เวียดนาม-นิวซีแลนด์ เร่งส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนามและกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด่วยความร่วมมือด้านการเงิน ณ กรุงฮานอย วันที่ 23 ก.ค. เอกสารดังกล่าวได้รับการลงนามโดยคุณ Wendy Matthews เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำเวียดนาม พร้อมด้วยคุณ Tran Xuan Ha รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งการเซ็น MoU จะช่วยในการจัดระเบียบและความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมระหว่างกระทรวงการคลังเวียดนาม-นิวซีแลนด์ รวมถึงความร่วมมือทวีภาคีในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงงบประมาณ, บริหารการเงินการคลังภาครัฐ, การจัดการหนี้, นโยบายภาษี, ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและประเด็นทางการเงินอื่นๆ ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีความสามารถในการส่งเสริมเวียดนามหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ การวิจัย การพัฒนาและการบังคับใช้นโยบาย เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-new-zealand-boost-financial-cooperation-ties-416435.vov

“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด” คาดเศรษฐกิจเวียดนามปี 63 โต 3%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามปี 2563 น่าจะเติบโตแบบชะลอตัวต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ร้อยละ 3 เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวของธนาคารฯ สูงกว่าการคาดการณ์ของ IMF ไว้ที่ร้อยละ 2.7 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของ ADB ที่ร้อยละ 4.1 ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะกลับมาฟื้นตัว อันจะเป็นแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังคงค่อนข้างพึ่งพาเศรษฐกิจโลก รองจากสิงคโปร์ โดยมีอัตราการค้าเทียบกับจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 198 อันดับสูงสุดในเอเชีย ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 63 โตร้อยละ 3 อีกทั้ง การส่งเสริมของนโยบายการเงินและการคลังจะเข้ามาผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของรัฐบาลไว้ที่ร้อยละ 4-5 นอกจากนี้ ยอดการลงทุน FDI จะลดลงในปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นในการลงทุนทั่วโลกหดตัวลง คิดเป็นมูลค่ารวม 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnams-2020-growth-seen-at-3-stanchart-313393.html

INFOGRAPHIC : เวียดนาม-นิวซีแลนด์ ตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ปี 2563 เป็นวันครบรอบ 45 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามและนิวซีแลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศพยายามกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธสาสตร์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-new-zealand-look-to-strategic-partnership/178978.vnp

เวียดนามเผยยอดส่งออกผักผลไม้พุ่ง 230% ไปยังไทย

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในเดือนมิ.ย. การส่งออกผักผลไม้ของเวียดนามไปยังไทย มีมูลค่ามากกว่า 11.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าส่งออกรวมในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 79.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลให้อัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 230 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (23.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2562) ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. มูลค่าส่งออกรวมของเวียดนามไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยรายการสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในขณะเดียวกัน สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน ถึงแม้ว่ามูลค่าลดลงอย่างหนัก 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้าผักผลไม้ดิ่งลงราว 408 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “ปัจจุบันไทยเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ที่มา : https://customsnews.vn/exports-of-fruits-and-vegetables-to-thailand-surge-230-15268.html

คาดปีนี้ GDP เวียดนามโต 3.8%

สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้จะสูงถึงร้อยละ 3.8 หากสิ้นสุดการระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงครึ่งหลังของปีและกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะค่อยๆกลับมาดำเนินการต่อ ซึ่งมุมมองของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ VEPR มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะโตร้อยละ 3.8 ขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง หากโอกาสเป็นไปได้อยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจจะโตแค่ร้อยละ 2.2 เนื่องจากการแพร่ระบาดลุกลามของโรคโควิด-19 ยังอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากเชื้อไวรัสเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินในระดับโลก ส่งผลให้หลายประเทศต้องขยายเวลาล็อคดาวน์ไปอีกจนกว่าไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ผลที่ตามมากิจกรรมการส่งออก-นำเข้าของเวียดนามจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและจะไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในปีนี้ นำไปสู่ภาคการผลิตในประเทศอ่อนแอลง นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ ข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EVFTA) และการเร่งเบิกจ่ายไปยังโครงการลงทุนสาธารณะ ทำให้เกิดการขยายการลงทุนและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-forecast-to-grow-38-pct/178955.vnp

ภาพรวมเศรษฐกิจของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลัง COVID-19

หัวข้อสำคัญของเอกสาร มีดังต่อไปนี้

  1. สรุปภาพรวมทั่วไปในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
  2. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
  3. สถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
  4. แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนาม

เรียบเรียงโดย : นายกวิน งามสุริยโรจน์

ที่มา : CEIC DATA, General Statistics Office, IMF, FitchRatings และ ADB

EXIM BANK ปล่อยกู้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (บีซีพีจี) ร่วมลงนามกับ ดร.จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว นอกจากนี้ยังร่วมลงนามกับนายมานาบุ อิโนอุเอะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) (SMTBT) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 6,465.07 ล้านเยน (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ชิบะ 1 (Chiba 1) ในประเทศญี่ปุ่น ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ซึ่งความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ บีซีพีจี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทดแทนเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน โดยมี ไอซีบีซี (ไทย) และ ไอซีบีซี เวียงจันทน์ ร่วมให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด สำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป. ลาว กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของเวียดนาม และ สปป.ลาว ในการก่อสร้างสายส่งเชื่อมต่อชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศเวียดนาม

ที่มา : https://www.posttoday.com/finance-stock/news/628866

เวียดนามปิดเส้นทางการบินของสายการบินใหม่ในปัจจุบัน

จากรายงานของหน่วยงานภาครัฐ เผยว่านาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นด้วยกับข้อปฏิบัติในการระงับเที่ยวบินชั่วคราวตามที่กระทรวงคมนาคมยื่นข้อเสนอไปในช่วงกลางเดือนพ.ค. ซึ่งเหตุผลของข้อเสนอดังกล่าว เพื่อหาทางออกของบริษัทการบินในประเทศที่เผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี สำหรับการฟื้นตัวของตลาดการบินภายในปี 2562 อีกทั้ง ทางกระทรวงฯ คาดว่าอุตสาหกรรมการบินของเวียดนามจะรองรับจำนวนผู้โดยสาร 42.7 ล้านคนในปีนี้ ลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่ ผู้ให้บริการสายการบินคาดว่าจะรองรับจำนวนผู้โดยสาร 32.6 ล้านคน ลดลงร้อยละ 40 นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว สนามบินเวียดนามรองรับจำนวนผู้โดยสารประมาณ 116 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์กับสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ เป็นผู้ครองตลาดการบินเวียดนามรายใหญ่ที่สุด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-closes-skies-to-new-airlines-for-now-416334.vov