การค้าเมียนมาหดตัว เซ่นพิษ COVID-19

5 สัปดาห์แรกของปีงบประมาณ 63-64 มูลค่าการค้าของเมียนมาลดลงประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอันเป็นผลมาจาก COVID-19 โดยในปีนี้มีมูลค่าการค้ามากกว่า 2.53 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 3.99 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แม้จะมีแนวโน้มลดลงแต่กระทรวงพาณิชย์ได้เพิ่มเป้าหมายในปีงบประมาณปัจจุบันขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 34,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีการส่งออก 16.2 พันล้านเดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้า 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ การส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบที่รุนแรงที่สุดซึ่งประกอบด้วยการส่งออกที่ลดลง 70% ในปีนี้ การส่งออกเครื่องนุ่งห่มก็ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับแผนในการกระตุ้นการค้าในปีนี้ โดยกำลังวางแผนเพิ่มการผลิตพืช เช่น ข้าวและข้าวโพดในการส่งออกเพื่อชดเชยสำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งออกลดลง ส่วนการนำเข้าก็ลดลงเช่นกันเนื่องจากความต้องการภายในประเทศลดลง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-trade-volumes-soften-back-covid-19.html

เวียดนามเกินดุลการค้า แตะ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือนต.ค. อยู่ที่ประมาณ 2.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลักดันให้ยอดเกินดุลการค้าในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ระดับ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามอยู่ที่ 440.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 229.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าการนำเข้า 210.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ โทรศัพท์และชิ้นส่วนเป็นสินค้าส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ 42.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 ของยอดการส่งออกรวม รองลงมาคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วน, เสื้อผ้า, อุปกรณ์และชิ้นส่วน, รองเท้า, ไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ ตามลำดับ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดในช่วงดังกล่าว ด้วยมูลค่า 62.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมาจีนและสหภาพยุโรป ในขณะที่ จีนยังคงเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 65.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-surplus-hits-us195-billion-in-jan-oct-314851.html

การค้าเวียดนาม-จีน สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนแรกของปี 63

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อเดือนต.ค. เวียดนามมีมูลค่าส่งออกประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังจีน ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 37.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วย 10 รายการสินค้าที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าจะได้รับสัญญาเขิงบวกหลายด้านด้วยกัน แต่ว่าความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการนำเข้าและส่งออกของเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า จะดำเนินงานให้เกิดความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังจีน ได้แก่ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น ปฏิรูประบบให้ดีขึ้นและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุน เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-china-trade-turnover-reaches-us100-billion-in-ten-months-817862.vov

กัมพูชายังคงต้องการข้อตกลงการค้าเสรีเพิ่มขึ้น

กัมพูชาต้องการการลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินการเพิ่มเติม ทั้งเพื่อดำเนินการประเมินผลกระทบทางการค้าโดยละเอียด (TIAs) เนื่องจากกัมพูชากำลังมองหาข้อตกลงการค้าทวิภาคีและพหุภาคีมากขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่านับตั้งแต่กัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกในปี 2004 ซึ่งเขตการค้าเสรีทั้งหมดที่กัมพูชาได้เข้าร่วมและกำลังพิจารณาได้ผ่านการประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุดเพื่อชั่งน้ำหนักผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยในปัจจุบันกัมพูชาได้เป็นสมาชิกของข้อตกลงการค้าเสรีพหุภาคีหลายฉบับรวมถึงข้อตกลงการค้าเสรีอีกหลายฉบับ นอกจากนี้กัมพูชายังได้เข้าเป็นสมาชิกหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยปริมาณการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีมีมูลค่าอยู่ที่ 36,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ตามตัวเลขจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50781402/increased-free-trade-deals-need-many-more-experts/

การค้าระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสถิติจากหน่วยงานของทางสหรัฐฯตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนแสดงให้เห็นว่าการค้าทวิภาคีมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งกัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐฯรวมมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่กัมพูชานำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯรวม 232 ล้านดอลลาร์ลดลงถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยกัมพูชาส่งออกสิ่งทอ รองเท้า สินค้าทางการเกษตรไปยังสหรัฐฯ และนำเข้ายานพาหนะ อาหารสัตว์ และเครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2018

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780103/cambodia-us-trade-increase-16-percent-in-the-first-nine-months/

เวียดนามเผยยอดการค้าระหว่างประเทศ ม.ค.-ก.ย. แตะ 389 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนาม อยู่ที่ 388.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบปีต่อปี (หรือ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 4.1 เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 202.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 0.7 เหลืออยู่ที่ 186.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าถึง 16.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ตามสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ทั้งนี้ ในเดือนก.ย. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามทำสถิติสูงสุดแตะราว 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าสูงสุดติดต่อกัน 2 เดือน นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 อยู่ที่ 79.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบไตรมาสที่ 2

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-turnover-hits-nearly-us389-billion-in-jan-sept-314477.html

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับไทยอยู่ที่ 5.07 พันล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 5,073 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่าราว 913 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศไทยลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีถึงร้อยละ 40 ตามตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ไทย ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 4,161 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 คิดเป็น 9,418 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกัมพูชาส่งออกไปยังไทย 2,272 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 195

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50770207/cambodia-thailand-trade-breech-5-07-billion-in-first-eight-months-registering-a-16-percent-decrease/

มูลค่าการค้าเมียนมาสูงขึ้นแม้ COVID-19 ระบาด

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผย ณ เดือนสิงหาคม 63 หนึ่งเดือนก่อนปิดปีงบประมาณ 62-63 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงถึง 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการระบาดของ COVID-19 การส่งออกแตะที่ 16.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้า 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลการค้าประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกส่วนใหญ่ประกอบด้วยสินค้าสำเร็จรูปและสินค้าสำหรับการ ผลิต ตามด้วยผลิตผลทางการเกษตรทรัพยากรและแร่ธาตุที่ขุดได้ การนำเข้าประกอบด้วยสินค้าทุน เช่น อุปกรณ์ ยานพาหนะและเครื่องจักร ตลอดจนวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ประเทศคู่ค้าอันดับต้น ๆ ได้แก่ จีน ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย เกาหลี และเวียดนาม เมื่อเร็วๆ นี้ การค้าชายแดนได้รับผลกระทบ เช่น การค้าที่ท่าขี้เหล็กของรัฐฉานชายแดนระหว่างเมียนมาและไทยเพิ่งปิดไปส่วนไทยอนุญาตให้รถจากเมียนมาเพียง 6 คันเข้าอำเภอแม่สายของไทยได้ การค้าระหว่างเมียนมาและจีนยังต้องหยุดชะงักหลังจากชายแดนหลุ่ยลี่ (Ruili) ถูกปิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 63 หลังตรวจพบ COVID-19 หลุ่ยลี่เป็นจุดผ่านแดนสำคัญระหว่างจีนและเมียนมาใกล้กับมูเซของรัฐฉาน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-trade-volumes-rise-despite-covid-19.html

เปิดเวทีรับฟังเอฟทีเอ ไทย-อียู 22ก.ย.นี้ เพิ่มโอกาสค้าขายสินค้าไทย

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นฟื้นการเจรจา FTA ไทย-อียู 22 ก.ย.นี้ หลัง “ไอเอฟดี” ศึกษาเสร็จแล้ว “อรมน” ชี้ปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการค้ากับประเทศที่มี FTA รวม 62.8% ถ้าได้อียูที่มีสัดส่วนการค้า 7.9% จะทำให้การค้าของไทยกับประเทศที่ทำ FTA เพิ่มเป็น 70.7% ยิ่งสร้างโอกาสค้าขาย แย้มผลศึกษา สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกได้เพียบ แต่ก็ต้องเปิดตลาดให้อียูเพิ่ม จับตาหากเจรจา ต้องรับมือกับประเด็นใหม่ๆ ด้วย นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดการสัมมนา “ไทยพร้อมหรือยังที่จะฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU?” ในวันที่ 22 ก.ย.2563 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) หลังจากที่กรมฯ ได้มอบสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ดำเนินการเสร็จแล้ว โดยจะเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร นักวิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ และแลกเปลี่ยนความเห็นต่อผลการศึกษาดังกล่าว รวมทั้งระดมความเห็นเรื่องการฟื้นการเจรจา FTA ไทย-อียู ก่อนที่จะรวบรวมความคิดเห็นเสนอระดับนโยบายประกอบการพิจารณาตัดสินใจการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้ ผลการศึกษาในเบื้องต้น พบว่า การทำ FTA กับอียูจะช่วยสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับสินค้าไทยได้เพิ่มขึ้น โดยสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปอียู เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก แต่ในทางกลับกัน ไทยจะต้องเปิดตลาดให้อียู ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการไทยนำเข้าสินค้าบางชนิดจากอียูเพิ่มขึ้น เช่น นมและผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่ม เมล็ดพืชน้ำมัน และสินค้าเทคโนโลยี เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังพบว่า FTA ที่อียูทำกับสิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการหยิบยกประเด็นใหม่ๆ รวมไว้ในการจัดทำ FTA ด้วย เช่น การยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การเปิดตลาดจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ การยกระดับมาตรฐานแรงงาน และการปฏิบัติของรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของไทยต้องพิจารณาระดมความเห็นว่าไทยพร้อมที่จะเจรจากับอียูในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ อย่างไร เพราะจะมีผลต่อการนำไปสู่การปรับกฎเกณฑ์ทางการค้าของไทย.

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/796498

รอบสองเดือนการค้าเมียนมา-จีน แตะ1.337 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าการค้าระหว่างเมียนมาและจีนอยู่ที่ 1.337 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสองเดือนของปีงบประมาณนี้และเมียนมามีดุลการค้าเนื่องจากนำเข้าสินค้าเพียง 551 ล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกมูลค่ากว่า 785 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งสองประเทศเปิดศูนย์ธุรกิจและดำเนินการเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนตามที่กระทรวงกำหนด กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาลงนาม MoU กับจีนเพื่อจัดตั้งเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดน (EOI) และเชิญให้นักธุรกิจท้องถิ่นเข้าร่วมในพื้นที่ดังกล่าวเช่น Muse, Nantkhan, Kanpiketie, Laukkai และ Chinshwehaw

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-china-trade-volume-reaches-to-us1337-b-within-two-months