‘ดานัง’ ดึงดูดลงทุนต่างชาติพุ่งขึ้น แม้จะอยู่ท่ามกลางโควิด-19

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติประจำเมือง กล่าวว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในนครดานัง อยู่ที่ 76.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับเม็ดเงินเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเมืองดานังทั้งหมด ประมาณ 7 ล้านล้านด่ง ในไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานของบริษัท ‘Universal Alloy Corporation Vietnam’ และโครงการญี่ปุ่นของ ‘Mikazuki Spa & Hotel’ ทั้งนี้ เมืองดานังมีโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ 844 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน เมืองดานังดึงดูด 4 โครงการรัฐวิสาหกิจ ด้วยเงินทุนกว่า 8.61 ล้านล้านด่ง ตั้งแต่ต้นปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-to-da-nang-surges-despite-covid19/172547.vnp

ดัชนีราคาผู้บริโภค ‘เวียดนาม’ เดือนเม.ย. ลดลง 1.54%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.54 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและราคากลุ่มอาหารลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.93 เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.62 โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 11 กลุ่มลดลง รวมถึงการขนส่ง (13.86%), วัสดุก่อสร้างและที่อยู่อาศัย (2.33%) และสินค้าและบริการอื่นๆ (0.13%) ทั้งนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.69 เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (USD) ขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.95 ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมรายการที่มีการเคลื่อนไหว อาทิ อาหารสด พลังงาน บริการดูแลสุขภาพและการศึกษา) ลดลงร้อยละ 0.15 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.71 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.96

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/april-cpi-down-154-percent-monthonmonth/172557.vnp

สำนักงานศุลกากรรับรายได้กว่า4 พันล้านกีบจากการค้าชายแดนจีนและเวียดนาม

ภายในปี 2563 สำนักงานศุลกากรระหว่างประเทศในจังหวัดบอลิคำไซได้รับรายได้ 4 พันล้านกีบโดยที่มาของรายได้กว่าร้อยละ58.98 มาจากการด่านชายแดนการส่งออกเวียดนามและจีน ถึงแม้มาตราฐานการจัดการด้านการส่งออกและคลังสินค้าของชายแดนสปป.ลาวไม่มีประสิทธิภาพและมีความซีบซ้อนและล่าช้าในการตรวจสอบต่างๆ ทำให้จุดนี้เองที่ทำให้รัฐบาลต้องการพัฒนาระบบศุลกากรดังกล่าวเพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออกและนำเข้าผ่านด่านรอยต่อประเทศ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าที่ควร ทั้งด้านระบบการจัดการและเครื่องไม้เครื่องมือที่ยังไม่มีใช้ที่ด่านพรหมแดนทำให้ผู้ประกอบการต้องสูญเสียโอกาสด้านการค้าในบ้างชนิดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีอายุการเก็บได้น้อยและต้องการคลังเก็บสินค้าที่มีคุณภาพ ในอนาคตหากสปป.มีการพัฒนาด้านนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาวอย่างมหาศาล

ที่มา : https://laoedaily.com.la/2020/04/29/77216/

STARK ทุ่ม 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อกิจการผู้ผลิตสายไฟฟ้าเวียดนาม

บริษัทย่อยของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซื้อกิจการ Thinh Phat Cables Joint Stock Company (Thipha) ของเวียดนามและ Dong Viet Non-Ferrous & Plastic (Dovina) ด้วยมูลค่ารวม 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป้าหมายของบริษัทเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิต และขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าชั้นนำในภูมิภาค รวมถึงยกระดับความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อมูลสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ระบุว่าบริษัท Thipha เป็นผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ติดอันดับ 2 ของผู้ผลิตสายไฟฟ้า สายเคเบิลในเวียดนาม รวมถึงนำเข้า แปรรูปทองแดงและอลูมิเนียม ในขณะเดียวกัน ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2563 สินทรัพย์รวมของ Thipha และ Dovina สูงถึง 4.7 ล้านล้านด่ง รายรับรวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.1 ล้านล้านด่ง และ 344.8 พันล้านด่ง ตามลำดับ อีกทั้ง Thipha ยังมีโครงการลงทุนหลากหลาย ได้แก่ พาร์ค ฮิลล์ (ฮานอย), อี โฮม (นครโฮจิมินห์และจ.บิ่ญเซือง), ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต, รีสอร์ท (จ.คั้นห์หว่า) และท่าอากาศยานนานาชาติฟู้โกว๊ก เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thai-firm-acquires-vietnamese-cable-makers-in-240-million-usd-deal/172485.vnp

Uniqlo เตรียมเปิดร้านแห่งที่ 2 นครโฮจิมินห์ ในเดือนหน้า

ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าชั้นนำของญี่ปุ่น ‘Uniqlo’ เตรียมเปิดสาขาที่ 2 ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ‘SC VivoCity’ เมืองโฮจิมินห์ เขต 7 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม แสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องในตลาดนี้ ซึ่งนับว่าเป็นสาขาที่ 3 ของยูนิโคล่ในเวียดนาม หลังจากเปิดสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้า ‘Parkson’ ในโฮจิมินห์และสาขา 2 ที่ ‘Vincom Pham Ngoc Thach’ ในฮานอย ทั้งนี้ ขนาดพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร พร้อมด้วยสินค้า ‘LifeWear’ สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและทารกอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน และข้อเสนอที่มีอยู่จำกัดในช่วงสัปดาห์เปิดร้าน นอกจากนี้ มาตรการของภาครัฐในการดูแลความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางยูนิโคล่จะปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข็มงวด รวมถึงให้สวมหน้ากากและทำการตรวจสอบอุณหภูมิร่างกาย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/uniqlo-to-open-second-store-in-hcm-city-next-month-413067.vov

โควิด-19 กระทบเศรษฐกิจ CLMV เติบโตต่ำสุดในรอบ 2 ทศวรรษ ประเทศยิ่งพึ่งพารายได้จากต่างประเทศมาก ยิ่งกระทบหนัก (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3100)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์เรื่อง COVID-19 กระทบเศรษฐกิจ CLMV เติบโตต่ำสุดในรอบ 2 ทศวรรษ ประเทศยิ่งพึ่งพารายได้จากต่างประเทศมาก ยิ่งกระทบหนัก โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ CLMV ผ่านทางการพึ่งพารายได้จากต่างประเทศในธุรกิจท่องเที่ยว และภาคการส่งออก โดยประเทศที่พึ่งพารายได้จากต่างประเทศมาก ยิ่งได้รับผลกระทบในเชิงลบมาก      

  • กัมพูชา เป็นประเทศที่ได้รับรับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากพึ่งพารายได้จากต่างประเทศทั้งในธุรกิจท่องเที่ยวและภาคการส่งออก โดยคาดว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะหดตัวประมาณ 60% ในปีนี้ ส่วนภาคการส่งออกนั้น กัมพูชายังพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาด EU และสหรัฐฯ มากที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่ม EU คือประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในเวลานี้ จึงคาดว่ามูลค่าส่งออกจะหดตัวถึง 10% ในปีนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจกัมพูชาโดยรวมจะหดตัวกว่า 0.9% ในปี 2563
  • เวียดนาม เวียดนามได้รับผลกระทบปานกลาง เนื่องจากพึ่งพารายได้จากต่างประเทศในภาคการส่งออกเท่านั้น และยังโชคดีที่ เวียดนามมีประเทศคู่ค้าหลักที่หลากหลายทำให้การกระจายความเสี่ยงในการส่งออกค่อนข้างดี ประกอบกับสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะได้รับอานิสงค์จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปด้วยการทำงานที่บ้าน (Work From Home) จึงทำให้อุปสงค์ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น และทำให้ภาพรวมการส่งออกของเวียดนามหดตัวไม่มากนัก คาดว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามจะหดตัวประมาณ 5% ในปีนี้ ประกอบรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบเงินให้เปล่า และการลดภาษี คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะยังคงเติบโตได้ในระดับ 3.6% ในปีนี้
  •  เมียนมา  เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ค่อนข้างน้อย เพราะมีรายได้จากภาคการส่งออกและธุรกิจท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของเมียนมาก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักของเมียนมา คือ ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ สินค้าส่งออกสำคัญอันดับสองของเมียนมา คือ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ก็ได้รับผลกระทบหนักทั้งจากการปิดโรงงานในจีน และจากอุปสงค์สินค้าที่ลดลงในตลาด EU จึงคาดว่ามูลค่าการส่งออกของเมียนมาจะหดตัวถึง 10% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม EU ได้จัดตั้งกองทุนเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน (Quick Assistance Fund) มูลค่า 500 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมสิ่งทอในเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจะช่วยอุดหนุนการจ้างงานและการบริโภคของครัวเรือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ากองทุนเงินช่วยเหลือฉุกเฉินของ EU ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1% ของ GDP จะช่วยพยุงรายได้ของประชาชน และทำให้การบริโภคในครัวเรือนยังเติบโตได้ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของเมียนมาก็ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม จึงคาดว่าในภาพรวมเศรษฐกิจเมียนมาจะยังเติบโตได้ในระดับ 4.3% ในปี 2563
  • สปป.ลาว ก็เป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้พึ่งพารายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว หรือภาคการส่งออกมากนัก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจท่องเที่ยวของลาวพึ่งพานักท่องเที่ยวไทยมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุดในอาเซียนในปีนี้ จึงคาดว่าธุรกิจท่องเที่ยวของลาวน่าจะได้รับผลกระทบหนักตามไปด้วย ส่วนภาคการส่งออกของสปป.ลาวคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะหดตัวประมาณ 5% ในปีนี้ ยังโชคดีที่ ภาคการส่งออกของสปป.ลาวส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดการจ้างงานกับผู้คนจำนวนมาก ส่วนธุรกิจท่องเที่ยวก็เพิ่งเริ่มพัฒนาและยังมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับ GDP จึงทำให้รายได้ของประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และทำให้การบริโภคในครัวเรือนยังเติบโตได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีมูลค่ากว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ยังคงดำเนินไปตามกำหนดการเดิม จึงทำให้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มากนัก เมื่อดูภาพรวมแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจสปป.ลาวจะยังเติบโตได้ในระดับ 3.9% ในปี 2563

แม้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทLกลุ่ม CLMV อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ แต่เศรษฐกิจ CLMV ก็ยังสามารถเติบโตได้ในระดับ 3.4% ในปีนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจ CLMV ดยรวมยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ระดับ 6.4% ในปี 2564และ 6.5% ในปี 2565

ที่มา : https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/z3100.aspx

อัพเดท สถานการณ์ COVID-19 เวียดนาม วันที่ 23.04.2563

พัฒนาการที่สำคัญดังนี้

  • เวียดนามยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
  • เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2563 นายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นชอบให้ลดระดับกรุงฮานอยนครโฮจิมินห์ จ.บั๊กนิงห์ จ.เหิ่วซาง จากกลุ่มเมืองจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงมาก เป็น ความเสี่ยงปานกลาง และผ่อนผันมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
  • กระทรวงคมนาคมอนุญาตให้เพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงฮานอยกับนครโฮจิมินห์ และเปิดเส้นทางบินภายในประเทศระหว่างจังหวัดอื่นๆ
  • โรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยในกรุงฮานอยเตรียมจะเปิดเรียนในวันที่ 4 พ.ค. 2563 สำหรับโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมจะเปิดเรียนในวันที่ 11 พ.ค. 2563
  • รัฐบาลเวียดนามเห็นชอบแผนงานที่จะเลื่อนการจัดเก็บภาษีเงินได้และค่าเช่าที่ดินเป็นเงิน 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19