อุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
จากรายงานของกระทรวงการลงทุนและวางแผนเวียดนาม เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามประสบภาวะเดือดร้อนอย่างหนักจากสงครามการค้า ทั้งจากการส่งออกและการผลิตที่ลดลง เนื่องมาจากความรุนแรงของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามการค้า ทำให้ยอดคำสั่งซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม (VINATEXT) ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสงครามการค้า โดยอุตสาหกรรมเส้นด้ายทั่วโลกนั้น มีแนวโน้มลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้า และการแข่งขันจากคู่แข่งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้าระหว่างประเทศของสำนักงานศุลกากร ระบุว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มูลค่าการส่งออกสิ่งทอของเวียดนามอยู่ที่ 29.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/textile-industry-hit-by-ongoing-trade-war/162084.vnp
เวียดนามเผยภาคเกษตรกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.02% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62
จากคำแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) ณ กรุงฮานอย วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดเผยว่าภาคเกษตรกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.02 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา โดยยอดการส่งออกแตะระดับ 30.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ 6.86 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน ผลผลิตเนื้อหมูลดลงร้อยละ 8 เนื่องมาจากผลกระทบของโรคดังกล่าวเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ผลผลิตของสินค้าทางการเกษตรอื่นๆต่างเพิ่มขึ้น ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อสัตว์ปีก ไข่ และนม เป็นต้น นอกจากนี้ ภาคการประมงได้ตระหนักถึงข้อเสนอแนะจากสหภาพยุโรป ในการพัฒนาเพาะพันธุ์สัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้ส่งทีมงานไปยังแหล่งท้องถิ่น เพื่อทำการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น
เวียดนามจะเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ในสปป.ลาว
เวียดนามจะเริ่มให้บริการทดลองใช้ 5G ในสปป.ลาวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการเต็มรูปแบบใน 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Viettel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตามรายงานข่าวสมาชิกกลุ่ม Viettel Unitel เป็นผู้ดำเนินการรายแรกที่เสนอเทคโนโลยี 5G ในสปป.ลาว มีสถานีฐาน 3G และ 4G 6,000 แห่งครอบคลุม 95% ของประเทศ มากกว่าครึ่งตลาดในประเทศที่มีประมาณ 3 ล้านราย ในเดือนกุปีนี้ Unitel ได้ช่วยแนะนำ SIM ให้กับสปป.ลาวซึ่งทำให้ประเทศติดอันดับที่ 7 จาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านบริการโทรคมนาคมขั้นสูง ซึ่ง 5G จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมตามแนวตั้งจำนวนมาก รวมถึงภาคขนส่ง การดูแลสุขภาพและภาคเกษตรกรรม จะพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ที่ผลิตอุปกรณ์เป็น พันล้านและจะเปิดใช้งานนวัตกรรมในเกือบทุกอุตสาหกรรมสร้างการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัด
ที่มา : https://www.opengovasia.com/vietnam-to-launch-5g-technology-in-laos/
จริงหรือไม่? เวียดนามผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน
จากรายงานของ e-Conomy Southeast Asia 2019 จัดทำโดย Google Temask เปิดเผยว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เวียดนามกำลังเฟืองฟูและเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย โดยในปี 2562 เศรษฐกิจดิจิทัลมีมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีอัตราการเติบโต 38% นับตั้งแต่ปี 2558
ทั้งนี้ อีคอมเมิร์ซเป็นตัวขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตที่รวดเร็วของตลาดในประเทศ ได้แก่ Sendo, Tiki, Lazada และ Shopee ประกอบกับชาวเวียนามประมาณ 61 ล้านคนที่ใช้สื่อออนไลน์และใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชม. 12 นาทีต่อวัน และส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าจับตา คือเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกของปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 กลายเป็น 1 ในภูมิภาคที่เติบโตทางธุรกิจออนไลน์ที่รวดเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากประชากรวัยหนุ่มสาวที่เพิ่มขึ้นและนิยมใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟน ซึ่งคาดว่าเวียดนามอาจแซงอินโดนีเซีย และขึ้นแท่นเป็นผู้นำการเติบโตสูงที่สุดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/vietnam-digital-economy-asian
WEF : เอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถในการแข่งขันเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก
จากรายงานของเวิร์ล อีโคโนมิกส์ ฟอร์ม (World Economic Form : 2019) เปิดเผยว่าดัชนีความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก ซึ่งกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นภูมิภาคทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ด้วยคะแนนสารสนเทศมากที่สุด โดยประเทศสิงคโปร์ขึ้นแท่นเป็นอันดับที่ 1 ของโลก เป็นประเทศที่ได้คะแนนสูงที่สุด (84.8/100) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านความมั่งคงในเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงิน และประสิทธิภาพของตลาด เป็นต้น ทางด้านข้อมูลของประเทศเวียดนามที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดสูงที่สุดในโลก ทำให้อันดับขยับเพิ่มขึ้นได้ถึง 10 อันดับ มาขึ้นเป็นอยู่ในอันดับที่ 67 ของโลกในปีนี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ประเทศกัมพูชา (อันดับ 106) สปป.ลาว (อันดับ 113) ซึ่งการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศมีนับสำคัญต่อการจัดอันดับข้างต้น
เวียดนามเผยการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มพุ่งสูงขึ้น 10.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62
จากรายงานสถิติของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOIT) เปิดเผยว่ายอดการส่งออกเสื้อผ้าและสิ่งทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าประมาณ 24.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยสถานการณ์ผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก และความท้าทายของผู้ประกอบการสิ่งทอในประเทศต่อการดำเนินธุรกิจ ทำให้ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ราคาสินค้าที่เอาท์ซอร์ซนั้นเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน ได้แก่ เกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น ในขณะที่ การใช้จ่ายของเส้นใยและวัตถุดิบสิ่งทอประสบปัญหา เนื่องมาจากประเทศจีนเป็นแหล่งตลาดส่งออกรายสำคัญของประเทศ ซึ่งได้ลดการนำเข้า ในขณะเดียวกัน เสื้อผ้าก็ได้รับผลกระทบจากยอดคำสั่งซื้อลดลง ซึ่งปัญหาดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นมาจากความกังวลของผู้นำเข้าในประเทศนั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ไม่มีท่าทีผ่อนคลายลง
ส่องโอกาสธุรกิจร้านขายยาในเวียดนาม
เวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจนส่งเสริมการทำธุรกิจร้านขายยา อีกทั้ง มองว่าการที่เข้ามาลงทุนเปิดร้านขายยาของบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในเวียดนาม คาดว่าจะช่วยให้ตลาดนี้จะพัฒนามากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมยาเวียดนามมีศักยภาพสูงเพราะเวียดนามมีประชากรกว่า 90 ล้านคน พร้อมรายได้ที่สูงขึ้น และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้นนับเป็นทิศทางที่ดีสำหรับธุรกิจด้านยาและเวชภัณฑ์ โดยปัจจุบัน รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการผลิตยาในประเทศมากขึ้น จากการสิทธิประโยชน์ด้านการลดหย่อนภาษีนิติบุคคล ภาษีการนำเข้าปัจจัยการผลิต และการใช้ที่ดิน เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพและโรงพยาบาล สำหรับกฎหมายใหม่ รัฐบาลเวียดนามได้ออกกฤษฎีกาหมายเลข 115/2018/ND-CP ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจด้านเภสัชกรรมในเวียดนามส่งผลให้บรรยากาศการแข่งขันทางธุรกิจในด้านดังกล่าวเปิดกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ โอกาสธุรกิจยาไทย ในการแก้ไขกฤษฎีกาในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทเวียดนามและบริษัทต่างชาติ สามารถนำเข้าเวชภัณฑ์ยามายังเวียดนามได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะยาเพื่อรักษาโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งมีความต้องการสูง สำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้านยาและเภสัชภัณฑ์ของไทยที่สนใจบุกตลาดเวียดนามควรมองแนวโน้มการพัฒนาและขยายตัวของการกระจายสินค้าแบบ Modern Trade และรีบคว้าโอกาสในการเข้าสู่ตลาดและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด