การลงทุนจากต่างชาติลดลง 23.6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่ายอดการลงทุนจากต่างชาติลดลงร้อยละ 23.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 6.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการลงทุนจากต่างชาติมีการเบิกจ่ายเงินทุน 2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5 โดยโครงการใหม่มีจำนวน 500 โครงการที่จดทะเบียน ด้วยมูลค่าจดทะเบียนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนมีจำนวนอยู่ 151 โครงการ ด้วยเงินทุน 638.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นในธุรกิจเวียดนามอยู่ที่ 827.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญร้อยละ 84 ซึ่งภาคการผลิตพลังงานมีการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคการแปรรูปและการผลิต ค้าส่งค้าปลีก และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด รองลงมาจีน และเกาหลีใต้ เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-investment-falls-23-6-percent-in-first-two-months/169297.vnp

ยอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนามสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน

ถึงแม้ว่ายอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนามติดอยู่ในอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน เมื่อปีที่แล้ว แต่ความต้องการในประเทศกลับลดลงเมื่อเทียบกับการเติบโตของภูมิภาคใกล้เคียงกัน โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด เปิดเผยว่าเวียดนามมียอดขายอยู่ที่ 3.27 ล้านคัน เป็นรองอินโดนีเซียที่มียอดขายเพียง 6.53 ล้านคัน สำหรับยอดขายในประเทศนั้น ลดลงร้อยละ 3.7 ในปี 2561 ขณะที่ ยอดขายในภูมิภาคอาเซียนขยายตัวร้อยละ 3.1 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย  เมื่อจำแนกเป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์ พบว่าฮอนด้าทำสถิติยอดขายสูงสุดอยู่ที่ 2.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และยังคงครองผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ เวียดนามติดอยู่ในอันดับที่ 4 ที่มีการบริโภครถจักรยานยนต์ ตามมาด้วยอินเดีย จีนและอินโดนีเซีย ตามลำดับ เป็นต้น นอกจากนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม ระบุว่าตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามยังคงเติบโต ถึงแม้คาดว่าในครั้งก่อน ตลาดจะอยู่ในช่วงอิ่มตัว ด้วยข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาษีที่สูง แต่พบว่ายังมีความความต้องการสินค้าประเภทนี้อยู่และข้อจำกัดของรถยนต์ ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯมองว่าตลาดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า ซึ่งยอดขายชะลอตัวอยู่ที่ราว 3 – 3.5 ล้านคันต่อปี

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-motorbike-sales-second-highest-in-asean-410556.vov

ไทยตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กจากเวียดนาม

หน่วยงานกำกับดูแลมาตรการค้าของเวียดนาม (TRAV) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าประเทศไทยเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กของเวียดนาม ในอัตราร้อยละ 6.79 -51.61 ของราคาสินค้ารวมค่าประกันภัยและค่าระวาง (CIF) สำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กจากเวียดนาม ซึ่งทางสำนักงานการค้าเวียดนามในไทยได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสรุปการพิจารณาการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กและท่อเหล็กกล้าที่มีแหล่งกำเนิดจากเวียดนาม (HS Code 169) เนื่องจากปกป้องภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเรื่องการทุ่มตลาด ดำเนินเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่ถูกนำมาใช้เป็นเวลาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และสมาชิกสามารถดำเนินการตรวขสอบได้ทุกๆปี ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลมาตรการค้าของเวียดนามให้คำแนะนำผู้ประกอบการส่งออกชาวเวียดนามในการทบทวนหลักฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องและได้รับผลประโยชน์

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/thailand-imposes-antidumping-duty-on-vietnamese-steel-products-410542.vov

ผู้ค้าออนไลน์เร่งปรับราคาหน้ากากและเจลล้างมือ

จากข้อมูลของสำนักงานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่ามีการละเมิดในเว็บไซค์อีคอมเมิร์ซ ได้แก่ Sendo, Shopee, Lazada, Tiki, chotot, vatgia และ fado เป็นต้น ผู้ขายออนไลน์ถูกกล่าวหาว่าใช้ผลประโยชน์จากการแพร่ระบาดชองไวรัสโคโรนา ในการปรับขึ้นราคาสินค้าอนามัย ซึ่งทางสำนักงานระบุว่าได้ดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านค้าขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ตั้งราคาสูงมากเกินไป เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตรวจสอบผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด 463,865 ราย พบว่ามีผู้ละเมิด 5,200 รายที่เพิ่มราคาสินค้า 21,000 ชิ้น ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนม.ค. สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 2,600 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อราว 79,000 ราย ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในท้องถิ่นและความต้องการของสินค้าสุขอนามัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลของกันตาร์ เวิล์ดพาแนล (Kantar Worldpanel) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์และบริการจัดส่ง มองว่าการเติบโตฐานลูกค้าและการมใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้แรงหนุนจากความสนใจของผู้ซื้อรายใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อของออนไลน์หรือการใช้จ่ายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/online-sellers-fined-for-hiking-prices-of-face-masks-hand-sanitiser/169152.vnp

ธุรกิจสิงคโปร์ค้นหาซัพพลายเออร์สินค้าเกษตรจากเวียดนาม

คณะผู้แทนจากสิงคโปร์เข้าเยี่ยมชมเวียดนาม ในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อค้นหาซัพพลายเออร์ผักและผลไม้และเน้นในการร่วมมือธุรกิจ ตลอดจนการถ่ายทอดโอนเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าเกษตร เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดการนำเข้าจากจีนลดลง ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) ระบุว่าปัจจัยข้างต้นอาจจะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาด้านการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมของเวียดนามจากการแพร่ระบาดชองไวรัส ทำให้ภาคธุรกิจของสิงคโปร์ต้องหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทยและเวียดนาม เพื่อรองรับทางการค้าหยุดชะงักกับจีน ประกอบกับสิงคโปร์เป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตร ด้วยโอกาสนี้ เวียดนามขยายการส่งออกผักผลไม้ไปยังสิงคโปร์และลดการค้ากับจีน นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติศุลกากร แสดงให้เห็นว่าในเดือนม.ค. มีมูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 20.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเดือนก่อนหน้า สำหรับตลาดนำเข้าผักผลไม้รายใหญ๋ที่สุดของเวียดนาม ได้แก่ จีน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 64.8 ของมูลค่าส่งออกผักผลไม้ทั้งหมด แต่ในเดือน ม.ค. มูลค่าการส่งออกไปยังจีนลดลงร้อยละ 32.4 ด้วยมูลค่า 173.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/622670/singapore-firms-seek-suppliers-of-agricultural-products-in-viet-nam.html

ธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนภาคการค้าปลีกและบริการในเวียดนาม

ภาคการค้าปลีกและบริการเวียดนาม คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นจำนวนมากในปีนี้ จากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JETRO) เปิดเผยว่ากำลังซื้อของชาวเวียดนามที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศนั้น ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการชาวญี่ปุ่น มองหาโอกาสธุรกิจในตลาดที่กำลังเติบโต ถึงแม้ว่าการลงทุนของญี่ปุ่นจะลดลงในปีที่แล้ว แต่จำนวนโครงการใหม่ของนักลงทุนญี่ปุ่นกลับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งจำนวนโครงการที่จดทะเบียนแตะระดับสูงสุดอยู่ที่ 435 โครงการในปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของเจโทร ระบุว่าผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในเวียดนามส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 ตั้งใจที่จะขยายธุรกิจในประเทศ นับว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการลงทุนสูงสุดในอาเซียน ในขณะเดียวกัน องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น แต่ด้วยแนวโน้มในปัจจุบัน ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่หันมาลงทุนในเวียดนามแทน เนื่องจากจำนวนประชากรมากกว่า 96 ล้านคน ดังนั้น ภาคบริการจีงมีศักยภาพสูงและเป็นสาเหตุที่ผู้ค้าปลีกญี่ปุ่นหลายรายเข้ามาทำตลาดในเวียดนาม นอกจากนี้ กระทรวงการวางแผนและการลงทุน ระบุว่าธุรกิจญี่ปุ่นหลายรายมักจะระมัดระวังในการลงทุน ซึ่งจากข้อมูลสถิติการลงทุน ระบุว่าในปีที่แล้ว เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/japanese-businesses-to-invest-in-vietnam-s-services-and-retail/169100.vnp