การส่งออกสินค้าการท่องเที่ยวของกัมพูชามูลค่าเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562

สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในกัมพูชา (GMAC) กล่าวว่าการส่งออกสินค้าการท่องเที่ยวของกัมพูชาไปทั่วโลกมีมูลค่าเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 โดยเริ่มจากฐานที่ต่ำอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็นประมาณ 80% ของการส่งออกทั้งหมดของสินค้าด้านการท่องเที่ยว โดยการเติบโตของการส่งออกนี้เป็นผลมาจากความพยายามร่วมกันของกระทรวงพาณิชย์ (MOC) และ GMAC ไปยังรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งส่งผลให้มีการทบทวนสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ของสหรัฐในปี 2559 รวมถึงได้พิจารณารายการสินค้าด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในรายการที่มีคุณสมบัติภายใต้ขอตกลง GSP เพื่อการส่งออกไปยังสหัรฐ ซึ่งกัมพูชามีการส่งออกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าด้านการท่องเที่ยวมีมูลค่ารวม 9,325 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50702636/travel-goods-exports-from-cambodia-exceeded-1-2-billion-in-2019/

สปป.ลาวกำลังขยายสนามบินในแขวงบ่อแก้วเพื่อรองรับการท่องเที่ยว

โครงการขยายสนามบินห้วยทรายที่มูลค่าการลงทุนกว่า 149 พันล้านกีบ ในแขวงบ่อแก้วมีความคืบหน้าของโครงการไปแล้วกว่า 50 % และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนในปีนี้ รัฐบาลสปป.ลาวคาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวมายังห้วยทรายมากขึ้นในปีนี้ โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะถนนและการเชื่อมต่อทางอากาศเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นทำให้ต้องมีการขยายสนามบินเพื่อรองรับความต้องการด้านการขนส่งในภูมิภาคและรองรับการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนงานโครงการที่จะมีการขยายรันเวย์ พื้นที่จอดเครื่องบินเครื่องบิน อาคารผู้โดยสารและลานจอดรถ โดยเมื่อรันเวย์เสร็จแล้วเครื่องบิน ATR จะสามารถลงจอดได้ที่นี่ทำให้มีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น โครงการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างแขวงบ่อแก้วมีการขยายตัวรวมถึงระดับประเทศที่จะทำให้มีนักท่องเที่ยวมามากขึ้นส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของสปป.ลาวให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ปัจจุบัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Huayxai.php

ADB เตือนภาคการท่องเที่ยวกัมพูชาอาจจะเสียหายเป็นอย่างมากจากการแพร่ของไวรัส

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) กล่าวถึงการระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนาในเอเชีย โดยในการวิเคราะห์ล่าสุดของ ADB กล่าวว่าจะมีการลดลงอย่างมากของอุปสงค์ในประเทศ เช่นการท่องเที่ยวและการค้ารวมถึงการหยุดชะงักอย่างรุนแรงในการเชื่อมโยงการผลิตและซัพพลายเชน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกัมพูชา ADB ประมาณการว่ารายรับจากการท่องเที่ยวของกัมพูชาอาจลดลงเหลือ 856.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ภาคดังกล่าวสร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคิดเป็น 12% ของจีดีพี อย่างไรก็ตามในปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ากัมพูชาจะประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 1 ล้านคนส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง 10% โดยการท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาหลายแห่งในเอเชีย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699917/tourism-sector-to-lose-over-850-million-warns-the-adb

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของสปป.ลาว ต้องการความช่วยเหลือจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเรียกร้องให้ภาครัฐฯช่วยเหลือและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์การค้าที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งตัวแทนของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน การท่องเที่ยว เป็นต้น ได้มารวมตัวกันที่กรุงเวียงจันทร์เมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการหาวิธีแก้ไขต่อสถานการณ์ไวรัสดังกล่าว ทั้งนี้ การประชุมหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติสปป.ลาว ได้เสนอประเด็นต่างๆ ในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปัจจุบัน รวมถึงการลด/เลื่อนการชำระภาษี และให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะดึงดูดลูกค้าผ่านการโปรโมตกลุ่มเป้าหมายในประเทศ ภายใต้ชื่อ “ลาวช่วยลาว” นอกจากนี้ จากตัวเลขการท่องเที่ยวในปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาสปป.ลาว มากกว่า 1 ล้านคน แต่ในปัจจุบันรัฐบาลจีนได้สั่งห้ามบริษัททัวร์จีนไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจท้องถิ่นสปป.ลาว สูญเสียรายได้ราว 20-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-tourism-industry-seeks-help-wake-covid-19-slump-115095

กัมพูชามองถึงการเติบโตด้านการท่องเที่ยวหลังสิ้นสุดการระบาด Covid-19

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากสิ้นสุดการระบาดของ COVID-19 โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการแนะนำมาตรการและแผนงานเพื่อฟื้นฟูภาคต่างๆโดยเฉพาะในจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชา ซึ่งในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในกัมพูชาลดลงถึง 15% เมื่อปีที่แล้วภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาเติบโตถึง 6.6% คิดเป็น 6.6 ล้านคน โดยมีรายรับจากภาคการท่องเที่ยวถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวคือ COVID-19 จะลดจำนวนนักท่องเที่ยวลงในปีนี้ประมาณไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนและรัฐมนตรีต่างประเทศของกระทรวงการท่องเที่ยวเรียกร้องให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นเพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50698040/cambodia-optimistic-of-exponential-tourism-growth-and-foreign-arrivals-after-end-of-covid-19

ประภาศรี สุฉันทบุตรแนะรัฐบาลตั้งวอร์มรูมเศรษฐกิจออกมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว

นางประภาศรี สุฉันทบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง วุฒิสภา เปิดเผยว่า รู้สึกเห็นใจ ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์ที่ต้องตกงานไม่น้อยกว่า 30,000 คน จากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนระงับการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเมื่อวันที่29ก.พ.ที่ผ่านมา สมาพันธ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย จัดประชุมมัคคุเทศก์ที่จังหวัดกระบี่ มีการสะท้อนปัญหาการยกเลิกทัวร์จากจีนเกือบทั้งหมดจะหวังพึ่งนักท่องเที่ยวจากยุโรปหรือเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว มาเลเซีย เวียดนามหรือกัมพูชาก็ไม่ผลเพราะได้รับผลจากโควิด-19เช่นกัน ส่งผลให้ มัคคุเทศก์ ไม่มีงานทำแนะรัฐบาลตั้งวอร์มรูมเศรษฐกิจออกมาตรการช่วยเหลือด่วนในช่วงที่เกิดวิกฤตแบบนี้

ที่มา : https://mgronline.com

กัมพูชาลดหย่อนภาษีเงินได้ 4 เดือนสำหรับโรงแรมและเกสต์เฮ้าส์ในเสียมเรียบ

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนประกาศเมื่อวานนี้ว่าโรงแรมและเกสต์เฮาส์ที่จดทะเบียนทั้งหมดในเสียมเรียบจะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจที่กำลังประสบกับปัญหาผู้เข้าพักลดลงเนื่องจากการแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนาที่รู้จักกันในชื่อ Covid-19 ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคการท่องเที่ยวในเสียมเรียบ โดย Covid-19 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการท่องเที่ยวในกัมพูชาโดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมากัมพูชาในเดือนนี้ลดลงประมาณ 60% และโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงไปกว่า 90% ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือธุรกิจการท่องเที่ยวในเสียมเรียบ ซึ่งมาตรการดังกล่าวตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้โรงแรมและเกสต์เฮาส์ดำเนินงานต่อไปได้ โดยรักษาตำแหน่งงานและความสามารถในการแข่งขันไว้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50694704/four-month-tax-break-for-hotels-and-guesthouses-in-siem-reap

การส่งออกการ์เม้นท์และสินค้าด้านการท่องเที่ยวกัมพูชามีมูลค่าถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้า,รองเท้าและสินค้าด้านการท่องเที่ยวมูลค่ากว่า 9.35 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมของกัมพูชา โดยรายงานดังกล่าวได้เผยแพร่ในการประชุมประจำปีเพื่อทบทวนและกำหนดวัตถุประสงค์สำหรับปี 2563 ซึ่งรายงานระบุว่ามีโรงงานกว่า 1,069 แห่ง ในปีที่แล้วซึ่งมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและสิ่งทอประกอบด้วย 823 แห่ง โรงงานสินค้าด้านการท่องเที่ยว 114 และโรงงานรองเท้า 132 แห่ง มีการจ้างแรงงานรวมกัน 923,313 คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวในการกล่าวเปิดงานว่ากระทรวงกำลังทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนในอุตสาหกรรมและจัดหาสินค้า รวมถึงบริการที่ดีขึ้น ซึ่งเป้าหมายของกระทรวงคือการช่วยให้ภาคเอกชนมีความก้าวหน้าซึ่งก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าแห่งกัมพูชา (GMAC) การส่งออกสินค้าเสื้อผ้าและสินค้าด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาคิดเป็น 75% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของกัมพูชาและ 90% ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปซึ่งเป็นผู้ซื้อเสื้อผ้ากัมพูชารายใหญ่ที่สุด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50692028/garment-footwear-and-travel-goods-exports-valued-at-9-3-billion

สปป.ลาว, ญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงเรื่องพัฒนาการท่องเที่ยวในหลวงน้ำทา

Luangpaseuth Corporation ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกลุ่ม Chodai จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อโครงการการท่องเที่ยวและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน โดยแขวงหลวงน้ำทามีชายแดนการค้าสำคัญกับจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย คุณสมบัติเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาภาคส่วนที่สำคัญของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคที่สำคัญของสปป.ลาวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงนามดังกล่าวจะทำให้มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนแก่สปป.ลาวต่อไป

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-japan-ink-deal-tourism-development-luang-namtha-113704

การเติบโตของการท่องเที่ยวสปป.ลาว

กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยตัวเลข การท่องเที่ยวล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสปป.ลาวในปี 62 มีมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเยอะที่สุด 4.7 ล้านคนเพิ่มขึ้น 14.44% จากปี 2561 Mr Soun Manivong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดการท่องเที่ยวกล่าวว่าส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามาจาก แคมเปญเยี่ยมชมปีลาว – ​​จีนซึ่งได้รับความร่วมมือจากจีนเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือมาเที่ยว สปป.ลาวมากขึ้น ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มวางแผนการสำหรับการที่จะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในปี 63 โดยจะมีการดำเนินการในเรื่องการให้บริการที่ดีขึ้นทั้งด้านสถานทีท่องเที่ยวและความสะดวกสบายสำหรับการข้ามพรมแดน นอกจากนี้การรักษาระดับของค่าเงินกีบให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและนำแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี63 โดยรัฐบาลหวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_17.php