เดือน เม.ย.-มิ.ย.65 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 550,000 ตัน

รายงานของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) พบว่า  สามเดือนที่ผ่านมาของปี 2565 (เม.ย.-มิ.ย.) เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 550,547 ตัน จากบริษัทผู้ส่งออกข้าวประมาณ 38 บริษัทผ่านการค้าทางทะเล ในขณะที่ 33,593 ตันถูกส่งออกผ่านด่านชายแดน ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากความเข้มงวดของจีน ส่วนใหญ่แล้วเมียนมาสงออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์ (65,990 ตัน) และจีน (54,635 ตัน) ปัจจุบันราคาข้าวขาวคุณภาพต่ำอยู่ที่ประมาณ 320-360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาส่งออกค่อนข้างต่ำกว่าราคาขาวของไทยและเวียดนาม แต่ยังสูงกว่าราคาของอินเดียและปากีสถาน ทั้งนี้ราคาข้าวส่งออก (คุณภาพต่ำ) อยู่ในช่วง 29,000 และ 30,000 จัตต่อถุง (น้ำหนัก 108 ปอนด์) ราคาขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าวที่ในประเทศ ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2564 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 ของปีงบประมาณย่อย (2564-2565)  เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 1.4 ล้านตัน ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563-2564  เมียนมาการส่งออกข้าว 2 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-550000-mt-of-rice-in-april-june/#article-title

NBC คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาปีนี้ โตร้อยละ 5

ธนาคารกลางกัมพูชา (NBC) คาดเศรษฐกิจปีนี้จะโตราวๆ ร้อยละ 5 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าเกษตร การขนส่ง โทรคมนาคม และกระแสการลงทุนที่ดีขึ้น ในแง่ของการค้าและการลงทุน ประเทศคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี และการออกกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ ในขณะที่ยังคงต้องคอยติดตามสถานการณ์สงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ไปจนถึงการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดย NBC กล่าวเพิ่มว่าในปีที่แล้วการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาอยู่ที่ร้อยละ 3 หลังจากหดตัวร้อยละ 3.1 ในปี 2020

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501099597/nbc-projects-5-percent-economic-growth-this-year/

คาดปี 2022 การค้า กัมพูชา-เวียดนาม มูลค่าแตะหมื่นล้านดอลลาร์

คาดการค้าระหว่างกัมพูชากับเวียดนามพุ่งแตะ 10,000 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2022 เนื่องจากการค้าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนำเสนอโดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ในพิธีรำลึกครบรอบ 45 ปี การล่มสลายของเขมรแดง ด้าน Lim Heng รองประธานหอการค้ากัมพูชา (CCC) กล่าวว่าปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชากับเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา งา ข้าวโพด ถั่วเหลือง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดหลักของกัมพูชาในภูมิภาคนี้ โดยทั้งสองประเทศให้คำมั่นที่จะเพิ่มการค้าทวิภาคีให้มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในแง่ของการลงทุนสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชามีมูลค่ารวม 39,000 ล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนเวียดนามคิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 6.3 รองลงมาคือจีน ด้วยเงิน 17.3 พันล้านดอลลาร์ และเกาหลี 4.1 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501098201/cambodia-vietnam-trade-expected-to-reach-more-than-10-billion-by-end-of-2022/

“เวียดนาม” จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ กระตุ้นการส่งออกไปยังตลาดสปป.ลาว ไทยและกัมพูชา

สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (Vietrade) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้เข้าอบรมประกอบด้วยผู้ส่งออกที่สนใจทำตลาดในสปป.ลาวและไทย สำหรับการประชุมดังกล่าวใช้รูปแบบไฮบริคที่จัดขึ้นแบบเสมือนจริงผ่านทาง Zoom ในขณะที่มีอีกงานที่คล้ายคลึงกันที่จะจัดขึ้นในวันถัดไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเวียดนามที่ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังกัมพูชา ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามและสปป.ลาว มีมูลค่าการค้ารวมกันทั้งหมด 708.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของเวียดนามไปยังตลาดสปป.ลาว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องจักร, ปุ๋ย, พลาสติกและผัก

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ใน 10 ประเทศคู่ค้าสำคัญของเวียดนามมานับหลายปี โดยข้อมูลจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ชี้ให้เห็นว่ามูลค่ารวมของประเทศไทยกับเวียดนาม เพิ่มขึ้น 7 เท่าจากในปี 2547 อยู่ที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยการเติบโตเฉลี่ยราว 11% ต่อปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/consultation-workshops-aim-to-boost-exports-to-laos-thailand-cambodia/231367.vnp

“เวียดนาม” ส่งออกยางพาราฟื้นตัวพุ่งขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรม อ้างรายงานทางสถิติของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกพาราในเดือนพ.ค. อยู่ที่ 111,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 181 ล้านเหรียญสหรัฐ ในแง่ของปริมาณเพิ่มขึ้น 40.4% และในแง่ของมูลค่า เพิ่มขึ้น 27.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตัวเลขข้างต้นนั้น แสดงให้ถึงการปรับตัวพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยราคาส่งออกยางพาราเฉลี่ย เดือนพ.ค. อยู่ที่ 1,645 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนเป็นผู้นำเข้ายางพาราและยางสังเคราะห์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) คาดการณ์ว่าความต้องการยางพาราทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้ เนื่องจากการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางและการเปิดพรมแดนของประเทศอีกครั้ง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-rubber-exports-enjoy-drastic-upturn-post949051.vov

ยอดจำหน่ายข้าวสาลีในตลาดมัณฑะเลย์ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้ค้าธัญพืชและถั่ว เผย ทุกวันนี้ข้าวสาลีเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดมัณฑะเลย์ ทำให้ราคายังพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยราคาเมื่อเดือน ม.ค.65 ที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ 90,000 จัตต่อถุง (สามตะกร้า) แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาราคาพุ่งขึ้นเป็น 125,000 จัตต่อถุง ซึ่งข้าวสาลีเป็นพืชที่นิยมบริโภคสูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศรองจากข้าว โดยปกติแล้วเมียนมาจะอาศัยการนำเข้าเป็นหลัก เพื่อเป็นการลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ผู้ค้าข้าวสาลีจึงแนะนำให้เกษตรเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูกให้มากขึ้นและปรับปรุงกระบวนการการผลิต เพราะการบริโภคข้าวสาลีในประเทศก็เพิ่มขึ้นทุกปีและกลายเป็นพืชผลสำคัญชนิดหนึ่งหนึ่งของประเทศ ทั้งนี้ เมียนมาสามารถปลูกข้าวสาลีได้ปีละครั้ง และพบได้ทั่วไปในรัฐฉานทางตอนใต้และตอนเหนือ รัฐชิน และรัฐกะยา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mandalay-market-sees-brisk-sales-of-wheat-crops/#article-title

คาดราคาข้าวในกัมพูชาพุ่งสูงขึ้น

คาดราคาข้าวสารในกัมพูชาอาจจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 20 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ และต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตข้าวที่สูงขึ้น ด้าน Lun Yeng เลขาธิการสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) กล่าวถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ระหว่างร้อยละ 10-20 ของราคาปัจจุบัน หลังจากราคาน้ำมันเบนซินและปุ๋ยยังเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสต็อกข้าวสารในตลาดต่างประเทศกำลังลดต่ำลง เนื่องจากการผลิตลดลงจากเหตุผลข้างต้น โดยราคาข้าวพรีเมียมของกัมพูชาในปัจจุบันอยู่ที่ 840 ดอลลาร์ต่อตัน ด้าน CRF ก็ได้พยายามอย่างมากในการกระตุ้นการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป แม้ว่าค่าขนส่งจะสูงขึ้นก็ตาม โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 กัมพูชาส่งออกข้าวมากกว่า 220,000 ตันไป ยังตลาดต่างประเทศ โดยมีรายได้มากกว่า 139 ล้านดอลลาร์ รายงานโดย CRF นอกจากนี้ กัมพูชายังได้ส่งออกข้าวเปลือกปริมาณรวมกว่า 1.6 ล้านตัน ในช่วงเวลาเดียวกันไปยังเวียดนาม สร้างรายได้ 376.6 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501081588/rice-price-expected-to-go-up/

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ 1.95 ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

การส่งออกสินค้าเกษตร (นอกเหนือจากข้าว) ของกัมพูชาลดลงร้อยละ 1.95 คิดเป็นปริมาณ 2.76 ล้านตัน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 จากปริมาณ 2.81 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การส่งออกข้าวไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.79 คิดเป็นปริมาณ 1.64 ล้านตัน จาก 1.53 ล้านตัน ตามรายงานของกระทรวงเกษตร โดย เวียดนาม ไทย และจีน ถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญสำหรับสินค้าเกษตรที่นอกเหนือจากข้าว ได้แก่ มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วเหลือง กล้วยสด ส้มโอ มะม่วง มะพร้าว พริกไทย และยาสูบ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501079990/cambodias-non-rice-export-falls-1-95-in-four-months/

กัมพูชาขาดแคลนห้องเย็น กระทบภาคการส่งออกสินค้าเกษตร

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนห้องเย็นสำหรับขนส่งสินค้าเกษตรของกัมพูชา และมาตรการที่เข้มงวดของประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญในช่วงโควิด-19 ที่ได้กำหนดข้อจำกัด ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการส่งออกสินค้าเกษตรของกัมพูชา ซึ่งจากการเจรจากับผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่หลายราย การส่งออกที่ลดลงเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการขาดห้องเย็นสำหรับสินค้าเกษตร ที่ส่งผลทำให้ราคาขนส่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อน วิกฤตโควิด-19 โดยในขณะนี้ค่าขนส่งสูงขึ้นกว่า 3 เท่า ด้าน Sin Chanthy ประธานสมาคมโลจิสติกส์กัมพูชากล่าวว่าราคาปกติของการขนส่งไปยังจีนอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์ แต่ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน ในขณะที่ค่าขนส่งไปยังสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 4,000 ดอลลาร์ เป็นเกือบ 20,000 ดอลลาร์ เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501065109/cold-storage-shortage-covid-19-hurt-agriculture-exports/

การลงทุน การส่งออกสินค้าเกษตรที่แข็งแกร่งจะผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจสปป.ลาว

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์เศรษฐกิจสปป.ลาวจะเติบโตร้ยละ 3.4 ในปีนี้และร้อยละ 3.7 ในปี 2566 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวในตลาดภายในประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยว ในเดือนมกราคมรัฐบาล ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและเร่งการฉีดวัคซีน โดยเป้าหมายเพื่อให้ประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2565 ด้านการส่งออกภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรมีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในปีที่แล้ว จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลายแห่งสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเพิ่มการผลิตพลังงานเพื่อการส่งออก การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นในทุกหมวด ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการจากประเทศจีน ทั้งนี้การเติบโตของการส่งออกมีแนวโน้มดำเนินต่อไปในปีนี้และปีหน้าจากการลงทุนที่คาดการณ์ไว้เพื่อรองรับการพัฒนาพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไฟฟ้าคาร์บอนต่ำอื่นๆ ในปี 2564 เศรษฐกิจของสปป.ลาวจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แต่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้โมเมนตัมของเศรษฐกิจในระเทศแย่ลง รัฐบาลจะต้องระมัดระวังตัวโดยให้วัคซีนแก่คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และส่งเสริมความโปร่งใสในการจัดการการเงินสาธารณะ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดและดึงดูดการลงทุนที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Investment68.php