ปีนี้ไทยเสียแชมป์ข้าวหอมโลกให้กับกัมพูชา

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุปีนี้ข้าวหอมมะลิไทยต้องเสียแชมป์ให้ “ข้าวผกาลำดวน” ของกัมพูชาในเวทีประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 ที่ภูเก็ต จากกลิ่นหอมข้าวไทยน้อยไป และแพ้เพียง 1 คะแนน ระบุน่าจะเกิดจากปัญหาน้ำท่วมอุบลนานทำให้กลิ่นไม่ค่อยหอม ชี้ปีหน้าส่งข้าวหอมมะลิไทยชิงใหม่พร้อมแนะภาครัฐไม่ควรนิ่งนอนใจประเทศเพื่อนบ้านผลิตข้าวหอมมะลิเทียบของหอมไทยแล้วควรเร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทยให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://tna.mcot.net/business-1062465

สศช.ชี้ศก.ปีหน้าโต3-4% ท่องเที่ยวฟื้นทำเงิน1.2ล้านล้าน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ขยายตัว 4.5% เร่งขึ้นจาก 2.3% และ 2.5% ในไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ตามลำดับ ด้านการใช้จ่าย การอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออกบริการขยายตัวเร่งขึ้นการส่งออกสินค้าชะลอตัว ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ด้านการผลิตสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารสาขาการขายส่ง ขายปลีก และการซ่อมฯ สาขาขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า และสาขาการไฟฟ้าและก๊าซฯ ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2565 คาดว่าจะขยายตัว 3.2% อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่6.3% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวการขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/693480

ไทยถกเวียดนาม พัฒนาความร่วมมือ ด้านลงทุน-ส่งออก สินค้าเกษตร-อุตฯ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจ กับนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายเร่งอนุญาตการนำเข้า-ส่งออกสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตรประเภทผัก ผลไม้ ข้าวสินค้าปศุสัตว์ พร้อมเร่งสานความสัมพันธ์โดยการทำความตกลงและกลไกเจรจาด้านการเกษตรระหว่างกัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยินดีที่จะอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคด้านการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านเวียดนามไปประเทศที่ 3 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่นๆ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยาและเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกันในด้านการลงทุน ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมสนับสนุนนักลงทุนให้เข้ามาทำธุรกิจ โดยที่ผ่านมาได้ให้ไทยจัดตั้งหอการค้าไทยในเวียดนาม(ThaiCham) เมื่อปี 2564 ซึ่งช่วยเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้จำนวนมาก

ที่มา: https://www.naewna.com/business/693263

ธปท.เดินหน้าสังคมไร้เงินสด ลดใช้เช็ค!ตั้งเป้า 3 ปีดันพร้อมเพย์เอกชน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกแนวนโยบาย “ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อ เศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน” โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม การบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม และการส่งเสริมให้ภาคการเงินยืดหยุ่นมากขึ้น และยังได้กำหนดทิศทางการพัฒนาระบบการชําระเงิน หรือ Payment Strategic Directions ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2565-2567) ทําให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวของเห็นภาพที่ชัดเจน เพื่อต่อยอดและปรับปรุงการให้บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่คนไทยนิยมใช้เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ .และ สร้างระบบพร้อมเพย์เอกชนกับเอกชนโดยจะเพิ่มการชำระเงินให้ภาคธุรกิจมีทางเลือกใช้บริการ การชำระเงินดิจิทัล และมีกระบวนการธุรกิจแบบดิจิทัลที่ครบวงจร ผ่านระบบ PromptBiz และกำหนดเป้าหมาย เพิ่มปริมาณการโอนเงินชำระเงินของภาคประชาชนผ่านระบบดิจิทัลเป็น 2.5 เท่า จาก 312 ครั้งในปี 2564 เป็น 800 ครั้งต่อคนต่อปี ภายใน 3 ปี หรือในปี 2567 เพิ่มสัดส่วนมูลค่าการใช้การชำระเงินดิจิทัลต่อการใช้เงินสดเพื่อการชําระเงินของประชาชน อีก 5% ภายใน 3 ปี จากเดิมที่มีสัดส่วน 37% ของระบบเศรษฐกิจ รวมในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 42% ในปี 2567 ขณะเดียวกัน ยังตั้งเป้าจะขยาย ระบบการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลในไทยในภาพรวมให้เป็นทางเลือกหลักของทุกกลุ่มคนทดแทนการใช้เงินสด และใช้เช็ค ขณะที่ปริมาณการใช้เช็คลดลง 5 ปีต่อเนื่อง โดยในปี 2564 ปริมาณการใช้เช็คลดลง 16% มูลค่าเงินผ่านเช็คลดลง 12%

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2549080

ไทยเนื้อหอมต่างชาติจ่อลงทุนเพียบ เน้นทำเลทองอีอีซี

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2565 หรือ ก.ย. 64-ต.ค. 65 กนอ. มียอดขาย เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งที่ร่วมดำเนินการและที่ดำเนินการเอง 2,016.24 ไร่ เพิ่มขึ้น 65.1% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ 1,770 ไร่ แบ่งเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี 1,716.99 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซี 299.25 ไร่ เนื่องจากไทยได้ประกาศเปิดประเทศเป็นทางการ รวมทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักของไทยมีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศมีความเชื่อมั่น ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนปี 66 กนอ. ตั้งเป้ายอดขาย หรือเช่าพื้นที่ไว้ที่ 2,500 ไร่ เนื่องจากได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว และปัจจัยบวกจากทิศทางการเคลื่อนย้ายการลงทุนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ การแพร่ระบาดของโควิด-19 การเกิดสงครามยูเครน-รัสเซีย และล่าสุดการปฏิรูปการเมืองในประเทศจีน ทำให้หลายอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ จัดระบบการผลิตครั้งใหญ่ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบหลายส่วน ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกหลายบริษัท เล็งเข้ามาลงทุนในไทย สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอันดับแรกที่เข้ามาลงทุน คือ กิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรม 22.6%, อุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง 11.06%, อุตสาหกรรมเหล็ก และผลิตภัณฑ์โลหะ 9.33%, อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 8.85% และอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร และอะไหล่ 8.36 % โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่นครองแชมป์สนใจลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 31.25% รองลงมา คือ นักลงทุนจากจีน 18.75 และนักลงทุนจากอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และมาเลเซีย 6.25%

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/1669249/

‘จุรินทร์’ เดินหน้าขยายความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าไทย-จีน ในโอกาสเจ้าภาพจัดประชุม APEC 2022

“จุรินทร์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ชี้คำกล่าว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จากประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ที่ผ่านมา โดยประกาศขยายความร่วมมือกับนานาประเทศ จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่ไทยได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพในดารจัดประชุม APEC 2022 พร้อมผนึกกำลังจีน เดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ การค้า และรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ จากนโยบายเปิดกว้างสู่ภายนอกของจีน โดยผลักดันความร่วมมือภายใต้โครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” การเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับนานาประเทศตามรูปแบบการพัฒนาของจีน และส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง ทำให้ทั่วโลกได้ตระหนักว่าจีนมีขีดความสามารถและศักยภาพที่จะดำเนินความร่วมมือกับทั่วโลก เพื่อเพื่อเสริมสร้างประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

ที่มา : https://www.naewna.com/relation/691045

‘ไทย-ลาว’ ร่วมมือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่ววมือด้านไปรษณีย์ โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล กับกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 8 ปี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าความร่ววมือดังกล่าวจะกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศทั้งด้านการส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาทางเทคนิคและการขยายตลาด ตลอดจนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านบริการไปรษณีย์ โทรคมนาคมและดิจิทัลแพลตฟอร์ม

ทั้งนี้  นายบอเวียงคำ วงดารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่าการลงนามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกระทรวงต่างๆ เพื่อประโยชน์ของคนไทยและชาวลาวในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2432310/thailand-laos-ink-mou-covering-post-digital-tech

เงินเฟ้อร่วง 2 เดือนติด ตุลาคมขยับเพิ่มขึ้นแค่ 5.98%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนตุลาคม 2565 เท่ากับ 108.06 เทียบกับเดือนกันยายน 2565 เพิ่มขึ้น 0.33% และเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 เพิ่มขึ้น 5.98% ส่งผลให้ราคาสินค้าชะลอตัวลงจากที่เคยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และอัตราเงินเฟ้อรวม 10 เดือนของปี 2565 (มกราคม-ตุลาคม) อยู่ที่ 6.15% สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565) คาดว่าจะยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องประเมินว่าไม่น่าจะถึง 6% หรือใกล้เคียง 6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่จำเป็นต่อการครองชีพหลายรายการ และบางรายการราคาทรงตัว แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐ ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายส่งผลให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น แต่ก็ต้องจับตาราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงเงินบาทที่ยังอ่อนค่า จึงประเมินว่า เงินเฟ้อทั้งปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 5.5-6.5% มีค่ากลางที่ 6.0% ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจและการคาดการณ์เงินเฟ้อของหน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/690655

ราคาสินค้าลดฉุดเงินเฟ้อ ‘จุรินทร์’ส่งซิกเดือนตุลาคมเหลือไม่ถึง6%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ห้างแม็คโคร สาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า สถานการณ์เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังจากขึ้นไปสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ 7.86% พอมาเดือนกันยายน 2565 ลดลงเหลือ 6.41% ส่วนเดือนตุลาคม 2565 เท่าที่ติดตามและประเมินเบื้องต้น คาดว่าอาจจะไม่ถึง 6% สะท้อนว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลง ต่างกับหลายประเทศที่ประสบตัวเลขเงินเฟ้อสูงมาก เป็นเพราะรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับเอกชนและหลายฝ่าย ช่วยกันกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/690440

ท่องเที่ยวฟื้น บาทอ่อน หนุนส่งออกส่งออกอัญมณีฯเดือนก.ย.โตต่อเนื่อง

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเดือนก.ย.2565 มีมูลค่า 1,012.59 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 89.49% หากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,536.45 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 99.31% และยอดรวม 9 เดือนของปี 2565 มีมูลค่า 6,089.94 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42.26% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 12,413.75 ล้านเดอลลาร์เพิ่มขึ้น 72.48% ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังจากที่มีการเปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญหลายตลาด มีการสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยสต๊อกที่ระบายออกเร็วจากการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/1035784