การจดทะเบียนธุรกิจภายในกัมพูชาทำได้สะดวกขึ้นโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาอนุมัติการยื่นจดทะเบียนธุรกิจมากกว่า 1,360 รายการ ผ่านการจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ ณ วันที่ 2 ต.ค. หลังจากที่รัฐบาลเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ยื่นขอจดทะเบียนธุรกิจทั้งหมด 1,793 ใบ โดย 1,367 ใบได้รับการอนุมัติ และ 426 รายการอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการจดทะเบียน บริษัท อยู่ที่ 8 วัน โดยในแง่ของขนาดของการลงทุนมีทั้งหมดอยู่ที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทาง จีน สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งรูปแบบในการจดทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ภาคเอกชนและสาธารณชนทั่วไปกล่าวว่าระบบใหม่นี้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเนื่องจากการจดทะเบียนธุรกิจสามารถทำเป็นแพ็คเกจบนแพลตฟอร์มเดียวกันกับกระทรวงหรือสถาบันอื่น เช่น กระทรวงพาณิชย์ (MOC), กรมภาษีอากร และกระทรวงแรงงานเป็นต้น โดยก่อนหน้านี้ในการจดทะเบียนอาจใช้เวลาหลายเดือน ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนของแต่ละกระทรวงหรือสถาบันรวมถึงส่วนอื่นๆลดลงประมาณร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมก่อนหน้าที่จะมีระบบใหม่เข้ามา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772450/business-registrations-far-speedier-thanks-to-internet/

เมียนมาซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา 20 ล้านจัต ในช่วงมรสุม

จากข้อมูลของกรมกิจการผู้บริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลเมียนมารับซื้อข้าวเปลือกมรสุมมูลค่า 20 ล้านจัตในปีงบประมาณ 2563-2564  โดยข้าวเปลือกจะรับซื้อจาก 10 เมืองในเขตย่างกุ้ง 26 เมืองในอิระวดี 28 เมืองในเขตพะโค 7 เมืองในเขตทานินธารี และ 5 เมืองในรัฐยะไข่ ซึ่งคณะกรรมการจัดการผลิตผลทางการเกษตร (APMC) ที่นำโดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคา 520,000 จัต สำหรับทุกๆ 100 ตะกร้าเป็นราคาสำหรับเกษตรกรในช่วงมรสุมและฤดูร้อนซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน เช่น มีความชื้น 14% และไม่มีส่วนผสมของแกลบ ฝุ่น ทราย และหิน ปัจจุบันราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 500,000 จัตต่อ 100 ตะกร้าในช่วงมรสุม แม้ว่าราคาข้าวเปลือกแห้งจะสูงกว่า 500,000 จัต แต่ข้าวเปลือกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้จะมีราคาต่ำกว่า 500,000 จัต

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-buy-k20-million-worth-monsoon-paddy-farmers.html

COVID-19 กระทบอสังหาริมทรัพย์เมียนมาหยุดนิ่ง

นาย U Nay Min Thu กรรมการผู้จัดการของ iMyanmarHouse.com เผย แม้ก่อนหน้านี้ตลาดอสังหาฯ จะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็เริ่มฟื้นตัวก่อนที่จะมีการกลับมาของ COVID-19 แม้จะสามารถควบคุมการระบาดได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าตลาดจะฟื้นตัว ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผู้ซื้อบ้านไม่สามารถขนย้ายหรือเลือกดูอสังหาริมทรัพย์ได้เพราะข้อจำกัดในการเดินทาง ทั้งค่าธรรมเนียมการเช่ายังลดลง ไม่เฉพาะพาร์ทเมนท์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงร้านค้าด้วย ทั้งนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หากอัตราการติดเชื้อสามารถควบคุมได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์มากกว่าร้อยละ 90 ถูกระงับทั้งการขายและการเช่า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/real-estate-market-standstill.html

INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยจำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ราว 99,000 ราย ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเวียดนามจำนวนราว 99,000 ราย ลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 1,428.5 ล้านล้านด่อง และเงินทุนจดทะเบียนเฉลี่ยของแต่ละธุรกิจอยู่ที่ 14.4 ล้านล้านด่อง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-99000-businesses-established-in-nine-months/188197.vnp

เวียดนามเผยยอดการค้าระหว่างประเทศ ม.ค.-ก.ย. แตะ 389 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนาม อยู่ที่ 388.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบปีต่อปี (หรือ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 4.1 เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 202.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 0.7 เหลืออยู่ที่ 186.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าถึง 16.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ตามสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ทั้งนี้ ในเดือนก.ย. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามทำสถิติสูงสุดแตะราว 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าสูงสุดติดต่อกัน 2 เดือน นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 อยู่ที่ 79.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบไตรมาสที่ 2

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-turnover-hits-nearly-us389-billion-in-jan-sept-314477.html

เวียดนามส่งออกปลาทูน่าไปยัง EU พุ่งสูงขึ้น หลังจากลงนามข้อตกลง EVFTA

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้ประสานงานกับคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดคั้ญฮหว่า เพื่อส่งเสริมการผลิตปลาทูน่าด้วยการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และยกระดับการส่งออกปลาทูน่าไปยังสหภาพยุโรปภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ทั้งนี้ ในเดือนสิ.ค. เวียดนามส่งออกปลาทูน่าไปยังสภาพยุโรปอยู่ที่ 11.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6) และในเดือนก.ย. อยู่ที่ 11.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบเดือนที่แล้ว) อีกทั้ง นาย Phung Duc Tien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่า EVFTA จะสร้างโอกาสในการส่งออกปลาทูน่าของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้ และยังช่วยให้เวียดนามส่งออกอาหารทะเลเพิ่มขึ้นในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ทำให้สหภาพยุโรปจะลดภาษีสำหรับสินค้าส่งออกอาหารทะเลของเวียดนามร้อยละ 86.5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า และจะอยู่ในระดับร้อยละ 90.3 ภายใน 5 ปีข้างหน้าและร้อยละ 100 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ในระยะเวลา 7 ปี

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-tuna-exports-to-eu-surge-thanks-to-evfta-25052.html

การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาและจีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันที่ 11-12 ตุลาคม 2020 ตามการแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศ โดนจะจัดการประชุมอย่างเป็นทางการกับรองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่างๆตลอดจนประเด็นในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนจะเป็นสักขีพยานในการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา – จีน (CCFTA) ซึ่งการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของตัวแทนประเทศจีนแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างกัมพูชาและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50771818/cambodia-china-free-trade-agreement-to-be-signed-by-monday-during-chinese-state-councilors-visit/

CRF และ IRRI ร่วมวิจัยพัฒนาข้าวในกัมพูชา

สมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) และสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (IRRI) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันในการวิจัยและพัฒนาข้าวเพื่อส่งเสริมและปรับปรุงภาคข้าวในกัมพูชา โดยความร่วมมือของ IRRI ในการวิจัยและพัฒนาข้าวกับ CRF ในการเป็นหุ้นส่วนการผลิตเมล็ดพันธุ์ภายในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนการปรับปรุงภาคข้าวของกัมพูชาให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยจะช่วยปรับปรุงภาคการผลิตข้าวผ่านการเพิ่มการวิเคราะห์ผลผลิตและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่คุณค่าภายในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50771825/crf-irrr-vow-to-continue-rice-research-and-development-cooperation/

เมียนมาส่งออกหยกมากกว่า 2,000 ตัน รายได้ทะลุ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมียนมามีรายได้กว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกเกือบ 2,000 ตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มากกว่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออก 410 ตันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปีนี้เส่งออก 1,964.488 ตันมูลค่า 420.036 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ ปีที่แล้วมีรายได้ 356.876 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกหยก 1,548.452 ตัน ในช่วง 56 เดือนที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 2,496 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกรวมถึงสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 971 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560-2561

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-proposes-oil-refinery-expand-presence-myanmar-energy.html

EU-ABC เคาะ เศรษฐกิจอาเซียน ยังมาแรง

สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป เผยผลสำรวจ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ อาเซียนยังคงเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป EU-ASEAN (EU-ABC) คณะทำงานหลักเพื่อภาคธุรกิจของยุโรปในภูมิภาคอาเซียน เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจครั้งที่ 6 โดยมีประเด็นสำคัญจากการสำรวจ ดังนี้

  • 56% ของธุรกิจในสหภาพยุโรปมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานในอาเซียนลดลงเล็กน้อยจาก 61% ในปี 2562
  • 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทย มีแผนที่จะขยายการดำเนินงาน
  • ธุรกิจในยุโรปยังคงให้ความสำคัญกับการที่สหภาพยุโรปเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ของสหภาพยุโรป – อาเซียน ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่สอง ในฐานะทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ FTA ซึ่งผลสำรวจในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน
  • 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทย พอใจกับมาตรการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล
  • 53% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่ดีที่สุดสำหรับโอกาสทางธุรกิจ (ปี 2562 ได้ 63%)
  • 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลัง พิจารณาปรับโครงสร้างซัพพลายเชน หลังเกิดเหตุการณ์ โควิด-19 โดยมีอาเซียน ยุโรป และจีนเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ
  • 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า จะขยายระดับการค้าและการลงทุนในอาเซียนในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2562 ได้ 84%)
  • มีเพียง 2% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่รู้สึกว่าการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว (ปี 2562 ได้ 6%)
  • มีเพียง 4% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่พบว่ากระบวนการศุลกากรของอาเซียนมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (ปี 2562 ได้ 8%)
  • 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ใช้งานซัพพลายเชนรายงานว่าต้องเผชิญอุปสรรคมากมายในการใช้งานซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพในอาเซียน (ปี 2562 ได้ 78%)
  • 98% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการให้อียูเร่งการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับอาเซียนและสมาชิก (ปี 2562 ได้ 96%)

การสำรวจในปีนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าอาเซียนยังคงเป็นภูมิภาคที่ถูกมองว่ามีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด แต่ทว่าก็เป็นไปดังคาดหมายว่าวิกฤติโควิด-19 ทำให้การค้าและการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งสัญญาณอ่อนตัวลง หนึ่งในคำถามของแบบสำรวจ ถามว่า ภูมิภาคใดจะเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจต่อการลงทุนในซัพพลายเชนมากขึ้นหลังโควิด-19 ซึ่งภูมิภาคอาเซียนได้รับคะแนนสูงสุด ส่วนยุโรปและจีนก็ได้รับคะแนนโหวตจำนวนมากเช่นกัน ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่ง คาดหวังว่าซัพพลายเชนควรได้รับการจัดโครงสร้างใหม่หลังโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยให้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และส่งผลต่อความคืบหน้าของการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานทางการค้า เพื่อสร้างการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอาเซียน ผลการสำรวจค่อนข้างชัดเจนว่าการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนดูเหมือนจะหยุดชะงัก อาเซียนและกลุ่มประเทศต่างๆ จำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC Blueprint 2025) ขณะนี้ ธุรกิจในยุโรปต่างกำลังปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตามสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องที่ โดยไม่รอหรือหวังผลความคืบหน้าในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ธุรกิจในยุโรปมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความไม่คืบหน้าในการเจรจาการค้าเสรี (FTA) เพิ่มเติมกับภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพูดคุยกันมานานเกี่ยวกับการค้าเสรีระดับภูมิภาคต่อภูมิภาค ซึ่ง 8 ใน 10 เห็นว่าอาจให้ประโยชน์มากกว่าการค้าเสรีแบบทวิภาคีหลายชุด ธุรกิจในยุโรปต้องการให้คณะกรรมาธิการยุโรปเร่งการเจรจาและการมีส่วนร่วมกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างชัดเจน

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/452392?utm_source=sub_category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=industry