ยอดส่งออกธัญพืชไปไทยเพิ่มขึ้น

ารส่งออกธัญพืชอย่างข้าวฟ่างกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในขณะที่รอการส่งออกไปยังไทยของผู้ส่งออกในชายแดนเมียวดี แม้ว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 สิงหาคมเพื่อส่งออกไปยังประเทศไทยตามข้อตกลงร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถส่งออกไปได้เนื่องจากรัฐบาลไทยขึ้นภาษีส่งออกข้าวข้าวฟ่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ในช่วงเวลานั้นการส่งออกมายังไทยไทยผู้ส่งออกได้รับความสูญเสียเนื่องจากรถบรรทุกที่ไม่สามารถข้ามสะพานเกียง เนื่องจากการเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำเกียง ทั้งผู้ส่งออกไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้เนื่องจากรัฐบาลจีนขึ้นภาษีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ยอดการส่งออกจากการค้าชายแดนเมียวดีคิดเป็น 10% ของการนำเข้าและส่งออกของปีนี้ แม้ว่าไทยจะส่งออกสินค้ารถบรรทุกกว่า 500 คันในทุกๆ วัน แต่เมียนมาก็ไม่ได้ขึ้นภาษีแต่อย่างใด

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/millet-grains-pile-up-to-export-to-thailand

การเติบโตของการท่องเที่ยวสปป.ลาว

กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยตัวเลข การท่องเที่ยวล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสปป.ลาวในปี 62 มีมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเยอะที่สุด 4.7 ล้านคนเพิ่มขึ้น 14.44% จากปี 2561 Mr Soun Manivong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดการท่องเที่ยวกล่าวว่าส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามาจาก แคมเปญเยี่ยมชมปีลาว – ​​จีนซึ่งได้รับความร่วมมือจากจีนเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือมาเที่ยว สปป.ลาวมากขึ้น ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มวางแผนการสำหรับการที่จะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในปี 63 โดยจะมีการดำเนินการในเรื่องการให้บริการที่ดีขึ้นทั้งด้านสถานทีท่องเที่ยวและความสะดวกสบายสำหรับการข้ามพรมแดน นอกจากนี้การรักษาระดับของค่าเงินกีบให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและนำแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี63 โดยรัฐบาลหวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_17.php

กัมพูชาเสนอบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในแหล่งน้ำสะอาดภายในประเทศ

บริษัทญี่ปุ่นถูกขอให้ลงทุนสร้างโรงผลิตน้ำสะอาดและจัดหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำสะอาดให้แก่กัมพูชาตามนโยบายด้านสุขอนามัยของรัฐบาล โดยการเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาต้องการเชื่อมโยงการแจกจ่ายน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคไปยังเขตเมืองทั้งหมดทั่วประเทศภายในปี 2568 และในพื้นที่ชนบททั้งหมดในปี 2573 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้มีการเสนอกับบริษัทญี่ปุ่น ณ งานสัมมนาน้ำประปาและสิ่งปฏิกูลกัมพูชาและญี่ปุ่น 2563 โดยจัดขึ้นที่โรงแรมซันเวย์ในกรุงพนมเปญ โดยกระทรวงส่งเสริมให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน้ำของกัมพูชาเพื่อให้ชาวกัมพูชาสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันกว่าร้อยละ 80 ของเขตเมืองทั่วประเทศสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด ที่ดำเนินการผลิตโดยหน่วยงานประปาของรัฐและผู้จัดจำหน่ายน้ำสะอาดเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานในพื้นที่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสะอาด โดยมีหน่วยงานผู้ให้บริการน้ำของรัฐ 11 แห่งและผู้ให้บริการน้ำสะอาดภาคเอกชนอีก 258 รายที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวง ซึ่งมีการใช้น้ำสะอาดประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรทุกวันภายในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682452/japanese-firms-asked-to-invest-in-nations-clean-water-supplies

ภาคการเกษตรของกัมพูชากำลังเติบโต

โครงการ FoodSTEM ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อฝึกอบรมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในสาขาเกษตรยั่งยืนและวิศวกรรมอาหารเริ่มต้นจากการประชุมเชิงที่นำโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งกัมพูชา (ITC) กับ 4 มหาวิทยาลัยที่ชั้นนำของกัมพูชา ซึ่งแนวคิดคือเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีอาหารเพียงพอต่อความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชาโดยใช้ความหลากหลายของสาขาวิชาและทักษะที่ทันสมัย โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการได้ให้คำปรึกษาร่วมกับ Agence Universitaire de la Francophonie ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ C-NEUF “Espace Techno Incubation” โดยเป็นโครงการระยะเวลา 3 ปีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคนิคแก่การบ่มเพาะโครงการล่วงหน้ากับผู้ประกอบการนักศึกษาในกัมพูชา เช่นดิจิตัลอิเล็กทรอนิคส์เมคคาทรอนิกส์ (ซึ่งรวมอิเล็กทรอนิกส์กับวิศวกรรมเครื่องกล) และหุ่นยนต์แหล่งพลังงานการเกษตรและอาหารเกษตร ซึ่งอุตสาหกรรมมีมูลค่าถึง 7.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้เรียกร้องให้มีการลงทุนด้านการแปรรูปและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในกัมพูชามากขึ้น ซึ่งกล่าวว่าประมาณ 70% ของข้าวเปลือกที่เหลือถูกขายให้กับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682509/growing-the-agricultural-sector

ยอดขายเบียร์ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่เต๊ต

เบียร์มักจะขายได้ดีที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ (เต็ต) แต่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาซื้อ ซึ่งทางรัฐบาลได้ออกมาตรการปราบปรามคนเมาสุราขณะขับรถยนต์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำหน่ายไวน์และเบียร์รายหนึ่งในกรุงฮานอย บอกเล่าว่า”ในปีที่แล้ว ยังพอขายเบียร์ได้บ้าง แต่ในปีนี้แค่ต้องรอคำสั่งซื้อ” ถึงแม้ว่าจะลดราคาสินค้าดังกล่าวก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนลูกค้ามากเท่าไรนัก ซึ่งทางผู้ประกอบการประเมินว่ายอดขายลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่แล้ว ขณะที่ ทางฝั่งผู้ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ระบุว่าเบียร์ดังที่มาจากไซง่อน (Saigon Beer) อยู่ที่ 239,000 ด่อง – ลดราคากว่าร้อยละ 80 จากราคาปกติ นอกจากนี้ ไม่มีผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ได้แก่ Sabeco, Habeco, Heineken และ Carlsberg เป็นต้น ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ (ผู้ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา) แต่ร้านค้าหลายแห่งระบุว่ายอดขายลดลงประมาณร้อยละ 25-30 ซึ่งจากตัวเลขสถิติของสมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้วคนเวียดนามบริโภคเบียร์อยู่ที่ 4.6 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2561

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/beer-sale-drops-remarkably-ahead-of-tet/167669.vnp

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกผักผลไม้ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

จากข้อมูลของสมาคมพืชผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในปีนี้ อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่ (New Generation FTA) ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 63 เรื่องภาษีศุลกากรของผักผลไม้เวียดนามอยู่ในระดับร้อยละ 0 ส่งผลให้ยกระดับมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ข้อตกลง CPTPP จะเปิดตลาดใหม่ๆแก่ผลิตภัณฑ์เวียดนาม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเลขาธิการสมาคม มองว่าพื้นที่เพาะปลูกผักผลไม้ขนาดใหญ่ควรจะต้องติดฉลากเขียว (VietGAP) และมาตรฐานเอกชน (Global GAP) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เข็มงวด อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน (26.6%), สหรัฐอเมริกา (10.7%) และสหภาพยุโรป (32.2%) เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-targets-5-billion-usd-from-fruit-vegetable-exports-in-2020/167667.vnp

เมียนมากู้ ADB สร้างโรงไฟฟ้าย่อยในอิรวดี

เพื่อกระจายกระแสไฟฟ้าให้มากขึ้นในภูมิภาคอิรวดี โดยการสร้างสถานีย่อย 17 แห่งด้วยความช่วยเหลือของเงินกู้ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ทั้งนี้ยังขอให้รัฐบาลระดับภูมิภาคหาที่ตั้งเพิ่มสำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าย่อย 6 แห่ง แม้ว่าจะมีการใช้พลังงาน 50% ทั่วประเทศ แต่เขตอิระวดีมีการใช้พลังงานมากกว่า 20%

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/sub-power-stations-will-be-built-in-ayeyawady-under-the-adb-loan

เมียนมา-ญี่ปุ่นลงนามสัญญาเงินกู้ 1.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับสี่โครงการ

รัฐบาลเมียนมาและญี่ปุ่นได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจและสัญญาเงินกู้เพื่อรับเงินกู้ ODA ประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการดำเนินโครงการพัฒนารวมถึงโครงการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง โดยทั้งสี่โครงการมีชื่อโครงการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียย่างกุ้ง โครงการพัฒนาเมืองย่างกุ้งแหล่งจ่ายไฟในเมือง โครงการปรับปรุงและโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค ระยะที่ 3 โครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (Official Development Assistance หรือ ODA) ของรัฐบาลญี่ปุ่น มีมูลค่า 120.915 ล้านเยน (ประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อัตราดอกเบี้ย 0.01 เปอร์เซ็นต์และระยะเวลา 40 ปีในการชำระคืน เงินกู้ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียและสร้างโรงบำบัดน้ำเพื่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขในย่างกุ้ง ยกระดับระบบระบายน้ำ และแก้ไขปัญหาการจราจรในย่างกุ้ง ยกระดับสถานีไฟฟ้าย่อยและสายไฟฟ้าในย่างกุ้งและมัณ ฑะเลย์ สะพาน ไฟฟ้า และระบบประประปา ในภูมิภาคอื่น ๆ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-japan-sign-11bn-loan-agreement-for-four-projects

อุตสาหกรรมสิ่งทออาเซียนในยุค 4.0

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุมสภาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งอาเซียน (AFTEX) ครั้งที่ 43 จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสปป.ลาวและถือว่าเป็นวันครบรอบ 40 ปีของสมาคมอีกด้วยโดยที่ประชุมได้มีการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปในอาเซียนรวมถึงมีการพิจารณาตลาดเครื่องนุ่งห่มโลกและหารือถึงวิธีการร่วมมือกันในการส่งออกเสื้อผ้าไปยังทั่วโลก ปัจจุบันในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ทำให้การค้าคล่องตัวมากขึ้น โดยผ่านการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และการรวมตลาดภายในภูมิภาคและทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าในกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้ภายในที่ประชุมยังมีการเปิดตัวโครงการความร่วมมือการค้าเทคโนโลยีใหม่และโอกาสสำหรับตลาดใหม่ในจีนและสาธารณรัฐเกาหลีที่จะเป็นตลาดที่สำคัญของสมาคมต่อไปในอนาคต

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/asean-textile-industry-reps-eye-seamless-export-trade-112459

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์กำหนดราคาหมูใหม่

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์สปป.ลาวกำหนดราคาใหม่สำหรับเนื้อหมูเพื่อแก้ไขปัญหาราคาหมูที่สูงอยู่ ณ ตอนนี้ โดยรัฐบาลพยายามที่จะจำกัดระดับราคาให้อยุ่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพราะหากตั้งต่ำเกินไปผู้ผลิตจะขาดทุนหรือหากตั้งสูงเกินไปก็อาจทำให้การบริโภคลดลงไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้มีการนำเข้าหมูจากเวียดนามหรือไทยเพื่อลดปัญหาดังกล่าว แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะ ราคาหมูในสปป.ลาว ณ ตอนนี้เมื่อเทียบกับไทยแล้วราคาหมูไทยมีราคาสูงกว่าถึงร้อยละ 33 ดังนั้นวิธีดังกล่าวจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก อย่างไรก็ตามการตึงราคาไว้เป็นแค่การแก้ไขปัญหาระยะสั้น เพราะสาเหตุของการที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นมาจากการขาดแคลนหมูเพราะเกิดโรคไข้หมูรวมถึงการผันผันของค่าเงินและราคาของน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นต้นทุนการขนส่งหมูทำให้ราคาหมูสูงตามไปด้วย ปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐาบาลเพราะหากไม่มีแนวทางแก้ไข้ปัญหาที่ดี ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้

ที่มา :http://annx.asianews.network/content/vientiane-commerce-dept-proposes-new-pork-price-amid-limited-supply-112539