เมียนมา รัสเซีย หารือแผนสร้างโรงงานน้ำมันบริโภค

ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเมียนมา ระบุ ขณะนี้เมียนมาและรัสเซียอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานน้ำมันบริโภค คาดว่าจะผลิตน้ำมันได้ 35,000 ตันต่อปี จากพืชน้ำมันต่างๆ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ดร. Charlie Than รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรม และตัวแทนจาก Russian NPP A – Engineering LLC Company ได้พบและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านผลิตผลทางการเกษตรและพืชน้ำมัน โดยมีการเสวนาเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงงานผลิตน้ำมันพืชที่จะผลิตน้ำมันจากพืชน้ำมันได้ 35,000 ตันต่อปี การผลิตอาหารสัตว์และเม็ดเชื้อเพลิงจากผลพลอยได้จากการบดพืชน้ำมัน การเพาะปลูกพืช การแปรรูปและการฝึกอบรมการบรรจุหีบห่อ การติดตั้ง เครื่องจักรในสายการผลิต กระบวนการทดสอบและติดตาม อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับการยกระดับกระบวนการผลิตน้ำมันบริโภคให้สอดคล้องกับมาตรฐานและกฎระเบียบด้านความปลอดภัยระหว่างประเทศ ตลอดจนข้อกำหนดทางเทคโนโลยีสำหรับโรงกลั่นและการจัดหาเครื่องจักรของโรงกลั่นน้ำมันบริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-russia-discuss-plans-to-build-edible-oil-factory/#article-title

การค้าต่างประเทศของเมียนมาทะลุ 27 พันล้านดอลลาร์ใน 11 เดือน

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ การค้าภายนอกของเมียนมากับพันธมิตรต่างประเทศมีมูลค่ามากกว่า 27.758 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 1 มีนาคม ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยที การส่งออกของเมียนมามีมูลค่ามากกว่า 13.378 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 14.379 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ถึง 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 อย่างไรก็ดี มูลค่าการค้าทางทะเลของเมียนมาในปีงบประมาณนี้เกินกว่า 20.55 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่การค้าชายแดนมีมูลค่า 7.207 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขการค้าในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาลดลงกว่า 3.605 พันล้านดอลลาร์ หากเทียบกับที่บันทึกไว้ในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้วที่มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 31.36 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-foreign-trade-surpasses-us27b-in-11-months/

‘วินฟาสต์’ ประกาศความร่วมมือกับจ๊อสพอง รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในแอฟริกา

วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเวียดนาม ได้ประกาศลงนามข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับกลุ่มบริษัทจ๊อสพอง (Jospong Group of Companies) หนึ่งในบริษัทที่มีธุรกิจหลากหลายในสาธารณรัฐกานา เพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศและกลุ่มประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก รวมถึงวางแผนที่จะวางโครงสร้างพื้นฐานชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถรถยนต์ไฟฟ้า โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทที่จะเสนอโซลูชั่นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันทางบริษัทสามารถเข้าถึงศักยภาพตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในแอฟริกาได้อีกด้วย

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vinfast-announces-partnership-with-first-ev-distributor-in-africa-post1083008.vov

สะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้

สะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างแขวงบอลิคำไซ ในประเทศลาว กับจังหวัดบึงกาฬของประเทศไทย มีความคืบหน้าตามกำหนด และสะพานดังกล่าวจะเปิดให้สัญจรได้ในปลายปีนี้ โดยสะพานแห่งนี้มีความยาว 1,350 เมตร และจะช่วยส่งเสริมการเดินทางระหว่างลาวและไทย กระตุ้นให้เกิดการค้ากับประเทศอื่นๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการฝั่ง สปป.ลาว กล่าวว่า สะพานจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 และงานดังกล่าวคืบหน้าไปอย่างราบรื่นหลังจากการประเมินการก่อสร้างแล้วเสร็จมากกว่า 80% ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นจากเงินกู้จำนวน 1.38 พันล้านบาท จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย (NEDA) ได้รับการค้ำประกันโดยรัฐบาล สปป.ลาว โดยโครงการก่อสร้าง ประกอบด้วย การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 535 เมตร และการก่อสร้างถนนทางเข้าอาคารตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และโครงสร้างอื่นๆ ในฝั่ง สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_54_Fifth_y24.php

สปป.ลาว-สหภาพยุโรป ร่วมพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าสินค้ากาแฟ ชา และผลิตภัณฑ์ป่าไม้

รัฐบาล สปป.ลาว สหภาพยุโรป (EU) ผู้แทนจากฝรั่งเศสและเยอรมนี ร่วมเปิดตัวโครงการ Global Gateway มูลค่าหลายล้านยูโร เพื่อพัฒนาห่วงโซ่มูลค่ากาแฟ ชา และป่าไม้ และสนับสนุนการเข้าถึงตลาด โครงการนี้มีขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้า การลงทุน และการเชื่อมต่อในภาคการเกษตรและป่าไม้ที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืนและครอบคลุมของกาแฟ ชา และผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ ที่ สปป.ลาว กำลังทำการค้ากับสหภาพยุโรป เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเชื่อมต่อห่วงโซ่มูลค่าที่ดีขึ้นกับตลาดระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ผ่านการฟื้นฟูทางหลวงหมายเลข 2 ที่เป็นเส้นทางไปสู่ประเทศไทยและเวียดนามที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหภาพยุโรป จำนวน 28 ล้านยูโร ฝรั่งเศส 4.65 ล้านยูโร เยอรมนี 11 ล้านยูโร และเงินกู้ที่ได้รับสัมปทานจากธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป 50 ล้านยูโร

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_54_LaosEU_y24.php

การค้าชายแดนเมียนมา-ไทยมีมูลค่าสูงถึง 4.1 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 11 เดือน

การค้าชายแดนของเมียนมากับประเทศไทยมีมูลค่ารวม 4.136 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (เมษายน-มีนาคม) ของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 4.99 พันล้านดอลลาร์ที่บันทึกไว้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งลดลงอย่างมากที่ 857.145 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาดำเนินการค้าข้ามพรมแดนกับไทยผ่านทางท่าขี้เหล็ก เมียวดี เกาะสอง มะริด บ้านพุน้ำร้อน และมอตอง ซึ่งชายแดนบ้านพุน้ำร้อน มีการค้าขายที่ครอบคลุมมากที่สุดซึ่งมีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ชายแดนเมียวดีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 1.097 พันล้านดอลลาร์ ที่ท่าขี้เหล็ก 150.597 ล้านดอลลาร์ ที่มะริด 132.668 ล้านดอลลาร์ ที่เกาะสอง 199.131 ล้านดอลลาร์ และที่มอตอง 21.6 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailand-border-trade-tops-us4-1-bln-in-11-months/

เมียนมาเข้าร่วมการประชุมโอกาสการลงทุนและธุรกิจที่เวียดนาม

กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา (MoFA) รายงานว่า เมียนมาเข้าร่วมการประชุมเรื่องการลงทุนและโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ณ เมืองฮาลอง จังหวัดกว๋างนิงห์ ประเทศเวียดนาม ด้าน U Soe Ko Ko อุปทูตชั่วคราวประจำเวียดนาม เป็นตัวแทนของเมียนมาในงานนี้ตามคำเชิญของหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม อย่างไรก็ดี ก่อนเริ่มการประชุม U Soe Ko Ko ได้พบกับนาย Cao Tuong Huy ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิงห์ ในระหว่างการหารือ U Soe Ko Ko เสนอการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในด้านการค้าและการค้า การเกษตร การท่องเที่ยว และการส่งออกเครื่องนุ่งห่ม โดยคาดว่าจะครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตทวิภาคีในปีหน้า นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตและผู้แทนการค้าจากสถานทูตต่างประเทศในกรุงฮานอยก็เข้าร่วมงานด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-attends-investment-business-opportunities-meeting-in-viet-nam/

2 เดือนแรกของปี กัมพูชาดึงดูดการลงทุนกว่า 1.39 พันล้านดอลลาร์ เข้าประเทศ

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งชาติกัมพูชา (CDC) รายงานว่าในช่วงสองเดือนแรกของปี 2024 ทางการกัมพูชาได้อนุมัติโครงการลงทุนในทรัพย์สินถาวรมูลค่ารวม 1.39 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากคิดเป็นการเติบโตประมาณกว่า 500% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในรายงานระบุว่าในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ กัมพูชาได้รับการลงทุนจากจีนสูงสุดที่มูลค่าราว 545 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 39 ของเงินทุนการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ได้แก่ โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โรงงานประกอบจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โรงงานเหล็ก โรงงานเสื้อผ้าและสิ่งทอ โรงงานแปรรูปผลไม้ และโรงแรมหรู เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501454423/cambodia-attracts-1-39-bln-investment-in-first-2-months-of-2024/

กัมพูชาส่งออกขยายตัว 22.7% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาเติบโตกว่าร้อยละ 19.2 ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ก่อน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 8.12 พันล้านดอลลาร์ เผยแพร่โดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 คิดเป็นมูลค่ารวม 3.98 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 ที่มูลค่า 4.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าวที่สหรัฐฯ ยังคงเป็นปลายทางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา รองลงมาคือเวียดนาม ส่งผลทำให้กัมพูชามีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ 1.26 พันล้านดอลลาร์ แต่ขาดดุลการค้ากับจีนที่มูลค่า 1.74 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501454157/cambodias-exports-surge-22-7-in-first-two-months/

‘ยูโอบี’ คาดไตรมาส 1 ศก.เวียดนามโต 5.5%

ธนาคารยูโอบี (UOB) ประเมินทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) คาดว่าจะขยายตัว 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว กลับมาฟื้นตัวและเร่งขยายตัว 6.72% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิเช่น ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวในเดือน ก.พ.67 โดยการส่งออกหดตัว 5% ในขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี สาเหตุสำคัญมาจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของ UOB มองว่าโมเมนตัมยังคงไปในทิศทางเชิงบวก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เนื่องจากได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตฯ เซมิคอนดักเตอร์ และการเปลี่ยนแปลงของธนาคารกลางทั่วโลกไปสู่นโยบายผ่อนคลาย

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-q1-economic-expansion-projected-at-5-5-uob/