สหภาพแรงงานเมียนมารณรงค์ให้รับค่าแรงเต็มจำนวนในเดือนเมษายนกรณีปิดโรงงาน

สหภาพแรงงานกำลังวางแผนล็อบบี้ให้รับค่าจ้างเต็มจำนวนในเดือนเมษายนกรณีที่ปิดโรงงาน หัวหน้าสหพันธ์แรงงานเสื้อผ้าของเมียนมา (FGWM) กล่าว โดยมีสหภาพแรงงานประมาณ 30 แห่งภายใต้ FGWM จะเข้าร่วมในการรณรงค์ในครั้งนี้ FGWM โดยจะมีการเจรจาล่วงหน้าที่โรงงานทุกแห่งทั้งช่องออนไลน์และการเคลื่อนไหวอย่างการตะโกนคำขวัญบนเรือข้ามฟากโดยมีประมาณ 30 โรงงานที่จะเข้าร่วม ปัจจุบันบริษัทบางแห่งตัดสินใจปิดตัวและจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนในเดือนเมษายนและบางบริษัทได้ให้กลับไปทำงานที่บ้านหรือที่จ่ายค่าจ้างครึ่งหนึ่ง ในวันที่ 31 มีนาคมคนงานโครงการ Yoma Central รวมตัวกันเพื่อขอลาหยุดในช่วงวันหยุดเทศกาลติงยัน ซึ่งบริษัทจะให้วันหยุดและจ่ายเงินในช่วงวันหยุด ผู้ที่ทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 9 เมษายนก่อนวันหยุดเทศกาลจะได้รับค่าตอบแทนเป็นสองเท่าและผู้ที่ไม่ต้องการทำงานในช่วงเวลาดังกล่าวจะให้ออกจากงานพร้อมกับเงินเดือนครึ่งหนึ่ง หลังจากวันหยุดผู้ที่ทำงานตั้งแต่ 20 ถึง 30 เมษายนจะได้รับเงินสองเท่าและผู้ที่ลาจะได้รับเงินเดือนครึ่งหนึ่ง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/worker-unions-myanmar-campaign-factory-closures-full-wages-april.html

ตลาดมิงกาลาร์ ตองยุ้นต์ เปิดเฉพาะร้านอาหารและยา

ร้านค้าทั้งหมดในตลาดรวมถึงตลาดใหม่มิงกาลาร์ เขตมิงกาลาร์ ตองยุ้นต์ ได้รับคำสั่งให้ปิดชั่วคราวยกเว้นร้านค้าที่ขายอาหารและยา ร้านค้าทั้งหมดปิดทำการยกเว้นร้านค้าที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคอาหารและยา ตลาดทั้งหมดในเมืองถูกปิดรวมถึงตลาด นิวมิงกาลาร์, ชเวมิงกาลาร์ และ มิงกาลาร์มน รวมไปยูซาน่าพลาซ่า รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันและควบคุมไวรัส COVID-19 จำกัด การเข้ามาของประชาชนในศูนย์การค้าในเขตเมืองและเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬานวันที่ 26 และ 29 มีนาคม พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 2 ราย ยูซานาพลาซ่าจะปิดตั้งแต่ 31 มีนาคมถึง 18 เมษายนและจะขยายเวลาถ้ามีความจำเป็น

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/all-markets-in-mingala-taungnyunt-to-close-except-for-food-and-medicine

ธนาคารโลกอนุมัติ 60 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของสปป.ลาว

ธนาคารโลกได้อนุมัติเงิน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความปลอดภัยทางการเงินในด้านการเงินและพัฒนาระบบลงทะเบียนพลเมืองของประเทศ รัฐบาลสปป.ลาวได้แบ่งเงินไปเสริมศักยภาพใน 2 ด้าน โดย 35 ล้านดอลลาร์จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินของสปป .ลาวและยังเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของภาคการเงินซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อครัวเรือนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในส่วน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะช่วยสนับสนุนโครงการทะเบียนราษฎรและสถิติสำคัญ (CRVS) ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบทะเบียนของราษฎรให้มีมาตราฐานมากขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาตามนโยบายสาธารณะของแผนพัฒนาระดับชาติ การพัฒนาภาคการเงินและทะเบียนราษฎรถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของสปป.ลาวให้มีความมั่นคงและเป็นพื้นฐานในการพัฒนาด้านอื่นๆต่อไป

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-04/01/c_138938016.htm

เวียดนามลงทุน 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐในกัมพูชา

กัมพูชาถูกบันทึกให้เป็นผู้ได้รับการลงทุนรายใหญ่อันดับสามของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จากรายงานของสำนักงานการลงทุนต่างประเทศภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนในเวียดนาม ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมเวียดนามลงทุนในต่างประเทศประมาณ 49 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นผู้รับทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามโดยคิดเป็นเงินจำนวน 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 41% ของมูลค่าทั้งหมด สิงคโปร์เข้ามาเป็นอันดับสองโดยได้รับการลงทุนจากเวียดนามคิดเป็นจำนวน 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 26% ในขณะที่ประเทศกัมพูชาอยู่ในอันดับที่สามด้วยเงินลงทุนรวม 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 19.3% โดยการลงทุนของเวียดนามส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในที่พัก อาหาร กิจกรรมทางเทคโนโลยี การแปรรูปและการผลิต แต่ตามรายงานของหอการค้ากัมพูชาการลงทุนของเวียดนามในกัมพูชาเน้นเรื่องการเกษตร ป่าไม้ ประกันภัยและธนาคาร ซึ่ง Vietnam Rubber ที่ดำเนินกิจการโดยรัฐได้ประกาศแล้วว่ากำลังวางแผนที่จะเพิ่มการทำสวนยางจาก 47,000 เป็น 65,000 เฮกตาร์ในปีนี้ นอกจากนี้สมาคมสวนยางพาราเวียดนามประกาศว่า บริษัท ยางเวียดนาม 2 แห่งจะทำการจ้างแรงงานกว่า 105,000 คน ในปีนี้จนถึงปี 2564

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50708029/vietnam-invests-9-5-million-in-cambodia/

การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาอาจจะชะลอตัวลงเหลือ 2.5% ในปีนี้

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะชะลอตัวลงอยู่ที่ราว 2.5% ในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 แต่ธนาคารโลกก็คาดว่าอัตราการเติบโตจะฟื้นตัวเป็น 5.9% ในปี 2564 ภายใต้สถานการณ์ปรกติ โดยรายงานของธนาคารโลกระบุเสริมว่าการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในทุกภาคส่วนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร การท่องเที่ยว เสื้อผ้า สิ่งทอและการก่อสร้าง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดการเติบโตของกัมพูชาคาดว่าจะลดลงเหลือ 1% ในปี 2563 และ 3.9% ในปี 2564 ตามรายงานของธนาคารโลก ซึ่ง ABD ได้ทำการคาดการณ์ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกัมพูชา ว่ารายรับจากการท่องเที่ยวของกัมพูชาอาจลดลงเป็นเหลือ 856.5 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 โดยในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในกัมพูชาลดลง 15% ตลอดทั้งปี 2019 กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อน ซึ่งภาคดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50708030/kingdoms-growth-to-drop-to-2-5-percent/

ไวรัส มรณะ ฉุดส่งออกไทยติดลบ 5.5 % สูญ 13,480 ล้านเหรียญสหรัฐ

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินโลกน็อคดาวน์ทำส่งออกไทยติดลบ 7.1%  ต่ำสุดรอบ 1 ปี เสียหายยับเยิน 5.5 แสนล้านบาท เฉพาะโควิด-19 ทำส่งออกไทยหาย 13,480 ล้านเหรียญสหรัฐ  ชี้อาเซียน-ฮ่องกงหนัก โดยผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ส่งออกไทยในปี 63 คาดว่าจะมีมูลค่า 228,816 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงจากปีก่อน 7.1%   หรือลดลง 17,429 ล้านเหรียญสหรัฐ (557,728 ล้านบาท) ถือเป็นอัตราที่ต่ำสุดรอบ 10 ปี แบ่งเป็นได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำจากการระบาดไวรัส โควิด-19 ถึง 80%  ,ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน 10%, สงครามการค้าสหรัฐ-ประเทศคู่ค้า 5% และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน 5% เบื้องต้นคาดการณ์ว่าการส่งออกไทยไปยังอาเซียนจะเสียหายมากสุดหรือลดลง  5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงส่งออกไปฮ่องกงลดลง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ,ญี่ปุ่นลดลง  3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จีนเสียลดลง  2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และสหภาพยุโรป ลดลง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น โดยหากประเมินเฉพาะผลกระทบจากการระบาด โควิด-19 อย่างเดียว ไม่รวมปัจจัยอื่น พบว่าจะมีผลต่อการส่งออกในปีนี้ติดลบ 5.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 13,480 ล้านเหรียญสหรัฐ (431,360 ล้านบาท)

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/873679

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งได้ประกาศระงับการให้บริการรถบัสทั้งหมด

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งได้ประกาศระงับการให้บริการรถบัสทั้งหมดและปิดสถานีรถบัสเป็นการชั่วคราวระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน เพื่อป้องกัน Covid-19 หลังจากมีการยืนยันผู้ติดเชื้อเพิ่ม มาตราการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันจำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 9 คน นอกจากนี้การดำเนินการดังกล่าวยังสอดคล้องไปกับมาตราการควบคุมต่างๆ ทั้งการให้ทุกคนกักตัวไม่ให้พบปะกัน การปิดพรหหมแดน ไม่เพียงแต่การแพร่ระบาดที่รัฐบาลได้ออกมาตราการต่างๆมาควบคุม เพราะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ประชาชนสปป.ลาวมีการกักตุนอาหารทำให้ราคาสินค้าอาจมีการปรับตัว แต่อาจมีผู้ไม่หวังดีในช่วงนี้ที่จะปรับราคาเกินที่กำหนด รัฐบาลจึงต้องมีประกาศออกมาควบคุมในเรื่องราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงนี้เพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไป รัฐบาลจะจัดตั้งหน่วยงานเพื่อตรวจสอบอย่างเข้มงวดหากร้านค้ามีการปรับขึ้นราคาเกินจริงจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos65.php

สปป.ลาวจะเข้าสู่การlockdownประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ขณะนี้สปป.ลาวพบผู้ติดเชื้อแล้ว 9 คนตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาถึงแม้ตัวเลขที่ติดเชื้ออาจไม่สูงมากนักแต่ทางการสปป.ลาวก็ได้มีมาตราการเพื่อป้องกันและลดการขยายในการแพร่ระบาดโดยเริ่มจากการที่รัฐบาลสปป.ลาวประกาศให้ประชาชนอาศัยอยู่บ้านและลดกิจกรรมพบปะต่างๆ แต่มาตราการดังกล่าวก็ได้เพิ่มความเข้มงวดไปอีกหลังจากยอดผู้ติดเชื้อของสปป.ลาวยังเพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลได้ปิดด่านพรหมแดนต่างๆ รวมถึงให้หน่วยงานเอกชนและราชการทำงานจากที่บ้านมีผลตั้งแต่วันนี้ 1 เมษายนถึง 19 เมษายนรวมถึงห้ามมิให้มีการรวมตัวกันมากกว่า 10 คนและยกเลิกกิจกรรมทุกอย่างที่จะจัดในเดือนนี้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในสปป.ลาว

ที่มา : https://www.ttrweekly.com/site/2020/04/laos-goes-into-total-lockdown/