เวียดนามเผยไตรมาสแรก เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ พุ่ง 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลเวียดนาม เผยว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนใหญ่จะลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป 49.6% ในขณะที่ 38.9% จะลงทุนในภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อีกทั้ง สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ของเวียดนาม รองลงมาญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

  ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20210328/vietnam-sees-foreign-investment-rise-to-41-billion-in-first-quarter/60008.html

โฮจิมินห์ซิตี้: ยอดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 337.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำนักงานวางแผนและการลงทุนประจำเมือง ระบุว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มียอดเงินลงทุนสูงสุด ด้วยมูลค่า 145.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 43% ของเงินลงทุนรวม รองลงมาโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (57.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) และอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป (41 ล้านเหรียญสหรัฐ) ทั้งนี้ เมืองโฮจิมินห์ถือเป็นศูนย์กลางดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ แต่เมื่อประเมินในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. พบว่ามีจำนวนเพียง 3 โครงการ เป็นมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทเวียดนาม กว่า 169.5 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/890438/viet-nam-racks-up-129-billion-in-trade-surplus-in-two-months.html

UMFCCI คาดปีงบฯ นี้ จีน รั้งประเทศลงทุนอันดับต้นๆ ในเมียนมา

จากข้อมูลของสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา(UMFCCI) ปีงบประมาณ 63-64 นักลงทุนจากจีนจะเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจะมุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) จีนลงทุนกว่า 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 375 ธุรกิจในเมียนมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 59-60  นอกจากจีนแล้วประเทศที่มีศักยภาพน่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ กระตือรือร้นที่จะเร่งการลงทุนโครงการปัจจุบันของจีนบางส่วนในประเทศหลังจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนในภาคพลังงาน โทรคมนาคม การท่องเที่ยว และการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในปี 63-64 เมียนมาตั้งเป้าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไว้ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 64-65 โดยมีเป้าหมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนในภาคเกษตรกรรม การประมง อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-forecast-be-top-myanmar-investor-fiscal-year-umfcci.html

“สุพัฒนพงษ์” ชี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ลั่นปี’64 ปั๊มเศรษฐกิจเชิงรุก

“สุพัฒนพงษ์” ยิ้มรับ จีดีพี ไตรมาส 3 ฟื้นตัว มั่นใจไตรมาส 4 ดีขึ้นตามลำดับ ประชาชนให้ความร่วมมือตามนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยวในประเทศ ลั่น ปี’64 ปีแห่งการลงทุน เร่งแผนปั๊มเศรษฐกิจเชิงรุก ลุยดึงดูดการลงทุนต่างชาติ วันที่ 16 พ.ย. 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้แถลงตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ – 6.4% นั้นเป็นการประเมินจากสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ และจะส่งผลให้ไตรมาส 4 ดีขึ้นตามลำดับและตามซีซั่น พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า ปี2563 จะอยู่ที่ -6.7% จากเดิมที่หลายฝ่ายประเมินว่าอาจติดลบ 9-12% โดยถือว่าอยู่ในระดับดี เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และกรณีความกังวลงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐปี64 จะต้องได้ 98% ของงบประมาณรายจ่ายนั้น มองว่า รัฐบาลต้องเร่งรัดประคองรายได้จากภาคการท่องเที่ยว กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และส่งออก อย่างไรก็ตาม ปีหน้า 2564 รัฐบาลจะเริ่มเปิดประเทศ โดยพิจารณาอย่างรอบคอบตามมาตรการป้องกัน ควบคุมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งตั้งเป้าว่า ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการดึงดูดการลงทุน ปฎิบัติตามแผนทำงานในเชิงรุก ประกอบกับการที่ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดการลงทุน เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศขยายตัวได้ดีขึ้น เร็วขึ้น ทั้งนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเป็นสิ่งสำคัญด้วย ” เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีนี้ ยิ่งประชาชนให้ความร่วมมือร่วมขับเคลื่อนโครงการต่างๆตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาบ้าง ยิ่งส่งผลดี อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ช่วงปลายปีนี้ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และปีหน้าจะเริ่มแผนเชิงรุกเพื่อดึงดูดลงทุนต่างชาติ”

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-556760

กัมพูชามองหาการลงทุนจากไทยเพิ่มขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาขอให้ไทยช่วยผลักดันการลงทุนของไทยในกัมพูชามากขึ้น โดยปีนี้ครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งมีการค้าทวิภาคีที่แข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยกัมพูชาได้เสนอไทยให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งการค้าข้ามพรมแดน เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งรัฐมนตรีจากทั้งสองแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพอันยาวนาน ซึ่งหลังจากการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีทั้งสองประเทศทางกัมพูชายังขอให้ไทยอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ถือบัตรผ่านแดนและแรงงานภายใต้ MoU กลับเข้าทำงานภายในไทยได้ตามปกติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50769628/cambodia-seeks-more-thai-investments/

เวียดนามเผยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังเป็นเป้าสำคัญของเงินทุนจากต่างชาติ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ระบุว่าปริมาณเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามายังเวียดนาม ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 ก.ย. อยู่ที่ 21.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนเงินทุนดังกล่าว มาจากการเบิกจ่ายของนักลงทุนต่างชาติ 13.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ 1,947 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 10.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.6 ในแง่ของมูลค่า และร้อยละ 29.4 ในแง่ของจำนวนโครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นที่สนใจมากที่สุดของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยมูลค่า 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.6 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า, ภาคอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ นอกจากนี้ ในบรรดา 111 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนมายังเวียดนาม พบว่าสิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาเกาหลีใต้, จีน, ญี่ปุ่น, ไทยและไต้หวัน เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-capital-still-heads-to-manufacturing-processing/187665.vnp

บั๊กนิญดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ 119 โครงการ ในช่วงเดือนม.ค.-สิ.ค.

สำนักงานสถิติประจำจังหวัด ระบุว่าจังหวัดบั๊กนิญ (ภาคเหนือ) มีโครงการลงทุนใหม่จากต่างชาติ 119 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 334.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติและในประเทศ ทางจ.บั๊กนิญ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วยการใช้ที่ดินน้อย, แรงงานจำนวนน้อย, อัตราการลงทุนที่อยู่ในระดับสูง, งบประมาณและเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งนี้ ในจำนวน 1,331 โครงการ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมและแปรรูป คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83 ของยอดลงทุนทั้งหมด มาจากเกาหลีใต้ 1,205 โครงการ ตามมาด้วยจีน 112 โครงการและญี่ปุ่น 86 โครงการ นอกจากนั้น กลไกการให้สิทธิพิเศษและนโยบายของรัฐ ทำให้ทางจังหวัดดังกล่าวเสนอความคิดริเริ่ม เพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตอุตสาหกรรมและการลงทุน ณ ที่เดียว ผ่านการทำธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ ซัมซุง แคนนอนและฟ็อกซ์คอนน์

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/772036/bac-ninh-attracts-119-foreign-invested-projects-in-january-august.html

การพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมของเกาหลีเริ่มธันวาคม 63

จากข้อมูลของ Korea Land and Housing Corporation จากเกาหลีใต้โครงการ Construction of the Korea-Myanmar Industrial Complex (KMIC) คาดว่าจะสร้างด้วยการลงทุนมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ สามารถสร้างงานให้ชาวเมียนมามากกว่าครึ่งล้านคนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของเมียนมา KMIC เป็นโครงการระดับรัฐบาลซึ่งเป็นโครงการแรกระหว่างสองประเทศ ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง Korea Land and Housing Corp, Global SAE-A Co Ltd และกระทรวงการก่อสร้างจะได้รับการพัฒนาบนพื้นที่ 556 เอเคอร์ในหมู่บ้านญองเนาบีน ในเมืองแลกูของย่างกุ้ง Korea Land & Housing Corporation จะถือหุ้นร้อยละ 40 ในโครงการในขณะที่ Global SAE-A Co จะถือหุ้นร้อยละ 20 เฟสแรกจะดำเนินการบนพื้นที่ 315 เอเคอร์ โดยเกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การผลิตแบบสั่งตัด (CMP) โลจิสติกส์และคลังสินค้า เฟสที่สองจะมีพื้นที่ 240 เอเคอร์ เน้นใช้ผลิตวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ โดยเขตอุตสาหกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 ในขณะเดียวกันกระทรวงการก่อสร้างจะพัฒนาถนนวงแหวนรอบนอกและจัดหาไฟฟ้าและน้ำเข้าเพื่อให้ถึงเขตอุตสาหกรรมด้วยเงินกู้ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับเงินทุนแล้ว 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ KMIC จะร่วมมือกับสถาบันของรัฐบาลเกาหลีเพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ด้วยบริการให้คำปรึกษาและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และจะร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อดำเนินการศูนย์บริการแบบครบวงจรสำหรับนักลงทุนอีกด้วย ขณะเดียวกันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างสะพานดาหลาในย่างกุ้งเพื่อให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้แม้จะจะมีการระบาดของ COVID-19 ก็ตาม สะพานแห่งนี้หรือที่เรียกว่าสะพานมิตรภาพเมียนมา – เกาหลีคาดว่าจะมีมูลค่า 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (257 พันล้านจัต) จะเชื่อมระหว่างเมืองดาลาข้ามแม่น้ำย่างกุ้งไปยังตัวเมืองย่างกุ้งเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 62 และมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 65

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/development-korean-industrial-project-begin-december.html

กัมพูชาผลักดันการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ

Century 21 Zillion Holding บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในกัมพูชา ซึ่งเป็นธุรกิจแฟรนไชส์จากสหรัฐอเมริกา ได้ผลักดันการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาด้วยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยจังหวัดพระสีหนุได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดแรกในการจัดฝึกอบรมเพื่อสร้างงานและโอกาสด้านการลงทุนสำหรับตลาดที่ดินทั่วประเทศกัมพูชา ซึ่งประธานสมาคมผู้ประเมินราคาและนายหน้าของกัมพูชา (CVEA) กล่าวว่าสีหนุวิลล์ถือเป็นเสาหลักเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากพนมเปญ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตอย่างมาก แต่จากรายงานของ CBRE แสดงให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ได้รับผลกระทบอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 โดยกัมพูชายังเห็นการลดลงของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคอสังหาริมทรัพย์ร่วมด้วย ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ซึ่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติไหลเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงร้อยละ 24

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50749319/push-to-develop-property-sector/

เวียดนามเผยม.ค.-ก.ค. ดึงดูดเม็ดเงิน FDI ลดลง 6.9% (18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่า 18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมี 526 โครงการที่ได้รับอนุญาตใหม่ ยอดการลงทุนที่เป็นการลงทุนเพิ่มในโครงการที่มีอยู่ปัจจุบัน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีนักลงทุนต่างชาติ 4,459 รายที่เข้ามาลงทุนและซื้อหุ้น มูลค่าราว 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเกือบร้อยละ 55 ของยอดทั้งหมด ขณะที่ ร้อยละ 28.8 ก๊าซ น้ำและจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ การลงทุน FDI ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม, ภาค FDI คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของยอดส่งออกทั้งประเทศ

ที่มา : https://e.nhipcaudautu.vn/economy/vietnams-jan-jul-pledged-fdi-drops-69-to-1882bln-3336300/