ราคาน้ำมันในกัมพูชาต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

รายงานที่สร้างความกังวลให้กับเศรษฐกิจโลกโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาระหว่างประเทศพุ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตตามแผนความต้องการ ด้วยราคาของ West Texas Intermediate (มาตรฐานสำหรับระดับน้ำมันดิบที่ใช้สำหรับการกำหนดราคาน้ำมัน) ลดลงถึง 19.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จนถึงปี 2566 เนื่องจากความต้องการที่ไม่แน่นอนในภาวะถดถอยทั่วโลกที่เกิดจากไวรัส COVID-19 โดยราคาที่ต่ำส่งผลกระทบที่ดีสำหรับภาคการขนส่งในกัมพูชา ฟาร์ม โรงงานและผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ที่ได้รับประโยชน์จากน้ำมันเบนซินที่ถูกลง แต่มีผลอย่างมากต่อแผนปัจจุบันของกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานสำหรับการสำรวจแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713728/record-low-oil-prices-to-to-continue/

3.5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการเมล็ดพันธุ์มันฝรั่งในกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของกัมพูชาได้บอกกับสื่อท้องถิ่นว่ากระทรวงได้วางแผนที่จะซื้อเมล็ดมันฝรั่งมูลค่า 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากเกาหลีใต้เพื่อผลิตมันฝรั่งในจังหวัดมณฑลคีรี ซึ่งเมื่อการระบาดของ COVID-19 สิ้นสุดลงการเพาะปลูกเมล็ดมันฝรั่งจะเริ่มต้นขึ้น โดยจังหวัดมณฑลคีรีถือเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการปลูกมันฝรั่งเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก และระบบโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำที่ดี ซึ่งหากผลิตมันฝรั่งในกัมพูชาประสบความสำเร็จจะช่วยลดการนำเข้ามันฝรั่งจากประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 5,000 ตันต่อปี การปลูกมันฝรั่งถูกเริ่มขึ้นในจังหวัดมณฑลคีรี ตั้งแต่ปีที่แล้ว ให้ผลผลิตที่ดีอยู่ที่ 18 ตันต่อเฮกตาร์และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร 15,000 – 17,000 เหรียญสหรัฐต่อฤดูปลูกสามเดือน ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประกาศว่าพวกเขาได้คัดเลือกพันธุ์มันฝรั่ง 5 พันธุ์เพื่อทำการเพาะปลูกที่เมืองมณฑลคีรี โดยคัดเลือกพันธุ์ที่มีความสามารถในการสร้างผลผลิตสูงและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคในอนาคต มันฝรั่งสายพันธุ์ที่เลือกคือ “ทอร์นาโด” พืชนำเข้าจากไอร์แลนด์ “มาเดรา” และ “โคโรนาดา” พันธุ์จากประเทศเยอรมนีและ “PO3” และ “PO7” ทั้งจากเวียดนามเพื่อนบ้าน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713733/3-5m-for-potato-seeds-project/

ราคาส่งออกข้าวของกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

ราคาข้าวหอมมะลิส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเดือนที่แล้วจาก 50 เหรียญสหรัฐสู่ 100 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตันตัน ตามรายงานของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) อย่างไรก็ตามราคาซื้อขายข้าวขาวในประเทศยังคงทรงตัว โดยเลขาธิการ CRF อธิบายถึงความไม่เท่ากันของราคาส่งออกที่พุ่งขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการปิดชายแดนเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 หลายประเทศทำให้การขนส่งสินค้ารวมถึงข้าวทำได้ยากขึ้นและสิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ดีมานด์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากจุดหมายปลายทางที่ทำการส่งออกไปมีสต็อคของสินค้าที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งความต้องการดังกล่าวยังเห็นว่าราคาข้าวหอมมะลิกัมพูชา (Malys Angkor) เพิ่มขึ้น 70 เหรียญสหรัฐเป็น 950 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ปัจจุบันกัมพูชาได้รับอนุญาตให้ส่งออกข้าวหอมเท่านั้นเนื่องจากได้ราคาที่สูงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาสั่งห้ามการส่งออกข้าวขาวและข้าวเปลือกชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่ามีสต็อกเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการภายในประเทศผ่านช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนซึ่งเกิดจากการแพร่กระจายของ COVID-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713246/price-of-exported-rice-doubles/

กัมพูชาไม่มีแผนรับมือในด้านการปรับลดค่าไฟฟ้าทั่วประเทศ

แม้จะมีการลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับคนงานในโรงงานที่ถูกระงับเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่การไฟฟ้าแห่งกัมพูชา (EAC) หน่วยงานอิสระของทางภาครัฐที่รับผิดชอบในการจัดการและบริหารด้านพลังงานไฟฟ้าในประเทศกล่าวว่า แผนทั่วไปสำหรับการลดค่าไฟฟ้ายังไม่ได้รับการยกขึ้นมาพิจารณา โดยปัจจุบันราคาไฟฟ้าจะถูกเรียกเก็บในระดับที่เลื่อนจาก 380 riel ($ 0.095) ต่อ kWh สำหรับผู้ที่ใช้น้อยกว่า 10 kWh ต่อเดือนและเพิ่มขึ้นถึง 480 riel ต่อ kWh สำหรับการใช้ไฟฟ้าระหว่าง 11 kWh ถึง 50 kWh ต่อ เดือน. หากพลังงานที่ใช้ลงทะเบียนระหว่าง 51 ถึง 200 kWh ในช่วงเวลาเดียวกันจะถูกเรียกเก็บที่ 610 riel ต่อ kWh โดยมี 730 riel ต่อ kWh สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าในการใช้งานที่มากกว่า 200 kWh ต่อเดือน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713248/no-plan-to-reduce-electricity-bills-nationwide/

รัฐบาลกัมพูชาไฟเขียวโครงการลงทุนใหม่มูลค่า 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ไฟเขียวให้กับโครงการลงทุนใหม่ 6 โครงการด้วยเงินลงทุนรวม 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามข่าวประชาสัมพันธ์ของ CDC สองแห่งแยกกัน โครงการใหม่ที่ได้รับการอนุมัตินั้นคาดว่าจะสร้างงานให้กับผู้คนในท้องถิ่นได้มากกว่า 4,000 ตำแหน่ง โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติ 6 โครงการครอบคลุม การผลิตฝ้าย, เสื้อผ้า, กล่องกระดาษแข็ง, วัสดุบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด และถุง ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นของบริษัทต่าง ๆ 6 แห่ง ตั้งอยู่ในเมืองหลวงกรุงพนมเปญ, ตบุงคมุม, กำปงสปือ และ ตาแกว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50712885/23-5-million-in-new-investment-projects-licensed/

รายงานประจำปี 2019 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา

The Advanced Bank of Asia Limited (ABA Bank) ผู้ออกหุ้นกู้ในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019 ได้บันทึกกำไรเบ็ดเสร็จรวม 130 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 77.45% ในปี 2018 โดยฝั่งของธนาคารไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงด้านเดียว ในด้านบริษัท Grand Twins International (กัมพูชา) (GTI) ซึ่งจดทะเบียนใน CSX มีรายรับเพิ่มขึ้น 42.06% เป็น 169 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ GTI กำลังเผชิญกับรายได้ที่ลดลงอย่างรุนแรงในปีนี้ จากอุปสงค์ที่ลดลงในตลาดส่งออกสำคัญสองแห่งคือสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป รวมถึงเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจาก COVID-19 และการถูกถอนสิทธิพิเศษทางการค้า EBA ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาคการตัดเย็บเสื้อผ้าของกัมพูชาเป็นอย่างมาก รวมถึงสถาบันการเงินไมโครไฟแนนซ์ LOLC (กัมพูชา) จำกัด (มหาชน) ยังได้เตรียมการสำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 49% จาก 77 ล้านเหรียญสหรัฐ สู่ 116 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 35 ล้านเหรียญก็ตาม จากการคาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อลูกค้าเริ่มมีข้อเรียกร้องในการชำระล่าช้าหรือการชำระคืนแต่เพียงดอกเบี้ยในระยะสั้นจากผลกระทบในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50712847/csx-companies-report-good-2019-but-brace-for-2020/

รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการเร่งด่วนด้านความมั่นคงทางอาหาร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานด้านเกษตรดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับรองความมั่นคงด้านอาหารของประเทศเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของ COVID-19 โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตรให้ทำการบันทึกสต๊อกข้าวและข้าวในโรงสีชุมชน รวมถึงในแต่ละครัวเรือนเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนของสถานการณ์อาหารและระบุพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกผักเพื่อทำการรับมือ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรยังเรียกร้องให้ทำการประมาณการปริมาณความต้องการซื้อเนื้อสัตว์ในประเทศในปี 2563 นอกจากนี้ยังได้สั่งให้หน่วยงานการประมงประเมินความต้องการและอุปทานของผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตอบสนองความต้องการภายในประเทศ โดยราคาในตลาดต้องมีเสถียรภาพ รวมถึงเพื่อให้แน่ใจว่ามีสต็อกเพียงพอสำหรับคนในประเทศ ซึ่งความต้องการเนื้อสุกรจากประเทศกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 2.9 ล้านตันต่อปี ปริมาณปศุสัตว์เพิ่มขึ้น 37% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 ในแง่ปริมาณสต็อกข้าวตัวเลขทางการแสดงว่าในปี 2562 ผลผลิตรวมอยู่ที่ 10.88 ล้านตัน โดยมีส่วนเกิน 5.76 ล้านตัน ปลาจากธรรมชาติและปลาจากฟาร์มเลี้ยงก็เพิ่มขึ้นในปี 2562 เช่นกันอยู่ที่ 908,000 ตัน มีไว้เพื่อการบริโภคในปี 2562 เพิ่มขึ้น 21% เมื่อปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50712467/govt-call-for-urgent-action-on-food-security/