จำนวนผู้โดยสารซึ่งเดินทางมายังสนามบิน เสียมราฐ-อังกอร์ ขยายตัวเป็นประวัติการ

จำนวนผู้โดยสารทางอากาศที่เดินทางมายังสนามบินนานาชาติ เสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการได้ไม่นาน โดยจากตัวเลขสถิติในปัจจุบันมีผู้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังสนามบินดังกล่าวอยู่ที่กว่า 3,200 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 2,600 คนต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงวันที่ 24 ต.ค. รายงานโดยสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) ที่ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) ซึ่งปัจจุบันมีสายการบิน 7 สายการบิน ให้บริการเที่ยวบินมายัง SAI สำหรับสนามบินดังกล่าว ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมราฐ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร โดยถือเป็นสนามบินนานาชาติระดับ 4E ที่สามารถรองรับเที่ยวบินระยะไกลจากทั่วโลกด้วยรันเวย์ยาว 3,600 เมตร และท่าเทียบเครื่องบิน 38 ท่า ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 7 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ถึง 12 ล้านคนภายในปี 2040

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501388197/siem-reap-angkor-intl-airport-records-new-high-number-of-daily-passengers/

Moc จับมือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน IT จากจีน หวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของจีนอย่าง บริษัท Converge Cloud Co., Ltd. หวังดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาและส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นำโดย Someth Somnea ปลัดกระทรวงกระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างการเป็นประธานในพิธีเปิดตัวบริษัท Converge Cloud ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ให้เกิดการแพร่หลายและส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันบริษัทมีบริษัทคลาวด์รายใหญ่ อย่างเช่น Google, Amazon, Huawei, Alibaba, Tencent, Basihan และ Azure เป็นหลัก ร่วมถึงรัฐบาลให้ความสำคัญด้านอีคอมเมิร์ซ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เป็นก้าวสำคัญต่อไปในการเร่งความร่วมมือในระดับทวิภาคี พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501387364/moc-join-hands-with-chinese-it-firms-to-boost-economic-growth/

นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนกัมพูชาโต 211%

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 3.92 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 211% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยยังถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ตามมาด้วยเวียดนามและจีน ซึ่งมีการขยายตัวกว่า 189%, 156% และ 549% ตามลำดับ ขณะที่รูปแบบการเดินทางส่วนใหญ่ยังคงใช้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศที่จำนวนกว่า 1.34 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 186% และเดินทางผ่านทางบกและทางน้ำที่กว่า 2.58 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 224% ด้าน Top Sopheak รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวเสริมว่า ณ สิ้นปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างน้อย 5 ล้านคน เดินทางมายังกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501387581/international-tourists-to-cambodia-shoot-up-211/

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดันหนี้สาธารณะกัมพูชาขยายตัว

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต กล่าวถึงสถานการณ์หนี้สาธารณะของกัมพูชาที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดการเติบโต ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงทางด้านหนี้สาธารณะ โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะของกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 10.72 พันล้านดอลลาร์ แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำ ตามรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา ซึ่งหนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวร้อยละ 64 มาจากการกู้ยืมจากหุ้นส่วนการพัฒนาในระดับทวิภาคี รวมถึงมาจากหุ้นส่วนการพัฒนาในระดับพหุภาคีที่ร้อยละ 36 และหนี้สาธารณะในประเทศอยู่ที่ร้อยละ 0.43 สำหรับปีนี้ รัฐบาลได้วางแผนที่จะระดมทุน 200 ล้านดอลลาร์ จากการออกพันธบัตรรัฐบาล และสำหรับปีหน้ารัฐบาลกัมพูชากำลังวางแผนที่จะระดมทุนเพิ่มอีก 108 ล้านดอลลาร์ ด้วยวิธีเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะนำไปใช้ในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการชำระคืนเงินต้น รวมถึงจ่ายดอกเบี้ยให้กับพันธบัตรที่ออกในปีที่แล้ว ตามร่างกฎหมายงบประมาณแห่งชาติประจำปี 2024

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501386323/public-debt-drove-infrastructure-growth-says-pm/

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกหลังลงนาม MoU สำเร็จ

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้าได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยทางการกัมพูชาหวังที่จะขยายตลาดส่งออกข้าวสารไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในกรณีนี้กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังอินโดนีเซียประมาณ 3,500 ตัน สำหรับการขนส่งในครั้งแรก ซึ่งอินโดนีเซียตกลงที่จะนำเข้าข้าวสารจากกัมพูชาปริมาณรวมกว่า 125,000 ตัน ภายในปี 2023 สำหรับการส่งออกข้าวโดยภาพรวมของกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 456,581 ตัน ไปยัง 57 ประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 327.4 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) โดยจีนและยุโรปยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับภาคการส่งออกข้าวสารของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501386510/cambodia-exports-milled-rice-to-indonesia-for-1st-time/

บริษัท Sailun ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตยางรถยนต์ 6 ล้านเส้นต่อปี

บริษัท Sailun (กัมพูชา) ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Qilu ในจังหวัดสวายเรียง ซึ่งบริหารจัดการโดย Cart Tyre วางแผนลงทุนเพิ่มมูลค่ารวมกว่า 1.47 พันล้านหยวน (ประมาณ 170 ล้านปอนด์) เพื่อขยายกำลังการผลิตยางเรเดียลกึ่งเหล็กในประเทศกัมพูชา ให้มีกำลังการผลิตสูงถึง 6 ล้านเส้นต่อปี หวังตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการส่งออกยางไปยังตลาดต่างประเทศอย่างในโซนพื้นที่อเมริกาเหนือ สำหรับบริษัทดังกล่าวถือเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของจีนที่ได้ขยายการลงทุนมายังกัมพูชา โดยเริ่มดำเนินการในกัมพูชาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 สร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นกว่า 4,000 ตำแหน่ง รวมถึงยังทำการซื้อแผ่นยางดิบเพื่อเป็นวัตถุดิบการผลิตยางกว่า 150,000 ตันต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501385870/sailun-cambodia-plant-increases-tyre-production-capacity-by-6-million-units/

CDC อนุมัติการลงทุนให้แก่บริษัท 12 แห่ง มูลค่า 66.6 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุน 12 โครงการ มูลค่ารวม 66.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างโอกาสในการจ้างงานมากกว่า 12,000 ตำแหน่ง ครอบคลุมกิจกรรมการผลิตอุปกรณ์กีฬา โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า รองเท้า โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงงานผลิตโคมไฟ และโรงงานผลิตสี โดย CDC ได้รายงานเสริมว่านับตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงเดือนกันยายน ได้อนุมัติโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รวม 191 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีทุนจดทะเบียนรวมกว่า 45.8 พันล้านดอลลาร์ ณ ไตรมาสแรกของปี 2023 ด้านธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) รายงานเสริมว่าแหล่งเงินทุนหลักยังคงมาจากทางประเทศ จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร เป็นสำคัญ โดยการไหลเข้าของ FDI ครอบคลุมภาคส่วนสำคัญต่างๆ เช่น ภาคการเงิน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ท ไปจนถึงเกษตรกรรม พลังงานทดแทน และการก่อสร้าง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501385590/cdc-nod-for-12-manufacturing-investments-worth-66-6m/