ไทยเตรียมขยายเส้นทางการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วโลกผ่านเครือข่ายทางรถไฟ

ไทยเตรียมขยายการเข้าถึงตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วโลกผ่านเครือข่ายทางรถไฟที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับเชื่อมโยงจีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป โดยการเดินทางครั้งแรกของเครือข่ายรถไฟใหม่นี้ เริ่มต้นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์โดยมีรถไฟออกจากสถานีมาบตาพุด เพื่อสนับสนุนการขนส่งโดยระบบรางผ่านเส้นทางรถไฟไทย-ลาว-จีน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ภายใต้การขนส่งทางรถไฟเพื่อส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าวหอมมะลิ ทุเรียน และยางพารา ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยได้อย่างมาก ช่วยส่งเสริมการเติบโตอย่างมั่นคงในภาคเกษตรกรรม ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ รักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยการขนส่งสินค้าครั้งแรกของรถไฟเส้นทางนี้ มีกำหนดขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยไปยังเมืองเฉิงตู ประเทศจีน และต่อมาไปยังสหภาพยุโรปผ่านทางรถไฟ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังเส้นทางรถไฟดังกล่าวนี้ โดยมีกำหนดเดินทางถึงเมืองเฉิงตูในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และจะขยายการขนส่งไปยังรัสเซียและโปแลนด์ต่อไป

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG231211115434766

สปป.ลาว เชิญชวนทั่วโลกสนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศใน สปป.ลาว รัฐบาลได้ติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยส่งคำเชิญชวนให้ประเทศต่างๆ สนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะมีส่วนช่วยการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์นี้ สปป.ลาว จึงมุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีน ซึ่งใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาสำหรับชื่อมโยงทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ สายการบินหลักๆ เช่น Lao Airlines และ China Eastern Airlines ในปัจจุบันได้ให้บริการเที่ยวบินตรงที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญๆ ของทั้งสองประเทศ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์และกว่างโจว รวมถึงคุนหมิงในจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สปป.ลาว ได้แสวงหาการสนับสนุนในระดับโลกเพิ่มเติมไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทยและเวียดนามด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ระบุว่า ปี 2567 คาดว่าจะเป็นตัวเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 2.7 ล้านคน และสร้างรายได้ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/11/laos-targets-global-audience-for-visit-laos-year-2024/?fbclid=IwAR1stwiLNLvo5s5ZfIJXVrlwMKhZmqQAD9TceTM-m6Oi4fLBLxA4gXGnGjM

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) อนุมัติเงินทุนสองโครงการ เพื่อการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนในหลวงพระบาง

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้อนุมัติโครงการช่วยเหลือเงินทุนจำนวนสองโครงการสำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของเมืองหลวงพระบางที่เป็นเมืองมรดกโลก โครงการแรกเป็นการให้เงินกู้มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีกโครงการเป็นเงินช่วยเหลือจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาโครงการนำร่องภายใต้ยุทธศาสตร์เมืองบูรณาการและเมืองอัจฉริยะของหลวงพระบาง โดยมีแผนเบื้องต้นสำหรับการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยและการบำบัดน้ำเสีย สิ่งอำนวยความสะดวก ถนนและทางเดินเท้าในเมือง และพื้นที่สีเขียวสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ADB ได้กล่าวถึงการขาดความสำเร็จของเมืองในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่ไปกับจำนวนนักท่อ งเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและความเป็นอยู่ลดลง ADB จึงกำหนดให้เริ่มโครงการสร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุมบ้าน ชุมชน และศูนย์ฝึกอบรมนักบินดูแลเด็กที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่ต้องการศึกษาระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้ โครงการริเริ่มนี้จะขยายทุนการศึกษาการฝึกอบรมสายอาชีพให้กับสตรีวิชาชีพที่ทำงานในภาคส่วนที่มีความสำคัญ เช่น น้ำประปา สุขาภิบาล งานสาธารณะ และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ ผลประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัย 104,500 คน และการไหลบ่าเข้ามาของนักท่องเที่ยวกว่า 1.3 ล้านคนต่อปีภายในปี 2574

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/11/adb-greenlights-dual-funding-initiatives-for-sustainable-urban-development-in-luang-prabang/

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ลดฮวบ

ตลาดรถยนต์เวียดนามประสบกับยอดขายรถยนต์ที่ลดลง เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าราคารถยนต์จะปรับตัวลดลง และมีการจัดโปรโมชั่นของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่จะใกล้ช่วงซื้อสินค้าก็ตาม โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งจากการสอบถามของพนักงานขายรถยนต์รายหนึ่ง เผยว่าราคารถยนต์ที่ต่ำกว่า 40,983 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความยากลำบาก

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแบรนด์รถยนต์อย่าง Toyota Vietnam ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมียอดขายลดลง 42% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 หรือคิดเป็นจำนวนเกือบ 30,300 คัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-car-market-still-sees-sluggish-sales-as-tet-nears-2225403.html

CEO ของ Nvidia ตั้งเป้าที่จะตั้งฐานในเวียดนาม

เจนเซน หวง (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Nvidia Corp กล่าวว่าในมุมมองของบริษัท มองเห็นถึงศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ยืนยันว่ามีแผนที่จะตั้งฐานในเวียดนาม ในขณะที่รัฐบาลเวียดนามแถลงในวันที่ 10 ธ.ค. ว่าฐานดังกล่าวมีไว้เพื่อดึงดูดผู้คนที่มีความสามารถจากทั่วโลกในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ บริษัท Nvidia ได้ลงทุนในเวียดนามไปแล้วราว 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการเตรียมหารือในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์กับบริษัทเทคโนโลยีของเวียดนาม

นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทอินเทล (Intel) และอินเทลกำลังพยายามที่จะขยายไปสู่การออกแบบชิปและการผลิตชิปหากเป็นไปได้ เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน จึงได้สร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมเวียดนาม

ที่มา : https://www.straitstimes.com/business/nvidia-ceo-aims-to-set-up-a-base-in-vietnam

การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

ตามการรายงานของการค้าภายนอก กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาร์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมสำหรับปีการเงินปัจจุบันปี 2566-2567 การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสินค้าส่งออกได้แก่ ถั่วดำ ข้าว ข้าวหัก ข้าวโพด กรัมเขียว ยางพารา ถั่วพีเจ้น งา ถั่วลิสง หัวหอม มะขาม ขิง คอนยัค เมล็ดละหุ่ง เมล็ดกาแฟ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ฝ้าย มันสำปะหลัง แตงโม แตงกวา มะม่วงและกล้วยทิชชู่ในหมวดผลิตผลทางการเกษตร นอกจากนี้ ปลา กุ้ง ปู ปลาไหล และปลาแห้งยังเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ประมงอีกด้วย ทั้งนี้ เมียนมาร์ส่งออกสินค้าไปยัง 117 ประเทศระหว่างเดือนเมษายนถึงธันวาคม โดยมีประเทศคู่ค้าที่โดดเด่นซึ่งมีอุปสงค์สูง ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี โปแลนด์ เกาหลีใต้ อังกฤษ สเปน เบลเยียม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อย่างไรก็ดี จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอย่างแข็งขัน รวมถึงเสาเข็มวัสดุคอมโพสิต ไม้เนื้อดี ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากไม้ เสื้อผ้า น้ำตาล และสินค้าขั้นสุดท้ายอื่นๆ นอกจากนี้ รายงานระบุอีกว่าบริษัท 5,938 แห่งดำเนินธุรกิจส่งออกและนำเข้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เส้นทางทะเล เส้นทางการค้าชายแดน และเส้นทางการบิน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-reach-almost-us10-bln-in-last-eight-months/#article-title

ผลิตภัณฑ์ CMP ของเมียนมาร์เข้าถึงตลาดมากกว่า 80 แห่ง รวมถึงสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี

U Min Min รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า เสื้อผ้าของเมียนมาร์ส่วนใหญ่ส่งออกไปยัง 12 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี โดยสินค้า CMP มีส่วนสำคัญ ในภาคการส่งออกสิ่งทอของเมียนมาร์โดยมีประเทศปลายทางมากกว่า 100 ประเทศ และรายได้สุทธิ อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2565-2566 ทั้งนี้ ตลาดหลักสำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอของเรา ได้แก่ ญี่ปุ่น โปแลนด์ สเปน เยอรมนี เกาหลี สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และเบลเยียม อย่างไรก็ดี ประเทศที่จ้างเหมานำเข้าวัตถุดิบหลักส่วนใหญ่สำหรับโรงงาน CMP นำเข้าผ่านทางตลาดจีน 90% ซึ่งในปีนี้มีการนำเข้าสิ่งทอดิบมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัวระบบออนไลน์ Myanmar Tradenet 2.0 เพื่ออำนวยความสะดวกใน กระบวนการนำ เข้าวัตถุดิบและส่งออกผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรม CMP

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-cmp-products-reach-over-80-markets-including-us-japan-korea/

กัมพูชาจัดงานประชุมใหญ่ ดันการแปรรูปและการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์

กัมพูชาจัดงานประชุมเกี่ยวกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจังหวัดกำปงธม เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในกัมพูชา รวมถึงเพิ่มการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปรรูปไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งงานประชุมดังกล่าวจัดขึ้นร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงสหภาพยุโรปและเยอรมนี ในการจัดงานดังกล่าว โดยเวทีนี้เป็นครั้งแรกที่ส่งเสริมให้ประชาชน พ่อค้า และนักธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ ได้เข้าเห็นและเข้าใจในศักยภาพ รวมถึงโอกาสในอุตสาหกรรมการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของกัมพูชา รวมถึงการดึงดูดนักลงทุนให้เกิดการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าของสายการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพื่อรองรับตลาดทั้งในท้องถิ่น ภูมิภาค และตลาดโลก สร้างงานให้กับประชาชน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา สำหรับปัจจุบันผลผลิตกว่าร้อยละ 90 ของกัมพูชา ทำการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2022 กัมพูชาครองอันดับสองของผู้ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของโลก มีปริมาณรวมประมาณ 690,000 ตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501403115/cashew-nut-forum-to-boost-local-processing-and-export/