กัมพูชาพิจารณาเครื่องหมายการค้ารูปแบบใหม่

กระทรวงพาณิชย์กำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการออกเครื่องหมายการค้าใหม่เพื่อให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรมากขึ้น โดยผู้อำนวยการกรมทรัพย์สินทางปัญญาของกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สี่ประเภทที่มีสถานะทางภูมิศาสตร์ (GI) หรือเครื่องหมายการค้ารวม ซึ่งกระบวนการอยู่ในช่วงเริ่มต้นโดยขณะนี้กระทรวงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยถือเป็นการปกป้องผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในท้องถิ่นในกระบวนการปกป้องสินค้าของกัมพูชาถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก แต่บริษัทและผู้ผลิตในท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือเห็นถึงความสำคัญในกระบวนการนี้จริงๆบางครั้งยังลังเลที่จะเข้าร่วมเวิร์กช็อปที่ทางภาครัฐได้ชี้ชวนให้เข้าร่วม โดยพูดถึงประโยชน์ของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแล้วก็ตาม ซึ่งในเดือนตุลาคมรัฐบาลได้เปิดตัวเครื่องหมายการค้าใหม่ซึ่งครอบคลุมหนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวงคือก๋วยเตี๋ยวพนมเปญ เป็นสินค้าที่ได้รับเครื่องหมายการค้าลำดับที่ห้าที่รัฐบาลกัมพูชาให้การยอมรับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50672762/new-trademarks-considered

กัมพูชาทำการศึกษาใหม่เกี่ยวกับทางด่วนกรุงพนมเปญเชื่อมบาเว็ต

China Railway Corporation กำลังทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงกับเมืองบาเว็ต ซึ่งอยู่ติดกับเวียดนามตามกระทรวงโยธาธิการและขนส่งรายงาน โดยการศึกษาจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งถือเป็นการศึกษาครั้งที่สองบนทางด่วนระหว่างบาเว็ตเชื่อมต่อกับกรุงพนมเปญและสวายเรียง ดำเนินการโดย Japan Cooperation Agency (JICA) โดยการศึกษาล่าสุดจะพิจารณาเพิ่มเติมว่าโครงการมีความเป็นไปได้และคุ้มค่าหรือไม่ และจะถูกส่งไปยังรัฐบาลที่จะใช้ในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือไม่ ซึ่งหากการลงทุนมีความเป็นไปได้ขั้นตอนต่อไปคือการเจรจาต่อรองสัมปทานกับบริษัทผู้สนใจลงทุน โดยการศึกษาของ JICA แสดงให้เห็นว่าโครงการจะมีมูลค่าสูงกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามรายงานดังกล่าวทางด่วนจะมีความยาว 135 กิโลเมตรวิ่งผ่านกรุงพนมเปญ, กันดาล, ไพรแวงและ สวายเรียง จนกระทั่งสู่ประตูชายแดนในบาเว็ต ซึ่ง China Railway Corporation ประกาศความสนใจที่จะลงทุนในโครงการเมื่อต้นปี และเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50672615/new-study-on-phnom-penh-bavet-expressway

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

ตามข้อมูลของสมาคมเม็ดมะม่วงหิมพานต์เวียดนาม (Vinacas) เปิดเผยว่าภาคอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะมุ่งเน้นไปที่การแปรรูป ปรับปรุงคุณภาพและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2562 มีการนำเข้าวัตถุดิบอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน และแหล่งน้ำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากแอฟริกา ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปริมาณส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากกว่า 418,000 ตัน ด้วยมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาจีนและเนเธอแลนด์ เป็นต้น นอกจากนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่าภาคเกษตรกรรมมียอดเกินดุลการค้าราว 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับแหล่งส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด คือ จีน (26.9% ของการส่งออกรวม) รองลงมาสหรัฐฯ สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-targets-4-billion-usd-from-cashew-exports-in-2020-407924.vov

เวียดนามเผชิญกับอุปสรรคในการส่งออกพริกไทยไปยังตลาดโลก

ตามข้อมูลของสำนักงานการนำเข้า-ส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่าสถานการณ์การส่งออกพริกไทยของเวียดนามยังคงเผชิญกับอุปสรรค เป็นผลมาจากผลผลิตล้นในตลาดโลก และการแข่งขันจากคู่แข่งที่สูงขึ้น ทำให้ระดับราคาลดลง โดยในปัจจุบัน เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกพริกไทยอยู่ที่ 100,000 เฮกเตอร์ คิดเป็นปริมาณผลผลิตราว 247,000 ตัน ขณะที่ ราคาพริกไทยยังอยู่ในระดับต่ำและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมพริกไทยมีแนวโน้มชะลอตัวต่อไปอีก ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตพริกไทยในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 1 ล้านตันในปี 2050 เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาพริกไทย นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าแม้ว่าสถานการณ์การส่งออกพริกไทยของเวียดนามเผชิญกับความท้าทาย แต่ด้วยข้อตกลงการค้าเสรี เช่น CPTPP และ EVFTA เป็นต้น จะทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/pepper-exports-face-hurdles-in-global-market-407916.vov

ร่างกฎหมายเก็บภาษีสุราใกล้มีผลบังคับใช้

กฎหมายการผ่อนปรนการห้ามนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเมียนมา ได้ถูก่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขออนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ชงเรื่องไป การนำเข้าสุราเป็นไปอย่างเข้มงวดในพม่าตั้งแต่ปีพ. ศ. 2505 ต่อมาอนุญาตให้นำเข้าไวน์ในปลายปี 2558 แต่ให้นำเข้าโรงแรมและร้านปลอดภาษีเท่านั้นทั้งสุราและเบียร์ ธุรกิจที่ต้องการนำเข้าจัดจำหน่ายและขายเหล้าทุกชนิดจะต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยที่ควบคุมโดยฝ่ายบริหารงานทั่วไป (CAD) และคณะกรรมการนโยบายสรรพสามิตใหม่ บริษัทต่างๆต้องการให้มีการแก้ไขใบเรียกเก็บเงินเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับขั้นตอนและข้อจำกัดในการนำเข้า การเปิดเสรีตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรกภายใต้รัฐบาลของนางอองซานซูจีเพื่อต้อนรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ข้อจำกัดในการนำเข้าส่งผลให้มีการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายมาจำหน่ายในประเทศ ส่งผลต่อรายได้ภาษีของรัฐบาล

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/draft-bill-alcohol-imports-nears-completion.html

เมียนมามีแผนดึงนักท่องเที่ยวมาเยือนเจดีย์ Zalon Taung

เมียนมาวางแผนจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมายังเจดีย์ Zalon Taung ซึ่งมีจำนวนผู้แสวงบุญในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น โดยในปี 60 มีผู้มาเยี่ยมชมมากกว่า 200,000 คน และมากกว่า 400,000 คนในปี 61 จำนวนผู้แสวงบุญเดินทางมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 60 และรัฐบาลกำลังเจรจากับระดับภูมิภาคหน่วยงานของรัฐเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมเจดีย์ตั้งแต่ปี 2561 เจดีย์ Zalon Taung ตั้งอยู่บนภูเขาประมาณ 3,090 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 12 ไมล์ทางเหนือของบ้านเมาะ ในเขตซะไกง์ ประวัติความเป็นมาของเจดีย์ Zalon Taung กล่าวกันว่าเป็นสถานที่ของพระพุทธเจ้าองค์ที่ห้าหรือ พระศรีอริยเมตไตรย นั่นเอง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-plans-to-attract-tourists-to-zalon-taung-pagoda

ปีหน้าจีดีพียังมีความเสี่ยงด้านต่ำ ผู้ว่าธปท. ส่งซิกต้องช่วยกันมากขึ้น

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวในเวทีสัมมนา Thailand Economic Outlook : เศรษฐกิจไทย 2020 โดยระบุว่า  เศรษฐกิจไทย ปีหน้าประมาณการเติบโตไว้ที่ 2.8% เป็นการขยายตัวที่ภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอานิสงส์ทั้งงบประมาณประจำปี 2563 นโยบายการคลังและนโยบายการเงินและแนวโน้มการส่งออกที่มีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ที่คาดว่าส่งออกจะติดลบ 3-4% อย่างไรก็ตาม การเติบโตนั้นยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะขยายตัว 3.5-4% จึงมีความจำเป็นในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รอบปีที่ผ่านมา ธปท. ได้ดำเนินนโยบายการเงินทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและออกมาตรการกำกับแต่ต้องใช้เวลา และอาจจะส่งผลข้างเคียงในระยะยาว ยังมีความเสี่ยงด้านต่ำหลายด้านที่ทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโตทั้งสงครามทางการค้าและการเมืองในประเทศและปัจจัยเชิงโครงสร้าง. เช่น แรงกดดันค่าเงินบาท แต่หากปรับตัวได้ก็จะทำให้เข้าสู่ความเสี่ยงด้านสูงได้

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/money_market/417358?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=money_market

การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวในแถบเมืองชายฝั่งของกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาคาดการณ์ว่าจะมีชาวต่างชาติอย่างน้อย 1.3 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศอีก 3.4 ล้านคน จะมาเยือนเมืองแถบชายฝั่งของกัมพูชาในปี 2562 โดยในพิธีเปิดงาน Sea Festival เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทองโข่วกล่าวว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่ไปเยือนพื้นที่ชายฝั่งทะเลในกัมพูชาเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปีนี้งานเทศกาลทะเลซึ่งปัจจุบันจัดขึ้นเป็นครั้งที่แปดในจังหวัดกำปอด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคาดว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองชายฝั่งจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 2019 ประมาณ 15% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในกัมพูชาเลือกที่จะเยี่ยมชมชายฝั่งและนักท่องเที่ยวในประเทศจะเพิ่มขึ้น 3% จากการคาดการณ์ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2563 พื้นที่ชายฝั่งทะเลจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.7 ล้านคนและนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ 3.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งการจัดงานเทศกาลทะเลมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวชายฝั่งและสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50672617/visitors-to-the-coast-up-significantly

สายการบินภายในประเทศกัมพูชาเปิดเส้นทางใหม่สู่ประเทศจีน

สองสายการบินประกาศเส้นทางใหม่ที่เชื่อมต่อกรุงพนมเปญไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศจีน โดยสายการบินกัมพูชาแอร์เวย์สจะเปิดบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงพนมเปญและเซินเจิ้นในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน และจะเริ่มบินไปยังเฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนจากกรุงพนมเปญในวันที่ 2 มกราคม ซึ่งเส้นทางใหม่นี้จะทำให้การเดินทางระหว่างสามเมืองนี้สะดวกมากขึ้นและให้ทางเลือกแก่ผู้โดยสารมากขึ้น โดยจำนวนเที่ยวบินตรงกับจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สนามบินกัมพูชาจัดการเที่ยวบินไปและกลับจากจุดหมายปลายทางในประเทศจีนประมาณ 500 เที่ยวบิน ตามรายงานจากสำนักเลขาธิการการบินพลเรือน ซึ่งขณะที่เสียมเรียบและสีหนุวิลล์เชื่อมโยงกับ 15 ปลายทางในประเทศนั้นตามลำดับ โดยจีนยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว ซึ่งกัมพูชายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมากกว่า 2 ล้านคนในช่วง 10 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในช่วงเวลาดังกล่าวชาวจีนคิดเป็น 38% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50672755/airlines-launch-new-routes-to-china

รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในปี 2563

รัฐบาลจะมีมาตราการส่งเสริมการนักท่องเที่ยวภายในประเทศในปี 63 สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสุมณีวงศ์อธิบดีกรมตลาดการท่องเที่ยวภายใต้กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหารือเกี่ยวกับแคมเปญส่งเสริมการขายและปรึกษากับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีความเห็นในที่ประชุมว่าควรมีกิจกรรมที่มีสีสันใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาถนนหนทางเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและควรปรับปรุงบริการการท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวและราคาอาหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยรัฐบาลคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_eyes_275.php