‘เวียดนาม’ คาดสินเชื่อคงค้างในระบบ ไตรมาส 1 โตกว่า 4.4%

ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) คาดการณ์ว่าสินเชื่อคงค้างในระบบเศรษฐกิจ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 4.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และมีมุมมองเชิงบวกตลอดทั้งปี โดยมีสินเชื่อเพิ่มขึ้น 14.2% สูงกว่า 40 จุด ที่คาดการณ์ก่อนหน้าที่ 13.8% ทั้งนี้ จากการสำรวจของหน่วยงาน พบว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวลดลง 30-40 จุด ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. และมองว่าเงินฝากจะเพิ่มขึ้น 2.6% ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าหนี้เสียจะลดลง แต่จากผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/total-outstanding-loans-expected-to-expand-4-4-in-q1/

‘องค์กรระดับโลก’ ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลแถลงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามว่ามีทิศทางที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัว 3.32%, ไตรมาสที่ 2/66 ขยายตัว 4.14%, ไตรมาสที่ 3/66 (5.33%) และไตรมาสที่ 4/66 (6.72%) การเติบโตทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ ส่งผลให้เวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูง และองค์กรระดับโลกหลายแห่งชื่มชมกับความสำเร็จและโอกาสทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามอย่างมาก

ทั้งนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับประมาณการเศรษฐกิจเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัว 6.7% ในปีนี้ เนื่องจากยอดการค้าปลีกและการผลิตของภาคอุตฯ ยังคงแข็งแกร่ง การส่งออกและการนำเข้าที่กลับมาฟื้นตัว ถึงแม้ว่าการค้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ในขณะเดียวกัน Fitch Rating องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถือของโลก คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะอยู่ที่ 7% โดยมีสัญญาณเชิงบวกหลายประการ อาทิ มีข้อตกลงการค้าเสรีระดับภูมิภาคและโลก การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุนของเวียดนาม เป็นต้น

ที่มา : https://vir.com.vn/global-banks-high-on-gdp-prospects-108328.html

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ มีแนวโน้มขยายตัว 6.48% หนุนนำนวัตกรรมและปฏิรูปขับเคลื่อนประเทศ

สถาบันกลางเพื่อการจัดการเศรษฐกิจ (CIEM) เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะขยายตัว 6.48% ในปี 2567 ที่ได้รับแรงหนุนจากนวัตกรรม การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปฏิรูปหน่วยงานหรือสถาบัน โดยทางสถาบัน CIEM ได้นำแบบจำลองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไว้ 2 สถานการณ์ ในสถานการณ์แรกจะเป็นการที่เศรษฐกิจโลกค่อยๆกลับมาฟื้นตัวที่ 2.9% และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.13% ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ 3.9% การส่งออก 4.02% และเกินดุลการค้า 5.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สถานการณ์ที่สอง คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.2% เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.48% ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ 3.72% และการส่งออก 5.19%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1639269/2024-gdp-growth-might-reach-6-48-driven-by-innovation-reforms.html

‘เวียดนาม’ ดึงดูดลงทุน FDI ขยาย 39,100 โครงการ เงินทุนจดทะเบียนรวม 469 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการลงทุน กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) รายงานว่าในปี 2566 เวียดนามดึงดูดโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวน 39,100 โครงการ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 468.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ นครโฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มีโครงการ 12,398 โครงการ ทุนจดทะเบียน 57.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 31.67% ของจำนวนโครงการทั้งหมด รองลงมาฮานอยและบิ่ญเซือง

อีกทั้ง นาย Tran Quoc Phuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวในที่ประชุมว่าบทบาทของเวียดนามต่อกระแสการลงทุน FDI ทั่วโลกนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ส่งเสริมนวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ การเกษตรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และเหมืองแร่ การฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์ เพื่อคว้าโอกาสจากประเทศต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-attracts-over-39100-fdi-projects-with-registered-capital-of-nearly-469-billion-usd-so-far/276246.vnp

‘เวียดนาม’ คาดหวังปีนี้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม ได้ตั้งเป้าหมายที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคนภายในปี 2567 ซึ่งอยู่ในระดับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในปี 2562 โดยจากข้อมูลสถิติปี 2566 พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 12.6 ล้านคน เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 57% และบรรลุเป้าหมายที่ 12-13 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 108 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ และกิจกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้ราว 678 ล้านล้านดอง (27.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ทั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาฟื้นตัว แต่ยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายในปีหน้า โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในระดับภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-hopes-to-welcome-17-18-million-tourist-arrivals-this-year-2239529.html

‘ผลสำรวจ’ ชี้คนเวียดนาม Gen Z นิยมซื้อของออนไลน์ เหตุสะดวก รวดเร็ว ได้ดีลพิเศษ

จากการสำรวจของ ‘Lazada’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ เปิดเผยว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่ 58% นิยมซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว ง่ายในการซื้อสินค้า รวมถึงสามารถส่งสินค้าไปถึงบ้านได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและกำลังในการเลือกซื้อ ทั้งนี้ การเติบโตของโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่ Facebook, TikTok, Instagram และ YouTube ส่งผลให้ธุรกิจหันมาใช้โฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคน ‘Gen Z’ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของนักช้อปทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งการให้ส่วนลดสูงสุด 50% หรือการให้บัตรกำนัลมูลค่า 50,000 ดอง (2 ดอลลาร์สหรัฐ) หากซื้อสินค้าออนไลน์รวมกันมูลค่าเกินกว่า 5 แสนดอง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/gen-z-leads-online-shopping-for-convenience-good-deals/276213.vnp

‘เวียดนาม’ ทำรายได้จากการขายคาร์บอนเดรติคป่าไม้ ทะลุ 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม กล่าวว่าในปี 2566 นับเป็นก้าวครั้งสำคัญของภาคป่าไม้ของประเทศ เนื่องจากเวียดนามประสบความสำเร็จจากการขายคาร์บอนเครดิตป่าไม้เป็นครั้งแรก (Forest Carbon Credit) จำนวน 10.3 ล้านคาร์บอนเครดิตให้กับธนาคารโลก (World Bank) คิดเป็นมูลค่า 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสัญญาการซื้อขายก๊าซเรือนกระจก (ERPA) ที่ลงนามเมื่อวันที่ 22 ต.ค.63

นอกจากนี้ จากรายงานของสำนักงานป่าไม้เวียดนาม ระบุว่าเวียดนามปลูกป่าในปีที่แล้ว ประมาณ 250,000 เฮกตาร์ สูงกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ และพื้นที่ป่าไม้มีสัดส่วน 42.02% ในขณะที่รายได้จากการให้บริการทางด้านสิ่งแวดล้อมของป่าไม้ มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 4.1 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-earns-515-million-usd-from-first-forest-carbon-credit-sale/275994.vnp