บริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้ ‘CJ GGV’ เตรียมปลดสาขาในเวียดนาม

บริษัท CJ GGV เตรียมการถอดบริษัทในเครือด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนาม เพื่อจัดโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่อ่อนแอลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ส่งผลให้ถอดสัดส่วนผู้ถือหุ้น 25% ในเครือบริษัท CJ เวียดนาม ที่ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนอสังหาฯ มูลค่าราว 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.4 ของทุนส่วนเจ้าของ ทั้งนี้ โครงสร้างทางการของบริษัทดังกล่าว อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากวิกฤติไวรัสระบาดไปทั่วโลก โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 200% ในช่วง 3 เดือนจนมาอยู่ที่ 845% ในไตรมาสแรก และเงินทุนรวมลดลง 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้บริษัทสูญเสียธุรกิจในเวียดนามและตุรกี นอกจากนี้ บริษัทก็มีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และเป็นบริษัทในเครือของ CJ Group รวมถึง CJ E&M และ CJ Entertainment ระบุว่าบริษัทขายหุ้น 29% ของ CGI Holdings ไปยังนักลงทุนทางการเงิน ‘MBK Partner และ Mirae Asset Daewoo’

ที่มา : https://vnexplorer.net/south-koreas-cj-cgv-to-divest-from-vietnamese-subsidiary-a202049209.html

เวียดนามเผยโครงการลงทุน 215 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจังหวัดห่านาม

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดทางตอนเหนือ ‘ฮานาม (Hà Nam)’ ระบุว่าได้ทำการอนุมัติแนวทางการลงทุนสำหรับโครงการสองแห่งที่มีมูลค่าราว 5 ล้านล้านด่ง (214.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบไปด้วยโครงการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ‘Yên Lệnh Hà Nam’ เป็นโครงการลงทุนของบริษัท Hà Nam International Port Corporation ด้วยพื้นที่ประมาณ 63 เฮกตาร์ มูลค่ารวม 2.6 ล้านล้านด่ง รวมถึงยังมีพอร์ตท่าเรือในด้านโลจิสติกส์และการขนส่งที่หลากหลายรูปแบบ ในขณะเดียวกัน โรงงานประกอบรถยนต์ ‘Hồng Đức’ ด้วยพื้นที่ประมาณ 22 เฮกตาร์ มูลค่ารวมมากกว่า 2.3 ล้านล้านด่ง ซึ่งเป้าหมายของโครงการ คือการผลิตและประกอบรถยนต์ 9 ที่นั่ง และมีบริการบำรุงรักษา/ซ่อมแซมรถยนต์ รวมถึงรถยนต์ประเภทอื่นๆ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/737937/two-projects-worth-215-million-granted-in-ha-nam.html

ธนาคารโลกชี้ปี 63 เศรษฐกิจเมียนจะชะลอ แต่จะเริ่มฟื้นในปีหน้า

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลก แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจเมียนมาคาดชะลอตัวลงถึง 1.5% ในปี 2563 เนื่องจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 แต่สามารถฟื้นตัวได้ถึง 6% ในปี 2564 หากการระบาดถูกควบคุมและการค้าโลกมาเป็นปกติ ปัจจุบันเมียนมาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการค้าและการลงทุนด้วยนโยบายที่ยืดหยุ่นในการกระตุ้นการเงินแก่ธุรกิจและส่งเสริมแพลตฟอร์มดิจิทัลภายใต้แผนบรรเทาเศรษฐกิจของ COVID – 19 (CERP) นอกจากนี้ยังสร้างความมั่นใจในการไหลเวียนของสินค้าสำคัญ เช่น อาหาร สินค้ายาและเวชภัณฑ์ในระยะสั้น ส่งเสริมการลงทุนและร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระยะยาว การลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-growth-slow-2020-rebound-next-year-world-bank-says.html

เมื่อปีที่ผ่านมา FDI เมียนมาได้รับอนุมัติกว่า 2,766 ล้านดอลลาร์

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 เมียนมาอนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 4,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน แต่มีการลงทุนที่เกิดขึ้นจริงจาก 28 ประเทศเพียง 2,766 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาได้อนุมัติธุรกิจ 16 แห่งด้วยเงินลงทุน 362.280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติในปีงบการเงินก่อนหน้าเป็นจำนวน 4,520.754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนจากต่างประเทศมักจะได้รับอนุญาตใน 12 ภาคเศรษฐกิจ เช่น น้ำมันและก๊าซ ไฟฟ้า การผลิต การขนส่ง การสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการท่องเที่ยว เหมืองแร่ ปศุสัตว์และการประมง การเกษตร อุตสาหกรรม การก่อสร้าง และบริการอื่น ๆ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/over-2766-m-of-approved-s4520-m-in-foreign-investment-flowed-to-myanmar-last-year

ไชยบุรีเตรียมพัฒนา “ภูเบี้ย” ดึงดูดนักท่องเที่ยว

ไชยบุรีจะถูกกำหนดให้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้นในจังหวัด จากการประชุมในวันจันทร์ที่ผ่านมาของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นสุดท้ายเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ภูเขา “ภูเบี้ย” ภายใต้โครงการ KPG ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับประโยชน์ของการศึกษาความเป็นไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาเศรษฐกิจและเทคนิคของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเบี้ยโดยโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาคสู่มาตรฐานสากลควบคู่กับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชนบท ประธานกลุ่ม KPG นายคำเปรมสมณะกล่าวว่า “โครงการนี้จะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นเพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาชีวิตของพวกเขาได้” โครงการตั้งอยู่ในเขตอนุวงศ์ ในจังหวัดไชยบุรี และผู้พัฒนาคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xaysomboun111.php

รัฐบาลสปป.ลาวประกาศชัยชนะเหนือ Covid-19

เมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐบาลสปป.ลาวประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับ Covid-19 หลังจากผู้ป่วยทั้งหมด 19 คนที่ติดเชื้อได้ออกจากโรงพยาบาลและไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นเวลา 59 วันติดต่อกัน รัฐบาลได้ต่อสู้กับ Covid-19 มากกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมภายใต้คําสั่งนายกรัฐมนตรี เลขที่ 06 ลงวันที่ 29 มี.ค.และวางข้อจำกัดอื่น ๆ รัฐบาลได้อธิบายถึง Covid-19 ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจและเป็นฆาตกรเงียบ แต่ชัยชนะเกิดขึ้นได้จากการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกภาคส่วน และมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการที่มีส่วนทำให้ได้รับชัยชนะ รวมถึงการกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมในช่วงต้น แนวทางในการต่อสู้ การสนับสนุนความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ ทันเวลาจากทุกภาคส่วนองค์กรระหว่างประเทศและประเทศที่เป็นมิตรให้การสนับสนุน ถึงแม้จะมีความสำเร็จนายกรัฐมนตรีก็เตือนทุกภาคส่วนว่าอย่าประมาทจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นและดำเนินการตามคำสั่งและประกาศอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2  เนื่องจากความก้าวหน้าที่ดีในการป้องกันและควบคุมโรครัฐบาลได้ปลดล็อกข้อจำกัดหลายประการภายใต้คำสั่งของนายกรัฐมนตรีหมายเลข 06 แต่จะยังคงประเมินสถานการณ์และแก้ไขมาตรการป้องกันและควบคุมให้เหมาะสมต่อไป

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao111.php\

สีหนุวิลล์รายงานถึงการก่อสร้างมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์

พระสีหนุเมืองชายฝั่งของกัมพูชาได้ดึงดูดการลงทุนในโครงการก่อสร้างมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนทางฝั่งประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2560 ถึงพฤษภาคม 2563 ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างประมาณ 1,355 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 13,107,209 ตารางเมตร และมีมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลแห่งชาติกำลังตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนจังหวัดชายฝั่งทะเลให้กลายเป็นเสาหลักเศรษฐกิจหรือเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลายของกัมพูชา ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการสร้างจังหวัดพระสีหนุให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่หลากหลาย โดยจังหวัดสีหนุวิลล์ได้พัฒนาระบบการขนส่งทางบก, ทางน้ำและทางอากาศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับการเชื่อมต่อ จากการเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732207/sihanoukville-records-over-7-billion-in-construction/

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชายกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตสำหรับปีหน้า

กระทรวงการท่องเที่ยวได้ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตทั้งหมดในปีหน้าเพื่อช่วยเหลือภาคที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 อย่างไรก็ตามค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจใหม่จะยังคงมีผลบังคับใช้และค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่นค่าปรับสำหรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ไม่ผ่านการรับรองจะยังคงอยู่ โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่ารัฐบาลกำลังพยายามช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสทีละขั้นตอน ซึ่งจนถึงขณะนี้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวใน 2,956 แห่ง ในกัมพูชาได้ปิดตัวไปแล้วทำให้มีผู้ว่างงานถึง 45,405 คน และส่งผลทำให้รายได้จากภาคส่วนใหญ่สูญเสียไปประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50732281/the-ministry-of-tourism-waives-licence-renewal-fees-for-next-year/

โควิดหนุน ‘ช้อปออนไลน์’ ฮิตทั่วอาเซียน

ผลวิจัยล่าสุดชี้ นักช้อปชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มซื้อของกินของใช้และสินค้าจำเป็นอื่นๆ ทางออนไลน์ต่อไป แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยุติลง โดยผลวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษา “เบนแอนด์คัมพะนี” และเฟซบุ๊ค เผยว่ากระแสอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลมาแรงทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่วานนี้ (9 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 7 ล้านคน ซึ่งหุ้นส่วนเบนแอนด์คัมพะนี จากสิงคโปร์ เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า เทรนด์การซื้อสิ่งของจำเป็นผ่านทางออนไลน์จะดำรงอยู่ต่อไป การซื้อขายของกินของใช้ออนไลน์เป็นภาคส่วนใหญ่ที่ยังไม่ถูกเจาะ ด้วยเหตุผลด้านโลจิสติกส์และอื่นๆ แต่ช่วงไวรัสระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคส่วนนี้โตขึ้นเกือบ 3 เท่า ผู้ใช้ 1 ใน 3 ที่ให้ข้อมูลกล่าวว่า พวกเขามีแผนซื้อของชำผ่านอินเทอร์เน็ตต่อไป ทั้งนี้การใช้จ่ายซื้อของกินของใช้โดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดซื้อออนไลน์คิดเป็นเพียงสัดส่วนเล็กๆ ของมูลค่าทั้งหมด แต่ก็เติบโตขึ้นมาก

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884379