พาณิชย์-เอกชนจับตาความขัดแย้งสหรัฐ-จีน

พาณิชย์-เอกชน เตรียมแผนปรับทัพส่งออก รับมือสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ปะทุรอบใหม่  ชี้โลก เดาใจ “ทรัมป์” ยาก แต่คาดใกล้ช่วงเลือกตั้งปธน กระทรวงและภาคเอกชนอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีน จนเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ และจะมีการจัดทำแผนในการผลักดันส่งออกร่วมกันเพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าแล้ว และในปี 63 ก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีนอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าไทยมีโอกาสที่ได้รับประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของการค้าและการลงทุนมากเช่นกัน โดยเฉพาะโอกาสที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นซับพลายเซนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มั่นคงของโลกได้ เพราะในระยะหลังมีผู้ประกอบการจากจีนเริ่มย้ายฐานการผลิตมาไทยและอาเซียนจำนวนมากเพื่อป้อนชิ้นส่วนและวัตถุดิบให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนและประเทศต่าง ๆ ช่วงหลังจีนกับประเทศตะวันตกทั้งสหรัฐและยุโรปมีปัญหากันหลังจากที่เกิดการระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสหรัฐที่กล่าวหาจีนมาเป็นต้นเหตุในการทำให้เกิดการระบาดจนมีความขัดแย้งต่อเนื่อง ดังนั้นจีนต้องหาพันธมิตรในอาเซียนและประเทศใกล้เคียงมากขึ้น เห็นจากที่ผ่านมาไทยขออะไรจีนมักได้ง่ายๆหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเปิดด่านในการส่งสินค้าเกษตรไทยไปจีน ก็ได้รับความสะดวกรวดเร็วผิดกับครั้งก่อนๆ จนทำให้สินค้าเกษตรไทยหลายตัวสามารถส่งออกไปจีนได้เพิ่ม เช่น ทุเรียน แม้จะเจอปัญหาระบาดโควิด-19 แต่ก็มีล้งจีนเข้ามากว้างซื้อทุเรียนไทยมากกว่าเดิมอีกเพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดจีน  

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/775916

รถไฟลาว จีนบรรลุเป้าหมายในการก่อสร้าง

การก่อสร้างทางรถไฟลาว – ​​จีนได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2559 และมีเป้าหมายจะแล้วเสร็จในปลายปี 2563 แต่มีความกังวลจากความคืบหน้าของโครงการที่ไม่น่าพอใจ จากสถานการณ์การระบาดของโรคระบาด COVID-19  อย่างไรก็ตามรัฐบาลสปป.ลาวมั่นใจว่างานก่อสร้างโดยรวมของรถไฟลาว – ​​จีนจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ บริษัท รถไฟลาว – ​​จีน จำกัดที่เป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างดังกล่าวจี้แจ้งว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ไม่มีความคล่องตัวมากนักในการก่อสร้างทำให้อาจมีการล่าช้ากว่ากำหนด แต่อย่างไรก็ตามในวันที่7 พฤษภาคมที่ผ่านมาทางบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องการก่อสร้างกับทางรัฐบาลสปป.ลาวทำให้ในขณะนี้การก่อสร้างสามารถทำได้คล่องตัวมากขึ้น และจะเร่งให้ทันตามกำหนดการส่งมอบแก่รัฐบาลสปป.ลาว รถไฟขบวนนี้จะใช้มาตรฐานเดียวกับประเทศจีนและระบบเทคนิคทั้งหมดของจีนโดยความเร็วจะสูงถึง 160 กม. / ชม. ซึ่งเป็นรถไฟไฟฟ้าที่ขนส่งสินค้าและผู้โดยสารขนส่งสินค้าด้วยกัน เป็นประโยชน์ต่อการส่ออกของทั้ง 2 ประเทศรวมถึงการสนับสนุนการท่องเที่ยวไปด้วย

ที่มา : https://laoedaily.com.la/2020/05/13/78008/

สำนักงานศุลกากรรับรายได้กว่า4 พันล้านกีบจากการค้าชายแดนจีนและเวียดนาม

ภายในปี 2563 สำนักงานศุลกากรระหว่างประเทศในจังหวัดบอลิคำไซได้รับรายได้ 4 พันล้านกีบโดยที่มาของรายได้กว่าร้อยละ58.98 มาจากการด่านชายแดนการส่งออกเวียดนามและจีน ถึงแม้มาตราฐานการจัดการด้านการส่งออกและคลังสินค้าของชายแดนสปป.ลาวไม่มีประสิทธิภาพและมีความซีบซ้อนและล่าช้าในการตรวจสอบต่างๆ ทำให้จุดนี้เองที่ทำให้รัฐบาลต้องการพัฒนาระบบศุลกากรดังกล่าวเพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออกและนำเข้าผ่านด่านรอยต่อประเทศ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าที่ควร ทั้งด้านระบบการจัดการและเครื่องไม้เครื่องมือที่ยังไม่มีใช้ที่ด่านพรหมแดนทำให้ผู้ประกอบการต้องสูญเสียโอกาสด้านการค้าในบ้างชนิดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีอายุการเก็บได้น้อยและต้องการคลังเก็บสินค้าที่มีคุณภาพ ในอนาคตหากสปป.มีการพัฒนาด้านนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาวอย่างมหาศาล

ที่มา : https://laoedaily.com.la/2020/04/29/77216/

มัณฑะเลย์พร้อมรับมือแรงงานที่เดินทางกลับจากจีน

แรงงานข้ามชาติกว่า 1,000 คนที่เดินทางกลับพม่าจากจีนบริเวณชายแดนงเขตมัณฑะเลย์และรัฐฉานระหว่างวันที่ 26 – 27 เมษายนได้ถูกพากลับบ้านโดยเขตการปกครองของพวกเขาในมัณฑะเลย์, พะโคะ, สะกาย และมะกเว แรงงานส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารประกอบการทำงานและเดินทางผ่านเส้นทางผิดกฎหมาย มากกว่าหนึ่งในสามของแรงงานที่ถูกส่งกลับถูกพากลับไปยังมัณฑะเลย์ ซึ่งผู้ที่กลับเข้ามาต้องกักตัว 21 วันและกักตัวที่บ้านอีก 7 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อ COVID-19

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mandalay-takes-precautions-migrant-workers-return-china.html

รัฐบาลจีนขยายเวลาการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแก่สปป.ลาว

ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมสปป.ลาวเริ่มมีการระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยระบบสาธารณสุขของสปป.ลาวที่อาจยังไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะรับมือกับกับการะบาดของโรคดังกล่าวทำให้ประเทศพันธมิตรที่สำคัญอย่างจีนได้ส่งความช่วยเหลือในด้านบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมอและพยาบาลรวมถึงเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย แว่นตาป้องกัน ชุดป้องกันเชื้อโรค รวมถึงเครื่อมือทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งหน้าที่หลักๆของทางการจีนคือการให้ความรู้และวางระบบการป้องกันไวรัส COVID-19 อย่างมีประสิทธิภาพทั้งระบบการคัดกรอง มาตราการป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นต้น อย่างไรก็ตามกรอบระยะเวลาการช่วยเหลือจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ที่ผ่านมาแต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีและเพื่อการช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพทำให้รัฐบาลจีนขยายเวลาการสนับสนุนทางแพทย์แก่สปป.ลาวต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Chinese_78n.php

ททท.ชี้อีก 5 เดือนฟื้นแน่ “จีน” เริ่มส่งสัญญาณบวก

ททท.รับโควิด-19 “มหาวิกฤต” คาดอีก 5 เดือนอุตฯ ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ชี้ “จีน”ส่งสัญญาณบวกแล้ว ยื่นขอกลับบินเข้าไทยอีกครั้ง พร้อมเร่งโมเดลซ่อมสร้างปลุกท่องเที่ยวภายในประเทศ ย้ำ ททท.ทำงานเต็มที่ ไม่ทิ้งผู้ประกอบการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า สำหรับประเทศไทยนั้นคาดว่าจะใช้เวลาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างน้อยอีกประมาณ 5 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป ตอนนี้มีข่าวดีจาก 5 สำนักงานของ ททท.ในจีนที่ได้รับรายงานว่า มีสายการบินในจีนเริ่มติดต่อขอบินกลับเข้าประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเชื่อว่าหลังจากนี้การต้อนรับนักท่องเที่ยวก็จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยและสุขภาพของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น  ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ได้รับผลกระทบมาก แต่ ททท.จะช่วยอย่างเต็มที่ เริ่มจากการช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และย่อย และเป็นผู้ประสานงานเพื่อดูแลให้ผู้ประกอบการเข้าถึงมาตรการเยียวยาของรัฐได้ต่อไป โดยส่วนของ ททท.เองก็ได้ทำการปรับแนวทางการทำงานใหม่ตามแนวทางการบริหารงานของรัฐบาล โดยโฟกัสใน3 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ 1.ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบตั้งแต่ผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ยังตกค้างอยู่ 2.เตรียมความพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ และ 3.สนับสนุนรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา: https://www.prachachat.net/tourism/news-455435

โครงการรถไฟฟ้าลาว-จีนยังคงมีการก่อสร้างในสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19

แรงงานสปป.ลาวกว่า 30 คน กำลังก่อสร้างโครงการรถไฟลาว-จีนที่เกือบจะแล้วเสร็จซึ่งจะเชื่อมโยงสปป.ลาวกับประเทศจีน แต่จากการระบาดCOVID-19 ทำให้นายจ้างผู้รับเหมาที่เป็นชาวจีนต้องกลับประเทศทำให้แรงงานก่อสร้างได้เงินเดือนล่าช้าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับการได้เงินเดือนที่ล่าช้า ภาคการก่อสร้างเป็นส่วนที่รัฐบาลออกคำสั่งให้จำกัดจำนวนคนงานและกำหนดให้คนงานที่ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทำให้อุตสาหกรรมบางแห่งหยุดทำงานอย่างไรก็ตามภาคการก่อสร้างได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปแม้ว่าจะมีคนงานน้อยลงโครงการดังกล่าวขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ 90% ได้รับการคาดการณ์ว่าจะทำให้ภาคธุรกิจลดต้นทุนการส่งออกได้ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/railway-workers-04212020175011.html

เวียดนามส่งสัญญาฟื้นตัว จากการส่งออกสินค้าประมงไปยังจีน

เวียดนามส่งออกปลาสวายไปยังจีน มูลค่าราว 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งเดือนแรกมีนาคม ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ นับว่าเป็นสัญญาที่ดีในการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าประมงของเวียดนามไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) ระบุว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้ากุ้งและปลาสวายจากจีนที่กลับมาสั่งซื้อตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และคาดว่าการส่งออกปลาสวายของเวียดนามไปยังจีน อาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 40-50 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมถึงคาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสจะสามารถควบคุมในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยการผลิตจะกลับมาเป็นปกติในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ เกาหลีใต้เป็นตลาดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของสินค้าเวียดนามและได้ส่งสัญญาว่าความต้องการจะกลับมาฟื้นตัวในไม่ช้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/aquatic-exports-to-china-shows-sign-of-recovery/172015.vnp

เวียดนามส่งออกข้าวพุ่งไปยังจีน ในไตรมาสแรก

จากรายงานของสำนักงานศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกข้าวไปยังจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปริมาณส่งออก 162,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของปริมาณการส่งออกรวม โดยเฉพาะที่จีนนำเข้าข้าวจากเวียดนามส่งผลให้ราคาซื้อสูงสุด ปัจจุบันราคาส่งออกข้าวไปยังจีนเฉลี่ยอยู่ที่ 12.7 ล้านด่องต่อตัน เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 ล้านด่องต่อตัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นผลมาจากราคาข้าวนำเข้าของเพื่อนบ้านทางตอนเหนือสูงกว่าฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้บริโภคข้าวเวียดนามรายใหญ่ ทั้งนี้ ยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของเวียดนาม เนื่องจากจีนเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/exports-of-rice-to-china-skyrocket-in-q1-412752.vov

เวียดนามเล็งผลักดันช่องทางค้าสินค้าเกษตรไปยังจีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม ณ กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 16 เมษายน เพื่อหาช่องทางการค้าสินค้าเกษตรระหว่าง 2 ประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการค้าของภาคเกษตร ป่าไม้และประมง ระหว่างเวียดนามและจีน ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในช่วงเดือนแรกของปีนี้ จีนได้อนุมัตินำเข้าผักผลไม้ 9 รายการจากเวียดนาม และยังมีสินค้าเกษตรอีก 8 รายการที่กำลังดำเนินตามขั้นตอนอยู่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ ระบุเสริมว่าหวังว่าขั้นตอนการดำเนินงานนั้นจะเป็นไปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนมากขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้จีนขยายเวลาทำงานของสำนักงานศุลกากร เพียงแค่ 5-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ เวียดนามและจีนควรจะหาแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโวรัส ด้วยระดับความร่วมมือของรัฐบาลและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-china-seek-ways-to-push-agriculture-trade/171849.vnp