บ.อินเดีย เริ่มซ่อมถนนชายแดนมิตรภาพอินเดีย – เมียนมา

เมียนมามีแผนจะซ่อมแซมสะพาน 69 แห่งที่อยู่บนถนนชายแดนกะเล่ถึงตามู นอกจากสะพานแล้วบางส่วนของถนนกะเล่-กะเล่วะก็จะได้รับการปรับปรุงด้วย ก่อนหน้านี้บริษัทอินเดียแห่งหนึ่งชนะการประกวดราคา แต่ถูกเพิกถอนเนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการยื่นประมูล รัฐบาลอินเดียได้จัดให้มีการประกวดราคาครั้งใหม่ กระทรวงการก่อสร้างของเมียนมาจะเตรียมการเพื่อยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเมียนมา (Hluttaw) ถนนกะเล่วะ – ญาจี บนเส้นทางการค้าชายแดนเมียนมา – อินเดียเป็นส่วนที่สั้นที่สุดโดยมีระยะทาง 115 ไมล์ ถนนสร้างขึ้นในปี 2543 ถนนข้ามสะพาน 175 แห่งและท่อระบายน้ำ 183 แห่ง เปิดใช้ในปี 2547 แต่เสื่อมโทรมลงทำให้รถบรรทุกไม่สามารถวิ่งได้ บริษัท IMT Expressway ของอินเดียคาดว่าจะซ่อมบำรุงอย่างหนักภายในปี 2564 นี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-myanmar-friendship-road-repairs-works.html

สปป.ลาวจะส่งออกข้าว 2,000 ตันไปยังจีนตามโควต้าที่ได้รับ

สปป.ลาวมีแผนส่งข้าวขัดมัน 2,000 ตันไปยังจีนในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโควต้าการค้าระหว่างรัฐบาลสปป.ลาวและจีน จากรายงานเวียงจันทน์ไทมส์เมื่อวันพุธ (6 ม.ค. ) โดยอ้างจากกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของสปป.ลาว ข้อตกลงการค้าข้าวขัดมันของสปป.ลาวกับจีนจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564 ถึงแม้จะมีความท้าทายจากการระบาดของโรคโควิด -19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสปป.ลาว รายได้ของสปป.ลาวจากการส่งออกข้าวขัดมันไปยังจีนจากกรอบความร่วมมือดังกล่าวช่วยทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/07/laos-to-export-2000-tonnes-of-rice-to-china-in-january

ผู้มาเยือนหลวงพระบางลดลงกว่า 584,380 คน ในปี 2563

เมืองหลวงพระบางมีนักท่องเที่ยวเพียง 257,647 คนในปี 63 ลดลง 68 % ในปี 62 เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งเป็นชาวต่างชาตติจำนวน 142,435 คนและเป็นชาวสปป.ลาว 133,212 คน โดยรวม 257,647 คน ลดลง 584,380 คนจาก 860,035 คนที่มาเยี่ยมชมเมืองในปี 62 ในปี 61 หลวงพระบางได้นำเสนอในหัวข้อการท่องเที่ยว“ 52 สถานที่ที่ต้องไป” ของ New York Times ซึ่งจุดประกายความสนใจของนักท่องเที่ยวในสปป.ลาวมากขึ้น และยังอยู่ในอันดับที่ 11 ในรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยว 20 อันดับแรกของ Architectural Digest ประจำปีในปี 62 ย่านเมืองเก่าของเมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2538 โดยยูเนสโก ซึ่งระบุว่าสถาปัตยกรรมของเมืองนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและควรค่าแก่การคุ้มครองโดยองค์การสหประชาชาติ เมืองหลวงพระบางมีโรงแรมและรีสอร์ท 97 แห่งเกสต์เฮาส์ 394 แห่งร้านอาหาร 421 แห่งและ บริษัท ทัวร์ 97 แห่ง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการกำหนดอย่างเป็นทางการมากมายรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 111 แห่งสถานที่น่าสนใจทางวัฒนธรรม 78 แห่งและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ 39 แห่ง ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ในหลวงพระบางเท่านั้น แต่ยังลดลงทั่วประเทศเนื่องจากข้อ จำกัด การเดินทางทั่วโลกซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Visitors5.php

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาลงนาม MoU ในการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจการเกษตร

กระทรวงพาณิชย์ และ บริษัท Yamato Green ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตผักปลอดสารพิษจากญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการร่วมพัฒนาภาคการเกษตรเมื่อวานนี้เพื่อพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าสำหรับการผลิตสินค้าภาคธุรกิจเกษตรในกัมพูชา โดยเชื่อว่าการลงนามฉบับนี้จะสร้างความร่วมมือที่ดีในการรับมือกับความท้าทายในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเสริมสร้างผลผลิตให้มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ทั้งเชื่อว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงชุมชนเกษตรกรจะสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในด้านการเจาะตลาดและกระจายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50801454/commerce-ministry-signs-agri-business-value-chain-development-mou/

สมาคมผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา (GMAC) กล่าวถึงการสิ้นสุดของ GSP จากสหรัฐฯ

                สมาคมผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา (GMAC) ได้ตอบสนองต่อการยุติสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) จากทางสหรัฐฯ โดย GSP ดังกล่าวสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถต่ออายุได้ก่อนที่จะมีการปิดเซสชันของรัฐสภาสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้รับการลงมติและรับรองของการสิ้นสุดลงของสิทธิพิเศษทางภาษีที่มีผลต่อประเทศผู้รับผลประโยชน์ทั้ง 119 ประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงของ GMAC หวังว่าสหรัฐฯจะอนุมัติสิทธิพิเศษทางภาษีอีกครั้งแก่กัมพูชา โดยในปี 2016 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐได้ประกาศการขยายสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับการค้าที่ส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา ซึ่งการขยายตัวของ GSP ช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดนำเข้าสินค้าด้านการท่องเที่ยวมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในสหรัฐฯได้ดี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50801455/gmac-reacts-to-expiration-of-us-trade-programme/

HSBC เผยเวียดนามก้าวเป็น 1 ในประเทศที่มีการเติบโตสูงที่สุดในปี 64

ตามรายงาน “Asia Economics Quarterly” ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) เปิดเผยว่าถึงแม้จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น แต่เวียดนามก็ข้ามอุปสรรคจากการระบาดของโควิด-19 มาได้ ด้วยจำนวนประชากรกว่า 95 ล้านคน และการรับมือกับสถานการณ์โควิดได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ราว 1,400 คน ทั้งนี้ การเติบโตของตัวเลข GDP ในปี 2563 อยู่ที่ 2.91% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และดีที่สุดในโลก เมื่ออยู่ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวชะลอลงจาก 3.9% ในช่วงสามไตรมาสแรก อยู่ถึง 1.5% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาน้ำมันที่ลดลง นอกจากนี้ HSBC ระบุว่าภาคการท่องเที่ยวยังเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างด้วยกัน แต่ว่าความเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปหลังจากไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ที่พักและการขนส่งยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จากข้อจำกัดในการเดินทางข้ามพรมแดน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-to-be-among-top-growth-performers-again-in-2021-hsbc/194315.vnp

เวียดนามส่งออกเครื่องหนัง รองเท้า ปี 63 ดิ่งลง 10% ด้วยมูลค่า 16.5 พันดอลลาร์สหรัฐ

สมาคมรองเท้าและเครื่องหนังเวียดนาม (Lefaso) ระบุว่าในปี 2563 การส่งออกเครื่องหนังและรองเท้าของเวียดนาม คาดว่าจะลดลง 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ด้วยมูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้าในท้องถิ่น ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายภาครัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการส่งออกไว้ที่ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเครื่องหนังของเวียดนาม ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการหยุดชะงักของการนำเข้าวัตถุดิบจากจีน ในขณะที่ ตลาดสหรัฐฯและยุโรปที่มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 70 ของยอดส่งออกเครื่องหนังของเวียดนาม ก็ถูกสั่งปิดจากการระบาดของโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตเครื่องหนังหลายรายของเวียดนาม ตกอยู่ภายใต้สถานกาณณ์ยากลำบากที่ไม่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ รวมถึงความล่าช้าของคำสั่งซื้อที่มีอยู่ อีกทั้ง ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-exports-of-leather-footwear-down-10-to-us165-billion-in-2020-315749.html

การส่งออกทางทะเลไปจีนของเมียนมาหวั่นพบอุปสรรค

อุตสาหกรรมอาหารทะเลของเมียนมาต้องใช้เส้นทางอื่นสำหรับการส่งออกไปยังประเทศจีนเนื่องจากความยากลำบากในการขนส่ง นาย U Tine Kyaw เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการค้าปลาไหลแของเมียนมากล่าวว่าการบริหารงานในจังหวัดต่างๆ ในจีนส่งผลให้ต้องใช้เส้นทางด่านมูเซเป็นเวลาสามเดือนแทนที่จะใช้เส้นทางชินฉ่วยฮ่อ สินค้าทางทะเลไม่สามารถส่งออกได้ ดังนั้นจึงใช้เส้นทาง Muse-Kyin San Kyawt แทน ซึ่งบางรายการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้การค้าขายจะหยุดหากประตูด่าน Kyin San Kyawt ถูกปิดลง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-marine-exporters-face-roadblocks-china.html

การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทย

การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทยข้ามแม่น้ำโขงได้เริ่มขึ้นหลังจากมีการลงนามในข้อตกลงในเดือนธ.ค. จะใช้เวลาสร้าง 36 เดือนจะเชื่อมแขวงบอลิคำไซในสปป.ลาวกับจังหวัดบึงกาฬของไทย ขณะนี้งานมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณที่จะสร้างสะพานและสถานที่ตรวจคนเข้าเมือง กำลังเคลียร์ที่ดินบนพื้นที่ 50 เฮกเตอร์ก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างและตอนนี้งานนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 80% ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 130.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสปป.ลาวจะต้องรับผิดชอบบางส่วน 46.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้นทุนการก่อสร้างของสปป.ลาวจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านของไทยผ่านการจัดหาเงินกู้ เมื่อสะพานสร้างเสร็จในปี 66 จะช่วยให้แขวงบอลิคำไซกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอีกแห่งและเป็นเส้นทางขนส่งสำหรับสปป.ลาว ไทยและเวียดนามในระยะทางเพียง 150 กม. สะพานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ระหว่างสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนามและไทย จะทำให้สปป.ลาวได้รับประโยชน์จากบริการขนส่งสาธารณะรวมทั้งดึงดูดการค้าและการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยว แต่ทางการจำเป็นต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมและปรับปรุงบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือน

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/construction-of-fifth-lao-thai-bridge-begins

สปป.ลาวจะเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปในสัปดาห์หน้า

หลังจากที่สปป.ลาวได้เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 100 คนและไม่มีผลข้างเคียงทำให้สปป.ลาวมีแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปคือกลุ่มเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อสูง รองศาสตราจารย์ ดร. ภูธร เมืองปัก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (5 ม.ค. ) “ผู้คนต้องการวัคซีนสองปริมาณเพื่อพัฒนาภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19  เจ้าหน้าที่แนวหน้ากลุ่มแรกรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและครั้งที่สองในวันที่ 22 ธันวาคม”  โครงการฉีดวัคซีนดังกล่าวเปิดตัวหลังจากประเทศจีนจัดหาวัคซีนให้แก่สปป.ลาว 2,000 โดสที่พัฒนาโดย Sinopharm (China National Pharmaceutical Group Co. , Ltd. ) และจากรัสเซียจำนวน 500 โดสซึ่งเป็นวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัย Gamaleya ของรัสเซีย กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าปีนี้ประชากรสปป.ลาวประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1.6 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ของประชากรภายในปี 2565 ซึ่งจะใช้งบประมาณมากถึง 18 เหรียญสหรัฐฯ และหากฉีดวัคซีนประชากรทุกคนจะใช้งบประมาณในการฉีดวัคซีนเกือบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/06/laos-declares-covid-19-vaccinations-safe-more-to-be-inoculated-next-week