‘ผลสำรวจ’ ชี้ธุรกิจเวียดนาม 92.9% คาดรายได้โต ปี 67

จากการสำรวจของ Vietnam Report JSC เปิดเผยว่าแนวโน้มของการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้ไปในเชิงบวก โดยธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมส่วนใหญ่ 66.7% มีความเชื่อมั่นอนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น และ 92.9% คาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ 85.7% มองว่ากำไรและจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ นาย หวู ดัง วิง ประธานกรรมการบริหารของบริษัท Vietnam Report กล่าวว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากนโยบายวีซ่าใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.66 และการขยายระยะเวลาฟรีวีซ่า 45 วัน อยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/92-9-of-tourism-businesses-expect-growth-in-revenue-in-2024-2245532.html

‘อสังหาฯ เวียดนาม’ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคเศรษฐกิจที่ได้รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากที่สุดในเดือน ม.ค. ขณะที่ชาวต่างชาติมีความต้องการอสังหาฯ ในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้จากตัวเลขสถิติของหน่วยงาน พบว่าเดือน ม.ค. การลงทุน FDI ไหลไปยังภาคอสังหาฯ มีมูลค่าสูงถึง 1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 53.9% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสิ่งที่น่าสนใจถึงการไหลเข้าของเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเมืองฮานอย โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีมูลค่าเกินกว่า 662 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ผลการสำรวจของสถาบันวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม (VIRES) พบว่านักลงทุนต่างชาติมีความสนใจที่จะลงทุนในอสังหาฯ ในเวียดนามอย่างมาก เนื่องมาจากราคาอสังหาฯ มีความน่าดึงดูด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/real-estate-in-vietnam-attractive-to-fdi-foreigners/277044.vnp

การส่งออกทางทะเลของเมียนมาร์ทะลุ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 19 มกราคม

ตามสถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่า การส่งออกทางทะเลของเมียนมากับประเทศคู่ค้ามีมูลค่า 7.136 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 19 มกราคมของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ในขณะที่มูลค่าการนำเข้ามีมากกว่าการส่งออกที่ 10.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นมูลค่าการค้ารวม 17.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ทั้งนี้มูลค่าการค้าทางทะเลเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้วสะท้อนถึงการลดลง 2.376 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  อย่างไรก็ดี เมียนมามีเป้าหมายการค้าต่างประเทศในปีงบประมาณ 2566-2567 อยู่ที่ 32.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน การค้าชายแดนของเมียนมาร์กับประเทศเพื่อนบ้าน (จีน อินเดีย บังกลาเทศ และไทย) อยู่ที่ประมาณ 6.53 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ ซึ่งลดลงจาก 6.6 พันล้านดอลลาร์ที่จดทะเบียนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมายังแสดงให้เห็นถึงการค้าต่างประเทศรวมของเมียนมา ณ วันที่ 17 มกราคมปีงบประมาณนี้ มีมูลค่ารวม 24.337 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงจากบันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้วที่มีมูลค่า 27.145 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-seaborne-exports-surpass-us7-billion-by-19-january/

สปป.ลาว-มาเลเซีย ให้คำมั่นส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของ สปป.ลาว และมาเลเซีย ได้หารือถึงแนวทางในการกระชับความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสาขาอื่นๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ได้กล่าวระหว่างการหารือว่า ทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อกระชับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกรอบอาเซียน รวมถึง สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนปี 2567 และมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมเสาหลัก 3 ประการของอาเซียน ขณะที่ฝ่ายมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับ สปป.ลาว เป็นอย่างมาก และกระตือรือร้นที่จะขยายความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวและสาขาอื่นๆ ทั้งนี้ มาเลเซียเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวจากอาเซียน ที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน สปป.ลาว โดยมีจำนวนกว่า 14,990 คนที่เดินทางมาเยือนประเทศลาวในปี 2566

ที่มา : https://english.news.cn/20240126/a5644770579a4a73bda410dea3b2fb1e/c.html

รัฐบาล สปป.ลาว สั่งทุกหน่วยงานช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

รัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานทั้งหมดของ สปป.ลาว ใช้วิธีการทั้งหมดตามขอบเขตความรับผิดชอบของตน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ และบรรเทาความยากลำบากของประชาชน คำสั่งดังกล่าวออกในการประชุมเดือนมกราคมของรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว เป็นประธาน ที่ประชุมได้รายงานเหตุการณ์สำคัญของเดือนมกราคมและแผนงานประจำเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงหารือประเด็นสำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคง และการต่างประเทศ รายงานกฎระเบียบและกลไกที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศในระดับส่วนกลางและระดับท้องถิ่น การประชุมสรุปความสำเร็จและแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีลาว-เวียดนาม ครั้งที่ 46 รัฐบาลประเมินโครงการขุดเหมืองที่ได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้และแผนงานในอนาคตทั้งหมดอีกครั้ง พร้อมทั้งรายงานผลการประเมินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของรัฐบาล

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_22_Govt_y24.php

2023 NBC อัดฉีดเงิน 139 ล้านดอลลาร์ รักษาเสถียรภาพสกุลเงินเรียล

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) อัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า 139.1 ล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเรียล และเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภายใต้ความร่วมมือของ NBC กับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดสัดส่วนเงินสกุลดอลลาร์ และเพิ่มสัดส่วนสกุลเงินเรียลในระบบเศรษฐกิจของกัมพูชา สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของเรียลต่อดอลลาร์อยู่ที่ 4,110 ในปีที่แล้ว และในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว สกุลเงินเรียลแข็งค่าขึ้นเป็น 4,081 เรียล สะท้อนให้เห็นว่ามูลค่าเงินเรียลเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 ด้าน NBC ตัดสินใจที่จะเข้าแทรกแซงสกุลเงินเรียลอย่างต่อเนื่องเนื่อง จากปัจจัยตามฤดูกาลและความกดดันของเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501431035/nbc-injected-139-million-to-stabilise-riel-in-2023/

CAIF คาดยอดขายรถยนต์ภายในกัมพูชาเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในปีนี้

สมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์กัมพูชา (CAIF) คาดการณ์ว่ายอดขายอุตสาหกรรมรถยนต์จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นและนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการผลิตยานยนต์ตลอดจนแรงจูงใจในการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการซื้อรถใหม่จะช่วยลดความกังวลในเรื่องการซ่อมและการทำงานของระบบภายในได้ ภายใต้การรับประกัน และส่วนต่างราคาที่ไม่แตกต่างมากนักเมื่อเทียบกับรถยนต์มือสอง ซึ่งรัฐบาลกัมพูชา (RGC) พร้อมที่จะผลักดันให้ภาคยานยนต์เป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ CAIF พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการลงทุนด้านยานยนต์ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เหมาะสม ภายใต้มาตรฐาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501431031/car-sales-to-scale-up-by-15-percent-this-year-caif-says/

‘เวียดนาม-ฟิลิปปินส์’ จับมือลงนามบันทึกข้อตกลงด้านการจัดหาข้าว

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ เดินทางมาเยือนเวียดนาม เพื่อร่วมหารือที่จะลงนามข้อตกลงการค้าข้าวระหว่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ ซึ่งครอบคลุมระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าผลไม้และเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ กระทรวงการค้า ระบุว่าฟิลิปปินส์เป็นผู้นำเข้าข้าวและธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม นอกจากนี้ ไทยยังคงมองราคาข้าวในเชิงบวก และคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/general/2733029

เครือข่าย CCG สปป.ลาว จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์

สมาชิกของเครือข่าย Climate Compatible Growth (CCG) รวมตัวกันที่เวียงจันทน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน สปป.ลาว ให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ด้วยการสนับสนุนการพัฒนานโยบายพลังงานและการขนส่งตามหลักฐาน ภายใต้โครงการของ Climate Compatible Growth (CCG) และมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว (NUOL) โดยได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการประจำปี CCG ของ สปป. ลาว ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมคราวน์ พลาซ่า เวียงจันทน์ การประชุมครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น การเงินสีเขียว การขนส่งที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ การสร้างแบบจำลองระบบพลังงานและประสิทธิภาพของวัสดุ สมาชิกของคณะผู้แทนได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมกับเพื่อนสมาชิกของเครือข่าย CCG ของ สปป. ลาว ขณะเดียวกันก็พบปะผู้ร่วมงานและเครือข่ายในอนาคตด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_21_Laos_makes_y24.php