ญี่ปุ่นให้ทุนเพื่อเสริมสร้างการฝึกอบรมครูในสปป.ลาว

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตกลงที่จะให้เงินสนับสนุนจำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.91 พันล้านเยน) เพื่อปรับปรุงคุณภาพของสภาพแวดล้อมการฝึกอบรมของครูในระดับก่อนประถมศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในสปป.ลาว ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการวางแผนและการลงทุนสปป.ลาวและหัวหน้าผู้แทนของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ประจำสปป.ลาวผ่านโครงการ “การปรับปรุงวิทยาลัยการฝึกหัดครูในสปป.ลาว” ได้ลงนามในเวียงจันทน์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โครงการนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 สำหรับปี 2564-2568 และจะช่วยเติมเต็มเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 สำหรับปี 2559-2563 นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาการศึกษาด้วย ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นเป็นรูปแบบความช่วยเหลือหลักในการสนับสนุนความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ จากพันธมิตรการพัฒนาที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan177.php

นักลงทุนญี่ปุ่นย้ายฐานเข้าสู่เวียดนาม เหตุห่วงโซ่อุปทาน

การลงทุนของญี่ปุ่นในเวียดนามนั้น มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังคงดำเนินต่อไปอีก เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นมองว่าเวียดนามมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี โดยบริษัทญี่ปุ่น 15 รายที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ คุณ Watanabe Nobuhiro กล่าวว่าบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งเข้าร่วมกับทาง HCMC Japanese Friendship Club (JCCH) แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของผู้ประกอบการญี่ปุ่นต่อการทำธุรกิจในนครโฮจิมินห์ อีกทั้ง สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ระบุว่าสาเหตุดังกล่าวมาจากการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นในโฮจิมินห์สามารถจัดการกับปัญหาในการทำธุรกิจได้

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/japanese-investors-shifting-to-vietnam-to-diversify-supply-chain-24249.html

การค้ากัมพูชา-ญี่ปุ่น ดิ่งลง 6%

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่น อยู่ที่ 1.175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.71 เมื่อเทียบกับปีก่อน หากจำแนกชี้ให้เห็นว่ามูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่น ประมาณ 914.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้าจากญี่ปุ่น 260.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.06 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ คุณ Lim Heng รองประธานหอการค้ากัมพูชา กล่าวกับสำนักข่าว ‘The Post’ ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การค้าโลกลดลงที่ละน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 2-3

 ที่มา : https://english.cambodiadaily.com/business/kingdom-japan-trade-plummets-almost-6-168981/

สปป.ลาวและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงเปิดช่องทางการเดินทางระหว่างประเทศ

ญี่ปุ่นและสปป.ลาวลงนามข้อตกลงที่จะให้ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวสามารถกลับมาเดินทางระหว่างสองประเทศได้ ซึ่งคาดการณ์จะเริ่มทำได้เร็วที่สุดในเดือนกันยายน ปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศริมแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในสปป.ลาวที่มีอัตราการเติบโตของภาคเศรษฐกิจที่ดีนอกเหนือจากความร่วมมือกับญี่ปุ่น สปป.ลาวยังได้ลงนามความร่วมมือระหว่างจีนและกลุ่มแม่น้ำโขลงที่ประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ จีน กัมพูชา เมียนมาร์ สปป.ลาว ไทยและเวียดนาม การร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมสร้างในด้านความมั่นคงด้านอาหารและที่สำคัญช่วยส่งเสริมการค้าของสปป.ลาว แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขลงต้องหารือถึงแนวทางการป้องการแพร่ระบาดระลอกใหม่และมาตราการบรรเทาหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง ซึ่งไทย จีน ญี่ปุ่น พร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขลงทั้งในด้านเงินทุน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรับมือ COVID-19 เพื่อให้เศรษฐกิจสปป.ลาวกลับมาเติบโตได้ตามเป้าอีกครั้ง 

ที่มา : https://www.ttrweekly.com/site/2020/08/laos-and-japan-to-open-travel-channel/

การพัฒนาท่าเรือสีหนุวิลล์สู่การเชื่อมต่อทางการค้าโลกของกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวถึงการพัฒนาท่าเรือสีหนุวิลล์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มการเชื่อมต่อภายในระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ รวมถึงส่งเสริม อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง โดยกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชากล่าวว่าความคืบหน้าของโครงการสำคัญในกัมพูชาได้มีการอัพเดทและหารือกันในที่ประชุม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขยายกิจกรรมการลงทุนบนโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้วองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านท่าเรือ ซึ่ง JICA กล่าวในแถลงการณ์เมื่อปีที่แล้วเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากในกัมพูชาทำให้ท่าเรือสีหนุวิลล์กลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในประเทศและในภูมิภาคที่สำคัญมากขึ้น ปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ประจำปีที่ท่าเรือเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 540,000 ตู้สินค้า (TEU) ในปี 2018 จาก 290,000 TEU ในปี 2013 ซึ่ง JICA จะยังคงจัดหาเงินทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ เช่น โครงการเงินกู้อย่างเป็นทางการเพื่อให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (ODA) ที่เรียกว่า “โครงการพัฒนาท่าเรือคอนเทนเนอร์ใหม่สีหนุวิลล์” และโครงการให้ความช่วยเหลือที่เรียกว่า “The Project for Port electronic data interchange (EDI) for Port Modernization” เพื่อพัฒนาท่าเรือสีหนุวิลล์ต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50756097/development-of-sihanoukville-port-key-to-more-connectivity/

รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเยือนสปป.ลาว

รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้เดินทางเยือนสปป.ลาวเพื่อฉลองครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสปป.ลาวและญี่ปุ่น เสริมสร้างมิตรภาพอันยาวนานและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในประเทศ นักลงทุนและนักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้ในขณะที่ยังคงข้อกำหนดของการกักกันเป็นเวลา 14 วันที่บ้านหรือในพื้นที่อื่นที่กำหนดไว้ ผู้เดินทางจะได้รับการตรวจสอบตลอดการเข้าพัก แต่จะช่วยให้การค้าดำเนินต่อไปได้โดยฝ่ายสปป.ลาวมีความกระตือรือร้นที่จะเห็นธุรกิจของญี่ปุ่นย้ายการดำเนินงานไปยังสปป.ลาวมากขึ้น และยังหารือถึงความร่วมมือในด้านภัยพิบัติและการป้องกันโรค ความมั่นคงสาธารณะเสถียรภาพทางการเงินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของทางด่วนเวียงจันทน์ – ฮานอยเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมต่อ และมีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคซึ่งรวมถึงปัญหาทะเลจีนใต้และสถานการณ์ของเกาหลีเหนือตลอดจนความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ หลังจากการประชุมได้มีการจัดพิธีลงนามเพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความช่วยเหลือแบบให้เปล่า 2 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่โรงเรียนฝึกหัดครู โรงเรียนในเครือ 8 แห่งในสปป.ลาว และการจัดหารถโดยสารสาธารณะใหม่ที่จะให้บริการในเมืองเวียงจันทน์ นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะนำไปสู่การรับมือกับโรคโควิด -19 ในสปป.ลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/08/24/japanese-foreign-minister-motegi-visits-laos/

นักลงทุนญี่ปุ่นเล็งกลยุทธ์จับพาร์ทเนอร์ M&A ในเวียดนาม

ผู้ประกอบการญี่ปุ่นจำนวนมากเล็งซื้อบริษัทไอทีเวียดนามจากการควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อขยายการผลิตและธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากธุรกิจด้านไอทีแล้ว นักลงทุนญี่ปุ่นยังสนใจในสาขาธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ โรงแรม นิคมอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน อาหารทะเลแปรรูปและเภสัชกรรม เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมการสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ธุรกิจ เพื่อความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ระบุว่าตัวเลขของผู้ประกอบการญี่ปุ่น 1,400 ราย จาก 3,500 รายที่ทำการสำรวจในปี 2562 พบว่านักธุรกิจญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องการขยายการผลิตไปเวียดนามอีก 3 ปีข้างหน้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/japanese-investors-seek-ma-partners-in-vietnam/181587.vnp

ญี่ปุ่นครองแชมป์ปักหลักลงทุนในนครโฮจิมินห์

ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน พบว่ามูลค่าเงินทุนของบริษัทญี่ปุ่นไปยังเมืองโฮจิมินห์ อยู่ที่ราว 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 82.39 ของเงินลงทุนรวมจากต่างชาติในเมืองดังกล่าว ซึ่งสาขาธุรกิจที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด คือ วิศวกรรมเครื่องกล ด้วยมูลค่า 3.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาอิเล็กทรอนิกส์, บริการ, เคมีภัณฑ์, ยาง, พลาสติก, เครื่องนุ่งห่มและอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่าในเดือน มิ.ย. จำนวนผู้ประกอบการญี่ปุ่น 30 ราย ได้ขยายการผลิตไปยังเวียดนาม โดยจากผลสำรวจของบริษัทญี่ปุ่นราว 10,000 แห่ง ชี้ให้เห็นว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 41 มองว่ากำลังพิจารณาในการขยายการดำเนินงานไปยังเวียดนามในอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

ที่มา : https://fintel.vn/japan-is-the-largest-foreign-investor-in-hcmc/

ทุนญี่ปุ่น เบนเข็มสู่อาเซียน ใครได้ประโยชน์?

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (มิติ) ของญี่ปุ่น ได้ประกาศว่ามีกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นรวม 87 แห่งมีความประสงค์ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้เงินอุดหนุนในการโยกย้ายหรือกระจายการลงทุนในวงเงิน 70,000 ล้านเยน หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีน และเพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สาเหตุการย้ายฐานการผลิตของบริษัทญี่ปุ่นออกจากจีน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม หลายอุตสาหกรรมต้องชะงักงันจากการปิดประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อระบบซัพพลายเชน ทั้งนี้ 87 บริษัทญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตออกจากจีนแล้วไปไหน พบว่า 57 บริษัทจะย้ายการดำเนินการกลับไปญี่ปุ่น โดยใช้วัสดุท้องถิ่นทั้งหมด ขณะที่อีก 30 บริษัทจะย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน ซึ่งพบว่าจะย้ายมาเวียดนาม 15 บริษัท อาทิ บริษัทผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดไดร์ฟ บริษัทผลิตแร่เหล็กหายาก, ไทย 6 บริษัท ได้แก่ บริษัทผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ บริษัทผลิตโลหะผสม บริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทผลิตเสื้อกาวน์, มาเลเซีย 4 บริษัท อาทิ บริษัทผลิตถุงมือยาง, ฟิลิปปินส์ 3 บริษัท, ลาว 2 บริษัท, อินโดนีเซีย 1 บริษัท และเมียนมา 1 บริษัท

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/894038?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic=10473&index

การค้าระหว่างกัมพูชากับญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 3.7 ภายในช่วงครึ่งปีแรก

ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.01 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตัวเลขประกาศจาก JETRO ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่า 791.6 ล้านดอลลาร์ ไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าอยู่ราว 218.6 ล้านดอลลาร์ จากญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 14.6 โดยกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกของกัมพูชาไปญี่ปุ่น ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการลงทุนของญี่ปุ่น 137 โครงการ ในกัมพูชามูลค่ารวม 2.5 พันล้านดอลลาร์ มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตรและวัตถุดิบแปรรูปอาหาร โรงแรม และการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเมื่อปีที่แล้วการค้าระหว่างกัมพูชากับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 คิดเป็น 2,292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755518/cambodia-japan-trade-volume-decreases-slightly-by-3-7-percent-to-1-01-billion-in-h1-2020/