Grab ตั้งเป้า 4 ปี ทำรายได้ 100 ล้านดอลลลาร์สหรัฐในเมียนมา
ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาบริษัท Grab-sharing ได้ลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ (143.5 พันล้านจัต) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถแท็กซี่ในท้องถิ่น ซึ่ง Grab จะลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ Grab เปิดตัวบริการในเมียนมาในปี 60 และได้เปิดตัว Grab Call Service, Premium Rentals (Beat) และ Grab Food Grab for Business เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 62 และจุดหมายปลายทางยอดนิยมคือ เมียนมาพลาซ่า, ห้าง Junction City และสนามบินย่างกุ้ง GrabFood จะเปิดตัวให้บริการสำหรับร้านอาหารในท้องถิ่นและพันธมิตรการขนส่งที่มัณฑะเลย์ในปีนี้ Grab For Good จะเปิดตัวในพม่าในไม่ช้า ในปี 61 Grab ได้เปิดตัว Grab Thone Bane (สามล้อ) และ Taxi TaxiPlus ในเมืองพุกามและมัณฑะเลย์ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 166 ล้านคนใน 339 เมือง ในเมียนมา, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ไทย, กัมพูชา, มาเลเซีย, สิงคโปร์และอินโดนีเซีย ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอพ Grab ไว้บนโทรศัพท์มือถือได้ทันที
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/grab-says-it-pumped-100m-myanmar-four-years.html
การส่งออกเพิ่มแม้เงินจัตแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
เงินจัตของเมียนมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์และราคาซื้อขายอยู่ที่ 1465 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เดือนพฤศจิกายน 62 ยังอยู่ที่ 1500 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับช่วงสี่เดือนแรกของปีงบประมาณ 62-63 ซึ่งอยู่ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 62 จนถึงขณะนี้ปริมาณการส่งออกสูงถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่า 28% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน การนำเข้าในช่วงเวลาเดียวกันมีมูลค่าทั้งสิ้น 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 19% ต่อปี นำไปสู่ขาดดุลการค้าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบันเทียบกับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การส่งออกที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความต้องการสินค้า เช่น เสื้อผ้า สินค้าเกษตร และแร่ธาตุ เนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความระมัดระวังมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์ (MOC) คาดว่าการส่งออกทั้งหมดในปีนี้จะสูงถึง 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าจะถึง 17.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ 63-68 สิ่งสำคัญลำดับแรก ได้แก่ การแปรรูปเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มส่วนประกอบไฟฟ้า การประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ ข้อมูลการค้า นวัตกรรมและผู้ประกอบการ
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/exports-rise-even-kyat-strengthens-against-us-dollar.html
CBM อาจลดดอกเบี้ยหากมีความจำเป็น
ธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นหากมีความเป็น อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันคือ 10% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากขั้นต่ำตั้งไว้ที่ 8% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดที่ 13% เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนอื่น ๆ อัตราดอกเบี้ยในเมียนมาจะสูงกว่านี้มาก ขณะที่ สส.บางส่วนเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อให้สินเชื่อในธุรกิจท้องถิ่นมีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นซึ่งจะเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและสามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่นโยบายอัตราดอกเบี้ยช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาด้านการเงินแล้ว แต่เมียนมายังไม่ถึงขั้นนั้น ก่อนหน้านี้ในช่วงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแห่งเมียนมา (Hluttaw) CBM จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันเพราะอยู่ในอัตราที่เหมาะสมแล้ว
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/cbm-set-reduce-interest-rates-if-needed.html
สิ้นปี 62 CPI เมียนมาพุ่งขึ้นเป็น 161.72%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 161.72% เพิ่มขึ้น 9.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วตามรายงานของสำนักงานสถิติกลางแห่งเมียนมา (CSO) พบว่ากลุ่มอาหารพุ่งขึ้น 174.13% กลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มอาหาร 144.26% ดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มัณฑะเลย์เพิ่มสูงสุดถึง 15.38% ส่วนยะไข่เพิ่มต่ำสุดที่ 3.16% โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 8.81% และอัตราเงินเฟ้อปีต่อปีเท่ากับ 9.45%
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/cpi-hits-16172-pc-in-late-december
ความพยายามของรัฐบาลเมียนมาในการจัดการสิ่งแวดล้อม
ธุรกิจจำนวนมากที่รัฐบาลให้ส่งแผนการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMP) เดือนมกราคม 61 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (MONREC) ได้ประกาศให้แก่ธุรกิจในเก้าภาคเพื่อส่งกระทรวง ในเดือนกรกฎาคม 62 กระทรวงออกประกาศอีกครั้งเกี่ยวกับข้อกำหนด แต่ให้ขยายเวลาหกเดือนเพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผน ข้อกำหนดมีไว้สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตแอลกอฮอล์ ไวน์ และเบียร์ อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ของสารกำจัดศัตรูพืช ปูนซีเมนต์ สิ่งทอและการย้อมสี การหลอมโลหะและการกลั่นและการผลิตเหล็ก เหล็กดิบและโลหะผสมต่ำ การฟอกและตกแต่งหนัง โรงงานผลิตเยื่อและกระดาษ และการผลิตน้ำตาล กระทรวงประกาศว่าจะดำเนินการกับธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EMP ภายใต้กฎหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศ
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govts-efforts-environmental-management-making-progress-official.html
อนุมัติวงเงิน 50 ล้านยูโรสำหรับโครงการพลังงานจากขยะในย่างกุ้ง
รัฐสภาแห่งเมียนมา ได้อนุมัติเงินกู้ยืมจำนวน 50 ล้านยูโรจากโปแลนด์เพื่อใช้สำหรับโครงการพลังงานขยะในย่างกุ้ง ในระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคมด้วยคะแนนเสียง 534 เสียงต่อ 12 เสียง โครงการจะดำเนินการที่หลุมฝังกลบ Hteinpin ในเมือง Hlaing Tharyar เมืองย่างกุ้งและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 65 โดยจะถูกผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติอัด (CNG), คาร์บอนไดออกไซด์, เชื้อเพลิงที่ได้จากขยะ (RDF) และปุ๋ยหมัก CNG ที่ผลิตได้ 30 ตันต่อวันจะถูกขายให้กับรถยนต์ โดยจะมีการเจรจากับธุรกิจ เช่น โรงงานทำอิฐ และสำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวประมาณ 40 ตันจะขายให้กับผู้ผลิตน้ำอัดลมและห้องเย็นสำหรับเนื้อสัตว์และผักในทุกๆ วัน มีระยะเวลาชำระหนี้ 62 ปี ระยะเวลาผ่อนผัน 5 ปีอัตราดอกเบี้ย 0.1% ต่อปี รายรับคาดว่าจะมีอย่างน้อย 1,750 ล้านจัต หรือประมาณ 950,000 ยูโร ซึ่งสามารถชำระเงินคืนการกู้ยืมได้แน่นอน ขยะจาก 33 เมืองในย่างกุ้งอยู่ระหว่าง 2,300 ถึง 2,500 ตันต่อวัน ขยะอุตสาหกรรมอีก 150 ตัน และขยะทางการแพทย์ 2.4 ตัน ทั้งหมดถูกส่งไปยัง Hteinpin ทุกวัน ส่วนการเจรจาอื่น ๆ กำลังดำเนินการสำหรับโครงการนำร่องกับกลุ่ม Right Right Group จากประเทศเยอรมนีเพื่อผลิตพลังงานจากขยะ 120 ตัน และการแปรรูปขยะ 380 ตันโดยความร่วมมือกับเกาหลีใต้ จากการศึกษาในสี่ปีข้างหน้าย่างกุ้งจะไม่มีที่ว่างในหลุมฝังกลบขยะอีกต่อไป
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/approval-given-eu50-million-loan-waste-energy-project-yangon.html