‘ส่งออกข้าวเวียดนาม’ แข่งขันเดือด รุกยกระดับคุณภาพสู่ตลาดโลก

จากเอกสารของสำนักงานรัฐบาลเลขที่ 7697/VPCP-NN ที่ออกเมื่อวันที่ 18 ส.ค. โดยให้ความสำคัญของอุตสาหกรรมข้าวที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพข้าว การยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น การรุกล้ำของน้ำทะเล ภัยแล้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น และอุปสรรคด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดจากตลาดที่มีความต้องการสูง เช่น สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกข้าวคุณภาพสูงและข้าวอินทรีย์ที่ให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากต้องเผชิญกับมาตรการตรวจสอบย้อนกลับที่เข้มงวด หากไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียอันดับโลกที่ได้มาอย่างยากลำบาก ท่ามกลางภาวะอุปทานที่ผันผวนและแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนการดำเนินงาน เพื่อเพื่อรักษาสถานะของประเทศ พร้อมกับเร่งรัดโครงการพัฒนาพื้นที่นาข้าวคุณภาพสูงที่ปล่อยมลพิษต่ำ 1 ล้านเฮกตาร์ ภายในปี 2573

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-rice-race-heats-up-with-fresh-push-for-quality-gains-post1224112.vov

‘เวียดนาม’ ส่งออกผลไม้และผัก กลับมาขยายตัว

สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกผลไม้และผักอยู่ที่ 3.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับอนิสงค์จากการฟื้นตัวของตลาดจีนที่เป็นตลาดส่งออกผลไม้และผักรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของมูลค่ารวม ทั้งนี้ นายเหงียน แทงห์ บินห์ ประธานสมาคมฯ กล่าวว่าการส่งออกทุเรียนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการส่งออกทุเรียนจำนวนมากที่ตรวจพบสารตกค้างจากแคดเมียมและออรามีน โอ (Auramine O) ในประเทศจีน

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น น มะพร้าว เสาวรส และมะม่วง รวมถึงสินค้าแปรรูป ที่มีการขยายตัว ถึงแม้ว่าการส่งออกไปยังจีนในช่วงครึ่งปีแรกจะปรับตัวลดลง 24.3% แต่การส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://en.nhandan.vn/viet-nams-fruit-vegetable-exports-regain-growth-momentum-post151978.html

‘เวียดนาม’ ทุ่มเงิน 2 พันล้านดอลล์ เตรียมเปิดคาสิโนและรีสอร์ท

คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิญ ได้ออกเอกสารอนุมัติให้บริษัทวันดอน เจเอสซี ในเครือซันกรุ๊ป เป็น1920ผู้ร่วมลงทุนในโครงการนี้ โดยโครงการแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 244.45 เฮกตาร์ วางแผนให้เป็นศูนย์กลางรีสอร์ทและความบันเทิงระดับไฮเอนด์แบบครบวงจร ประกอบด้วยคาสิโน (พร้อมทางเข้านำร่องสำหรับชาวเวียดนาม) โรงแรม รีสอร์ท คอนโดเทล อาคารพาณิชย์ สำนักงาน ศูนย์การประชุมและสัมมนา สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา สวนสนุก และบริการสุขภาพระดับพรีเมียม ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ คือ เป็นคาสิโนระดับโลกที่ประชาชนเวียดนามสามารถเข้าร่วมได้ ภายใต้เงื่อนไขด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด ด้วยการผสมผสานบริการด้านการท่องเที่ยว การพักผ่อน และบริการที่หลากหลาย คอมเพล็กซ์แห่งนี้จึงถูกออกแบบให้เป็นระบบนิเวศแบบปิดที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงตลาดชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของเวียดนามที่กำลังขยายตัว

ที่มา : https://www.oananews.org/node/703108

‘ผู้เชี่ยวชาญสวิส’ ชี้เวียดนามควรสร้างศูนย์กลางทางการเงินด้วยอัตลักษณ์ด้วยตัวเอง

เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปี วันชาติเวียดนาม ทางคุณฟิลิป เจ. เวทส์ (Philip J. Weights) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสมาคมฟินเทคสวิตเซอร์แลนด์ (SFTA) กล่าวกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ว่าความมุ่งมั่นของเวียดนามที่จะสร้างศูนย์กลางทางการเงินในครโฮจิมินห์และดานัง นับเป็นกลยุทธ์สำคัญของเวียดนามที่จะเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาค โดยตัวแทนสมาคมฯ ยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเวียดนาม อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในภูมิภาค ไม่ได้อยู่ที่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีความร่วมมือด้วยเมื่อทำงานร่วมกับศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่เป็นผู้นำระดับภูมิภาคทั้งในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและกรอบการกำกับดูแล ทั้งนี้ สมาคมฯ และกระทรวงการคลัง ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการบูรณาการสร้างศูนย์กลางทางการเงิน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/swiss-expert-vietnam-needs-to-build-a-financial-center-with-its-own-identity-post1223595.vov

‘ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม’ เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังฟิลิปปินส์ระงับการนำเข้าข้าว

ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม เรียกร้องให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าให้การช่วยเหลือ ภายหลังจากฟิลิปปินส์ระงับการนำเข้าข้าวเป็นระยะเวลา 2 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เพื่อปกป้องเกษตรกรท้องถิ่น โดยการระงับการนำเข้าข้าวในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อสัญญาที่ลงนามไว้ รวมถึงปริมาณสินค้าคงคลังสูงขึ้น กดดันสภาพคล่องของผู้ส่งออกและรายได้ของเกษตรกร เนื่องจากตลาดฟิลิปปินส์ มีสัดส่วนราว 40-45% ของมูลค่าการส่งออกข้าวรายปีของเวียดนาม และเสริมว่าสัญญาหลายฉบับที่ลงนามในเดือนสิงหาคม อาจต้องเลื่อนออกไปอย่างน้อย 2 เดือน นอกจากนี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับสินค้าส่งออกที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ยังส่งผลกระทบต่อเงินทุนหมุนเวียนของผู้ส่งออกอีกด้วย

ทั้งนี้ สมาคมอาหารเวียดนาม ได้เสนอให้กระทรวงฯ ทำงานร่วมกันกับหน่วยงานของฟิลิปปินส์ เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ข้าวที่ถูกระงับชั่วคราวตามบันทึกข้อตกลงการค้าข้าวทวิภาคีที่ลงนามเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 และมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 2571 เพื่อรักษาการส่งออกบางส่วนไว้ในช่วงที่มีการระงับการนำเข้า

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1723452/rice-exporters-call-for-action-after-philippines-halts-imports.html

‘เวียดนาม’ ผลักดันโซลูชันสีเขียว สอดรับกระแสอีคอมเมิร์ซ

สมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม (VECOM) เปิดเผยผลการสำรวจ พบว่าผู้บริโภคออนไลน์ส่วนใหญ่ 80% มองว่าอีคอมเมิร์ซ ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม และ 21% มองว่าอีคอมเมิร์ซ สร้างผลกระทบมากกว่าการค้าแบบดั้งเดิม โดยตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามในปี 2567 มีมูลค่าอยู่ที่ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นราว 9% ของยอดค้าปลีกและบริการทั้งประเทศ และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ มาพร้อมกับขยะจำนวนมาก

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกองทุนสัตว์ป่าโลกประจำเวียดนาม (WWF Vietnam) ระบุว่าในปี 2566 อีคอมเมิร์ซเวียดนาม ใช้บรรจุภัณฑ์มากถึง 332,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่บรรจุภัณฑ์ทำจากพลาสติก 171,000 ตัน และหากไม่มีมาตรการที่จะลดขยะ ปริมาณขยะพลาสติกจากอีคอมเมิร์ซอาจสูงถึง 8 แสนตันต่อปี ภายในปี 2573

ด้วยเหตุนี้ คุณ Le Hoang Oanh อธิการบดีสำนักงานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม (iDEA) กล่าวว่าร่างกฎหมายอีคอมเมิร์ซฉบับปรับปรุงที่กำลังอยู่ระหว่างการสรุปโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และคาดว่าจะนำเสนอต่อรัฐสภาภายในสิ้นปีนี้ โดยจุดเด่นสำคัญของกฎหมายฉบับใหม่คือกรอบกฎหมายสีเขียว ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะต้องเปิดเผยการปฏิบัติตามมาตรฐานธุรกิจสะอาดที่กระทรวงกำหนด

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1723454/viet-nam-pushes-green-solutions-for-e-commerce.html

‘PepsiCo’ ทุ่มเงินสร้างโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยว ก่อนวันชาติเวียดนาม

บริษัท เป๊ปซี่โค เวียดนาม (Pepsico Vietnam) เตรียมเปิดโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวแห่งใหม่ในจังหวัดนิญบิ่ญ (Ninh Binh) ที่มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กว่า 26,500 ตันต่อปี ก่อนวันที่ 2 กันยายน ซึ่งตรงกับวันชาติเวียดนาม โดยโรงงานแห่งนี้มีมูลค่า 89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งอยู่ในนิคคอุตสาหกรรมด่องวาน ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจอาหารในเวียดนาม รวมถึงขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในภาคเหนือของประเทศ และเป็นประตูในการเข้าถึงตลาดในภูมิภาค เช่น จีน กัมพูชา และสปป.ลาว

นอกจากนี้ โครงการนี้จะมีการจ้างงานในพื้นที่ 300 คน และสร้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ตำแหน่งในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร โลจิสติกส์ คลังสินค้า และการขาย ภายในปี 2573 และคาดว่าจะสร้างรายได้ 2 ล้านล้านดองต่อปี หรือประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนงบประมาณกว่า 180,000 ล้านล้านดอง (7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/pepsico-vietnam-to-launch-major-snack-factory-ahead-of-national-day-post1223088.vov