ผู้ผลิตรถยนต์จีนจะต้องเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศไทยในปีนี้

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกรายงานการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่งในปี 2567 ตามมาตรการ EV 3.0 มาตรการเหล่านี้กำหนดให้บริษัทที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขายในประเทศไทยต้องเริ่มการผลิตในปีนี้ จากรายงานของ สศช. เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 มีเนื้อหาส่วนที่เน้นแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยในปี 2566 จำนวนการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่สูงถึง 76,538 คัน เพิ่มขึ้น 695.9% เมื่อเทียบกับการจดทะเบียน 9,617 คันในปี 2565 การจดทะเบียนใหม่สำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมอยู่ที่ 481,609 คัน ลดลง 11.3% จาก 543,072 คัน ในปี 2565 ส่งผลให้สัดส่วนการจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ต่อยอดจดทะเบียนรถยนต์ทั้งหมดอยู่ที่ 11.6% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในปี 2565 สำหรับปี 2566 การจดทะเบียนใหม่สำหรับแบรนด์รถยนต์ EV คือ BYD (จีน) 30,467 คัน Neta (จีน) 12,777 คัน MG (จีน) 12,462 คัน เทสลา (สหรัฐอเมริกา) 8,206 คัน และ GWM (ORA) (จีน) 6,746 คัน ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์เหล่านี้ ต้องเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปีนี้ โดยข้อมูลกำลังการผลิตรถยนต์ EVs ในประเทศไทยทั้งหมดมาจากผู้ผลิตรถยนต์จีน โดยแยกตามยี่ห้อ Neta 200,000 คัน, Changan: 100,000-200,000 คัน (กำลังการผลิตเริ่มต้น 100,000 คัน), BYD 150,000 คัน MG 100,000 คัน และ GWM 80,000 คัน หากกำลังการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศต่างๆ สามารถเป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรการจูงใจได้ ก็จะช่วยส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบไฟฟ้าที่สำคัญทั่วโลก

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/policies/40036474

‘เอเชีย อินไซเดอร์’ ชี้เวียดนามเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตแรง

จากรายงานของเอเชีย อินไซเดอร์ (Asian Insiders) เครือข่ายที่ปรึกษาด้านธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจแบบไดนามิก ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มการขยายตัวจากปัจจัยสนับสนุนหลายประการที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไปข้างหน้า โดยจากรายงานชี้ให้เห็นว่าเวียดนามเป็น 1 ใน 20 ประเทศทั่วโลกที่มีเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันประชากรเวียดนามมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 102 ล้านคน และมีขนาดเศรษฐกิจในปี 2567 อยู่ที่ 469 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใหญ่เป็นอันดับที่ 35 ของโลก นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้แก่  Samsung, LG, Foxconn, Panasonic, Bosch, GE, Piaggio และ Yamaha ได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยหรือฐานการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ บ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของเวียดนามที่จะก้าวไปสู่แหล่งนวัตกรรมและศูนย์กลางการผลิต

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-remains-one-of-globe-s-rising-economies-asian-insiders-2260651.html

‘เวียดนาม’ เผยนิคมอุตสาหกรรม แรงขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ของประเทศ

นายเจิ๊น โกว๊ก เฟือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่ากระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมใหม่ อย่างไรก็ดี ปัญหาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและที่ดินยังเป็นข้อกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ จึงควรเร่งแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งนี้ CBRE Vietnam ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าค่าเช่าที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในภาคเหนือ คาดว่าเพิ่มขึ้น 5-9%1 ต่อปี และในภาคใต้ 3-7% เนื่องจากความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนค่าเช่าคลังสินค้าสำเร็จรูป คาดว่าเพิ่มขึ้น 1-4% ในอีก 3 ปีข้างหน้า แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของธุรกิจต่างประเทศในเวียดนาม และยอดการจดทะเบียนของนักลงทุนต่างชาติรายใหม่ที่สูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/industrial-real-estate-emerges-out-of-storm/283065.vnp

ราคาน้ำตาลในเมียนมาพุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะแตะระดับสูงสุดใหม่

ตามรายงานของผู้ค้าน้ำตาล ระบุว่าในวันที่ 14 และ 16 มีนาคม ราคาน้ำตาลในตลาดย่างกุ้งเพิ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีรายงานการพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวันที่ 16 มีนาคม โดยแตะระดับ 4,550 จ๊าดต่อviss ซึ่งอัตราการขายส่งรายวันในตลาดย่างกุ้งในวันที่ 16 มีนาคมจะอยู่ที่ 4,340 จ๊าดต่อviss แต่ก็เพิ่มขึ้นเป็น 4,550 จ๊าดต่อviss ในช่วงเย็น แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี วิถีราคาน้ำตาลแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ปัจจัยด้านต้นทุนการขนส่งจากมัณฑะเลย์ไปย่างกุ้งก็ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน โดยในย่างกุ้ง ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้นจาก 3,930 จ๊าดต่อviss ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็น 4,400 จ๊าดต่อviss ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ซึ่งการคาดการณ์บ่งชี้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงปลายเดือนมีนาคม ก่อนถึงเทศกาลติงยาน นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าถึงแม้ราคาขายปลีกน้ำตาลจะสูงขึ้นแต่ราคาน้ำตาลทรายขาวในซุปเปอร์มาร์เก็ตยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดยคาดว่าราคาขายปลีกน้ำตาลจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป โดยอาจถึง 5,000 จ๊าดต่อviss ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเทียบเท่ากับราคาน้ำตาลโตนด

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/sugar-prices-surge-expected-to-reach-new-highs/

รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบโรงงานเครื่องจักรกลการเกษตร Myanma ในเมือง Kyaukse

ดร. ชาร์ลี ตัน รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรม พร้อมด้วยอู เมียว ออง หัวหน้าคณะรัฐมนตรีประจำเขตมัณฑะเลย์ และพรรคการเมือง ได้ตรวจสอบโรงงานเครื่องจักรกลการเกษตรเมียนมา ในเมืองจ็อกเซ เขตมัณฑะเลย์ โดยผู้จัดการโรงงานได้อธิบายกระบวนการวิจัยและพัฒนาเครื่องย้ายปลูกข้าว ด้านรัฐมนตรีสหภาพย้ำถึงความสำคัญของอุปกรณ์การเกษตรเนื่องจากเมียนมาเป็นประเทศเกษตรกรรม การผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดกลางสามารถช่วยลดการนำเข้าเครื่องจักร ซึ่งช่วยประหยัดการใช้เงินตราต่างประเทศได้  อย่างไรก็ดี เขายังกล่าวถึงความพยายามของเขตอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ในการผลิตเครื่องหีบฝ้ายแบบลูกกลิ้งคู่สำหรับแยกสำลีออกจากเมล็ด แม้ว่าประเทศจะมีการผลิตฝ้ายอย่างเพียงพอ แต่เครื่องจักรที่ไม่เพียงพอก็ขัดขวางศักยภาพในการเป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตฝ้าย นอกจากนี้ รัฐมนตรีสหภาพฯ ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของโรงงานฝ้ายในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น เส้นด้ายและเสื้อผ้า นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำถึงศักยภาพในการผลิตน้ำมันบริโภคจากเมล็ดฝ้าย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moi-um-inspects-myanma-agricultural-machinery-factory-in-kyaukse/#article-title

สายการบินลาวแอร์ไลน์เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ แขวงหัวพันและแขวงหลวงน้ำทา

สายการบินลาวกำหนดเที่ยวบินรายวันจากเวียงจันทน์ไปยังแขวงหัวพัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 และเพิ่มเที่ยวบินไปยังแขวงหลวงน้ำทา เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่มในวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของสายการบินลาว บอกกับหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ว่า ในอดีตสายการบินเคยให้บริการ 2 เที่ยวบินต่อวันไปและกลับจากหลวงน้ำทา แต่ปัจจุบันถูกตัดเหลือเพียง 1 เที่ยวบินต่อวัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ลาวแอร์ไลน์จะกำหนดเที่ยวบินไปหลวงน้ำทา 2 เที่ยวเช่นเดิม นอกจากนี้ จำนวนเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์ไปแขวงหัวพันจะเพิ่มขึ้นจาก 5 เที่ยวบินเป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ก่อนที่สนามบินหนองขางจะเปิดใช้งานผู้คนส่วนใหญ่ในแขวงหัวพันเดินทางไปมาโดยใช้รถยนต์ซึ่งเป็นการเดินทางที่ยาวนาน เพราะภูมิประเทศเป็นภูเขา แต่สนามบินแห่งใหม่นี้จะทำให้การเดินทางไปแขวงหัวพันสะดวกขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นจากปีที่แล้วที่มีนักท่องเที่ยว 45,000 คนมาเยือนแขวงหัวพัน สร้างรายได้มากกว่า 32 พันล้านกีบ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_55_Lao_Airlines_y24.php

CDC อนุมัติโครงการลงทุนกว่า 173 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านดอลลาร์

ดร.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดใหม่ ได้อนุมัติโครงการลงทุนกว่า 173 โครงการ โดยสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ด้วยเงินลงทุนรวม 4.150 พันล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวเสริมว่ารัฐบาลกำลังเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและสิ่งจูงใจ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม และเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน ผ่านการมีส่วนร่วมกับภาคเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501456774/173-new-investment-projects-worth-4b-registered-with-the-cdc-says-pm/

ฮุน มาเนต เผยยอดส่งออกกัมพูชาเติบโต 16.57% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 ถึง กุมภาพันธ์ 2024 กัมพูชาสามารถส่งออกสินค้ามูลค่ารวมกว่า 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 16.57 ที่มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ โดยถ้อยแถลงนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในโอกาสที่เป็นประธานการประชุมสภาคลัง (Council of Ministers) ณ พระราชวังสันติภาพ (Peace Palace) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2024 ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชา ได้แก่ เสื้อผ้า ข้าว ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า ผัก ผลไม้ รองเท้า ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ขณะที่ประเทศคู่ค้าสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ จีน เวียดนาม สหรัฐฯ ไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศ โดยการเติบโตของมูลค่าการส่งออกแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกัมพูชาเริ่มขยายตัว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501456766/pm-in-the-past-six-months-cambodia-exported-11-8-billion/

‘วินฟาสต์’ ปักหมุดร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเวียดนาม จะเข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. นับเป็นครั้งแรกของค่ายรถยนต์ชื่อดังของเวียดนามที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในเอเชียตะวันออกเฉีนงใต้ มีรถยนต์หลายรุ่น ได้แก่ รถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดเล็ก (Mini e-SUV), VF 3, VF 5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม E-SUV รวมถึง VF Wild รถกระบะไฟฟ้า

ทั้งนี้ Ms. Vu Dang Yen Hang ผู้อำนวยการทั่วไปของ VinFast ประจำประเทศไทย กล่าวว่าการเปิดตัวแบรนด์ VinFast ในประเทศไทย จะเป็นก้าวสำคัญทางกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ช่วยยกระดับการแสดงตัวตนของบริษัทที่จะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://dtinews.dantri.com.vn/en/news/018/88023/vinfast-to-attend-45th-bangkok-international-motor-show.html