สหรัฐ-เวียดนามบรรลุข้อตกลงด้านนโยบายค่าเงิน ยุติข้อพิพาทยุคทรัมป์

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ และนายเหงียน ถิ หง ผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม กล่าวในแถลงการณ์ร่วมหลังจากการประชุมทางไกลเมื่อช่วงเช้าวานนี้ว่า กระทรวงการคลังสหรัฐและธนาคารกลางเวียดนามได้ “หารืออย่างสร้างสรรค์” ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผ่านกระบวนการที่มีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น และสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขความวิตกกังวลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านค่าเงินของเวียดนาม ทั้งนี้ นายหงกล่าวว่า ธนาคารกลางเวียดนามจะเดินหน้าจัดการนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนภายในกรอบนโยบายการเงินทั่วไป เพื่อปกป้องกลไกการทำงานของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม พร้อมส่งเสริมเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค และควบคุมเงินเฟ้อ ไม่ใช่เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/108257

จับตาวาระครม.คลังขอเงินอุดหนุนการรถไฟฯ

รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 พฤษภาคม 64 เตรียมพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เสนอขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 64 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รวมทั้งเสนอร่างพ.ร.บ.การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ ขณะที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ ทั้งนี้ยังเสนอกฎหมายสำคัญให้ที่ประชุมเห็นชอบ

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/844127

“เวียดนาม-สหรัฐฯ” เสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนาม (MoF) ได้ลงนามเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ในกรอบเสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินกับกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้เวียดนามตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าว ซึ่งกระทรวบความร่วมมือจะประกอบไปด้วย 5 สาขาสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้มีสภาพคล่องสูงขึ้น ตามมาด้วยการสร้างเครื่องมือทางการเงินที่สามารถแก้ไขปัญหาต่อการลงทุนภาคเอกชนและโครงสร้างพื้นฐาน, ส่งเสริมนวัตกรรมและความยั่งยืนผ่านเครื่องมือทางการเงิน, การเสริมสร้างศักยภาพและโครงการช่วยเหลือเทคนิคทางการเงิน และการวิเคราะห์ภาระหนี้สินและประเด็นอื่นๆจากมุมมองของภาครัฐ ทั้งนี้ เวียดนามต้องการเงินทุนจำนวนมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ ผลการศึกษาของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ระบุว่าเวียดนามต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 195,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในปี 2560-2563 โดยเฉพาะด้านพลังงาน การขนส่งทางถนน ทางอากาศและการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น “การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือกับสหรัฐฯ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทวีภาคี”

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-us-cooperate-to-strengthen-infrastructure-finance-300081.html

ราคาน้ำมันดิ่งลงหนัก ส่งผลต่อรายรับงบประมาณไม่มากนัก

จากข้อมูลของสำนักงบประมาณ ภายใต้กระทรวงการคลัง ระบุว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งหนัก ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อรายรับงบประมาณของเวียดนามมากนัก ทางผู้อำนวยการของสำนักงบประมาณได้แสดงความคิดเห็นหลังจากได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนพ.ค. จากน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI) หรือรู้จักในอีกชื่อ ‘Texas light sweet’ โดยการลดลงหนักของรายรับงบประมาณรัฐ เนื่องมาจากการคาดการณ์ราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวไม่ส่งผลมากนัก และได้ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการปรับโครงสร้างรายรับงบประมาณจากน้ำมันดิบ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3 ของทั้งหมด ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง ระบุว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ รายรับงบประมาณจากน้ำมันดิบประมาณ 622 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.4 ของประมาณการและเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน กำลังการผลิตของเวียดนามอยู่ที่ 2.8 ล้านตัน และเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.8 ของแผน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/oil-price-plummet-impact-on-budget-revenue-not-too-big-official/172101.vnp