรัฐฯ ได้มอบสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ให้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้การค้าทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชา มีมูลค่ารวม 875.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 42.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดือน ม.ค. ของปีก่อน โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.9 มูลค่า 847.6 ล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันการนำเข้าของกัมพูชาจากสหรัฐฯ กลับลดลงร้อยละ 17.6 คิดเป็นมูลค่า 27.9 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานจากสำนักสำรวจสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐอเมริก (USCB)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501038832/kingdom-exports-to-us-surge-around-46-in-january/

‘เวียดนาม’ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนสหรัฐฯ

จากงานสัมมนาออนไลน์ที่จัดขึ้นโดย ‘Asia Group’ เปิดเผยว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดของนักลงทุนสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จุดมุ่งหมายของงานสัมมนาครั้งนี้เพื่อแบ่งปันโอกาสทางธุรกิจและข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนแนวโน้มทางเศรษฐกิจเวียดนาม โดยมีผู้ร่วมงานที่เป็นตัวแทนบริษัทสหรัฐฯกว่า 40 คน มาจากกลุ่มพลังงาน การเงิน เทคโนโลยีและการผลิต อาทิ Blackstone Group, Google, Facebook , Ford, UPS และ Walmart เป็นต้น ทั้งนี้ นาย ฮา กิม หง็อก เอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ กล่าวถึงความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามและแจ้งข้อมูลเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนสหรัฐฯ เวียดนามดำเนินการร่วมมือทางหุ้นส่วนการค้าและเครือข่ายความตกลงการค้าเสรี จะช่วยให้กิจกรรมของประเทศดีขึ้น

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11255702-vietnam-remains-attractive-destination-for-us-investors.html

‘เวียดนาม’ มองสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. การประชุม Business Summit สหรัฐฯ-เวียดนาม ครั้งที่ 5 นาย ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามถือว่าสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดเสมอมา รวมถึงร้องขอให้ภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศทำการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี ทั้งนี้ ตามตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ พบว่ามูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 111 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ซื้อสินค้าจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 9 ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยจำนวนโครงการในปัจจุบัน 1,150 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 10.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-always-regards-u-s-as-leading-partner/

เกษตรกรตำบลโหโป๊ง ปลื้ม! ราคากล้วยไม้ดินพุ่ง

เกษตรกรจากหมู่บ้านนองสน ตำบลโหโป๊ง เขตปกครองตนเองปะโอ ของรัฐฉาน (ใต้) ประสบผลสำเร็จจากการปลูกกล้วยไม้ดิน ซึ่งแต่ก่อนปลูกตามวิธีธรรมชาติ แต่ต่อมาได้เริ่มเรียนรู้จากการปลูกบนแปลงทดลองจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยกล้วยไม้ดินจะใช้เวลาปลูกและออกดอกผลิบานได้ภายในหนึ่งปี ซึ่งกล้วยไม้ดินเป็นพืชที่ระบายน้ำได้ดีและชอบอากาศที่เปียกชื้น ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเกี่ยหรือตัดขายจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,000 จัตต่อต้น แต่เมื่อได้รับออเดอร์จากเมื่องอื่นๆ  ราคาจะพุ่งไปถึง 1,500 จัตต่อต้น ทั้งนี้แหล่งเพาะปลูกสำคัญจะมาจาก หมู่บ้านนองสน ตำบลโฮปง และจะส่งออกไปขายยังส่งงตลาดโฮปง ตลาดน้ำโกด และตลาดบ้านยินในรัฐฉาน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/growing-of-ground-orchid-in-hopong-township-succeeds/

รัฐบาล สปป.ลาว ตั้งเป้าเกินดุลการค้า

รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเกินดุลการค้าอย่างน้อย 1.55 พันล้านดอลลาร์ฯ ในปีนี้ แม้จะมีปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รัฐบาลสปป.ลาวคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะสูงถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์ฯ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าคาดว่าจะอยู่ที่ 6.05 พันล้านดอลลาร์ฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรและการแปรรูปสินค้าเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะไปยังจีน ซึ่งขณะนี้สามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้นผ่านทางรถไฟลาว-จีน รัฐบาลจะเน้นไปที่การเพิ่มการผลิตในจังหวัดทางภาคเหนือที่ทางรถไฟและทางด่วนผ่าน โดยการเพิ่มผลผลิตพืชผลและการเลี้ยงโคเพื่อส่งออกไปยังจีน ความท้าทายหลักประการหนึ่งคือราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในตลาดโลก ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อดัชนีราคาผู้บริโภค เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govtsets48.php

NBC ผลักดันการใช้เงินสกุลเรียลภายในกัมพูชา

Dr Chea Serey รองผู้ว่าการและผู้อำนวยการด้านเทคนิคของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวว่าปัจจุบันกำลังพยายามส่งเสริมการใช้สกุลเงินเรียล ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศกัมพูชา เพื่อให้สามารถใช้เงินเรียลได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าหากในอนาคตสกุลเงินเรียลถูกใช้กันมากขึ้นในการทำธุรกรรม จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมของกัมพูชาในระยะยาว ซึ่งถือเป็นการช่วยลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายภายในประเทศกัมพูชา รวมถึงในแง่ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นจากการใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501038340/use-riel-more-to-promote-national-currency-says-nbc-deputy-governor/

การค้าระหว่าง กัมพูชา-ญี่ปุ่น แตะ 180 ล้านดอลลาร์ ในเดือน ม.ค.

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 คิดเป็นมูลค่า 181 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคมปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่า 142 ล้านดอลลาร์ ไปยังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ในทางกลับกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นมูลค่ารวม 39 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาที่ส่งออกไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกัมพูชานำเข้า เครื่องจักร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ไฮเทคเป็นสินค้านำเข้าหลัก โดยในปีที่แล้ว ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่นอยู่ที่ 2,332 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่า 1,752 ล้านดอลลาร์ไปยังญี่ปุ่นในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501038181/cam bodia-japan-trade-tops-180-million-in-january/

จับตาน้ำมันพ่นพิษถล่ม “อีอีซี”

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ถึงกรณีการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยโครงการลงทุนต่างๆ ที่ได้ทำเอาไว้เดิมก็ยังคงเดินต่อ ยังไม่มีนักลงทุนถอนการลงทุน และการลงทุนเทคโนโลยีทั้ง 5G หรือรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังเดินตามแผนอยู่ แต่ถ้าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาจนกระทบกับเศรษฐกิจโลก ตอนนั้นก็คงเป็นผลที่จะเกิดขึ้นกับอีอีซี อาจต้องรอประเมินสถานการณ์ 1 เดือน ในเบื้องต้นยังคงเป้าหมายการลงทุนในอีอีซีไว้เหมือนเดิมคือเฉลี่ยปีละ 400,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ สกพอ.ร่วมกับกองทัพเรือ, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ จัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย (Thailand International Air Show) ที่สนามบินอู่ตะเภา โดยจะเปิดตัวอย่างในปี 2568 สอดคล้องกับระยะเวลาเปิดบริการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา คาดว่ามีผู้ร่วมงาน 5,425 คน และการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2570 จะมีผู้เข้าร่วมงาน 36,300 คน มีผู้เข้าแสดงงาน 1,240 ราย และมีการจัดงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งงานใหม่และงานที่จัดต่อเนื่อง ในปี 2566-2570 จำนวน 28 งานในอีอีซี ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าทางเศรษฐกิจของงาน Thailand International Air Show ทั้งหมด สามารถสร้างรายได้รวมให้แก่ประเทศ 8,200 ล้านบาท

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/oil/2337446

ทำไมเวียดนาม มีผู้หญิงเก่งจำนวนมาก | สัดส่วนผู้บริหารหญิง แซงหน้าไทยไปแล้ว

ข้อมูลจาก “CS Gender 300”  รายงานของ Credit Suisse ทำการสำรวจประเด็นเพศสภาพของผู้บริหารทั่วโลก เพื่อศึกษาดูว่า ในโลกธุรกิจมีความหลากหลายทางเพศ และได้สะท้อนภาพทางสังคม รวมถึงส่งผลต่อการดำเนินงานทางธุรกิจอย่างไร ในงานวิจัยพบว่าเวียดนามแซงไทยไปแล้วในทุกด้าน ทั้งตำแหน่งประธานบริหารสูงสุดหรือซีอีโอ (CEO), ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินหรือซีเอฟโอ (CFO) และตำแหน่งผู้บริหารทั่วไป (Business Management)

ทั้งนี้ ดร.พิสิฐ อำนวยเงินตรา ผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนามศึกษา กล่าวว่าสังคมเวียดนามเชื่อมั่นว่าผู้หญิงทำมาค้าขายเก่งกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเรื่องการเงิน และทุกวันนี้ มีกระแสสังคมในเวียดนาม ที่ต้องการผลักดันให้สัดส่วนของผู้หญิงมีมากขึ้นในทุกองค์กร ในทุกส่วนของสังคม ตลอดจนวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงอย่างมาก บ่งชี้ได้จากมีวันสตรีสากลที่ทำการเฉลิมเฉลิงอย่างยิ่งใหญ่และซึมงึกข้าไปในวัฒนธรรม คนเวียดนามจะซื้อดอกไม้ไปให้เพื่อนร่วมงานหญิง เพื่อแสดงความชื่นชมยินดี

ที่มา : https://workpointtoday.com/women-vietnam-ceo/

อ้างอิง – Credit Suisse, BBC, Bloomberg, WorldBank, งานวิจัยผู้หญิงในเวียดนาม, VNexpress, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์