ธนาคาร SME อนุมัติ 2.3 ล้านดอลลาร์

SME Co-Financing Scheme (SCFS) ได้อนุมัติคำร้องขอกู้ยืมเงินจำนวน 13 ฉบับ โดยมีมูลค่าการอนุมัติของสินเชื่อรวม 2.338 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SME Bank แห่งกัมพูชากล่าวว่าการเบิกจ่ายทั้งหมดมีมูลค่า 1.908 ล้านดอลลาร์และคาดว่าจะมีการเบิกถอนเงินอีกจำนวน 4.3 แสนดอลลาร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยปล่อยเงินกู้ยืมให้แก่ธุรกิจและกิจกรรมภายในประเทศหลายภาคส่วน เช่นการผลิตและการแปรรูปอาหาร, การผลิตสินค้าสำหรับภาคการท่องเที่ยว, การผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป, อะไหล่หรือชิ้นส่วนประกอบ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งโครงการ Co-Financing SME ของรัฐบาลมีวัตถุประสงค์ในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนและพัฒนา SMEs ท้องถิ่นในภาคต่างๆ ซึ่ง SMEs สามารถยืมเงินทุนหมุนเวียน 2 แสนดอลลาร์ และสำหรับเงินลงทุน 3 แสนดอลลาร์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกินร้อยละ 7 ต่อปี ระยะเวลาการชำระคืน 7 ปีและหลักประกันขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของ PFI แต่ละรายการ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50734391/2-3-million-approved-by-sme-bank/

JICA ปรับโครงสร้างสินเชื่อเพิ่มช่องทางระดมทุนให้ธุรกิจ SMEs

กระทรวงการวางแผนการเงินและอุตสาหกรรม (MOPFI) และสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ร่วมตั้งกองทุน 64 พันล้านจัตให้กับธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ของเมียนมาซึ่งได้รับผลกระทบเชิงจาก COVID – 19 ภายใต้โครงการฉุกเฉิน JICA โดยดำเนินการผ่าน Myanma Economic Bank และธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวนเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 300 ล้านจัต อัตราดอกเบี้ยรายปี 5.5% ถึง 10 % ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้กู้ในการจัดหาหลักประกัน ระยะเวลาเงินกู้จะแตกต่างจากสามปีถึงห้าปี สินเชื่อในระยะ 3 ปี จะมีระยะเวลาผ่อนผัน 6 เดือนและสินเชื่อตั้งแต่สามปีถึงห้าปีจะได้ระยะเวลาผ่อนผันสูงสุดถึงหนึ่งปี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/jica-restructures-loan-program-channel-more-funds-needy-smes.html

ภาคอุตสาหกรรมในกัมพูชายังคงเรียกร้องให้มีการสนับสนุนทางเศรษฐกิจต่อไป

ผู้สนับสนุนธุรกิจยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป ในระหว่างและหลังการระบาดของ COVID-19 ผ่านการปล่อยสินเชื่อในหลายแบบและนโยบายใหม่เพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้นในกัมพูชา โดยการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลประกาศแผนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับธุรกิจในภาคการผลิตการเกษตร การค้าและภาคบริการตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งบริษัทในภาคส่วนนี้จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่ใช้และคาดว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 25% โดยผู้นำในอุตสาหกรรมได้เรียกร้องให้รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และส่งเสริมให้กัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ประกอบการ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและผลประโยชน์สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2563 ของกัมพูชาจะหดตัว -1.7% ในปีนี้สอดคล้องกับการหดตัวทั่วโลกที่ -3.0%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50726929/industry-leaders-continue-to-call-for-further-economic-support/

เวียดนาม คาดสินเชื่อปี 63 โต 9-10%

การเติบโตสินเชื่ออาจโตเพียงร้อยละ 9-10 ในปีนี้ หากเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 13 ถึงแม้ว่ามีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไปได้ในทิศทางที่ดี ตามข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ โดยอัตราการเติบโตจะต่ำกว่าที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ร้อยละ 11-14 ในปีนี้ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า กล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของธนาคารกลางเวียดนามไว้ที่ระดับ 0.5 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อาจไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อของธุรกิจ ซึ่งการลดลงดังกล่าวจะมีผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบธนาคารและอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจมากกว่าเมื่อเทียบกับการตัดดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะสั้นจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ลดต้นทุนแก่ธนาคารอย่างมีนัยสำคัญและสนับสนุนให้ธุรกิจขยายการชำระหนี้สินและการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็คาม อัตราดอกเบี้ยข้างต้นปรับตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคยังคงอยู่ในวงจำกัด ทำให้ธุรกิจไม่กู้ยืมแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม

ที่มา :https://en.vietnamplus.vn/credit-growth-forecast-to-slow-to-910-percent-in-2020/173671.vnp

สินเชื่อในกัมพูชาพุ่งสูงขึ้น

สำนักงานสินเชื่อกัมพูชา (CBC) รายงานว่ายอดสินเชื่อรวมในไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ 28.4 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขึ้น 30% ในการเบิกจ่ายใหม่ มีการขยายตัวเล็กน้อยที่ 3.3% ในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยสัดส่วนในการให้สินเชื่อยังคงเหมือนเดิมกับสินเชื่อธุรกิจที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายมากที่สุด รองลงมาคือสินเชื่อส่วนบุคคลและการจำนอง ยอดสินเชื่อจำนองคงค้างรวมอยู่ที่ 4.23 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2562 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม PRASAC มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3.28 พันล้านดอลลาร์และมีพอร์ตสินเชื่อ 2.72 พันล้านดอลลาร์กับผู้กู้ 421,374 ราย ซึ่งพอร์ตสินเชื่อของ PRASAC เติบโตขึ้น 8% จาก 2.501 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคมเป็น 2.725 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 มีนาคมขณะที่เงินฝากขยายตัวประมาณ 2.25% จาก 1.778 พันล้านดอลลาร์เป็น 1.828 พันล้านดอลลาร์ ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.36% เป็น 0.48% เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50722002/loans-in-kingdom-soaring/

รัฐบาลออกมาตราการช่วยเหลือแรงงานและภาคธุรกิจจากผลกระทบ COVID-19

พนักงานที่เป็นสมาชิกของโครงการประกันสังคมของธุรกิจจะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 500,000 กีบเป็นระยะเวลาสองเดือนในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 จัดทำโดยกองทุนประกันสังคมแห่งชาติ (NSSF) การจ่ายเงินจะทำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานในขณะนี้หลังจากที่โรงงานได้รับคำสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราว ทำให้แรงงานอย่างน้อย 551,200 คนหรือประมาณ 70% ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรมว่างงานและต้องความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังเรียกร้องรัฐบาลขอให้ธนาคารขยายระยะเวลาการชำระคืนสำหรับสินเชื่อและดอกเบี้ยรวมถึงกองทุนกู้เงินฉุกเฉินแบบด่วนสำหรับธุรกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID ในสปป.ลาวมีแนวโน้มดีขึ้นและคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt75.php

การลงทุนของเกาหลีใต้ในเมียนมาหยุดชะงักจากการระบาดของ COVID-19

ข้อมูลจากเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้กล่าวว่าการให้สินเชื่อและโครงการที่ดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างประเทศเกาหลีและแผนการลงทุนของบริษัทเกาหลีถูกระงับหรือเลื่อนออกไปจากวิกฤตทั่วโลก เศรษฐกิจเมียนมาอาจมีผลกระทบอย่างมากและต้องใช้เวลาอีกนานกว่าวิกฤติจะหยุดลง หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลเกาหลีจะทำการช่วยเหลือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แผนการลงทุนจะได้รับผลกระทบแต่การค้าทวิภาคีจะยังคงดำเนินต่อไป เกาหลีใต้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับต้น ๆ ที่ลงทุนในเมียนมา และคิดเป็นตัวเลขการลงทุนสะสมจากประเทศเอเชียตะวันออกถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนมีนาคม 2563 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2562-2563 การค้าทวิภาคีมีมูลค่าสูงกว่า 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีมูลค่าการส่งออก 178 ล้านดอลลาร์และนำเข้า 158 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/south-korean-investments-myanmar-halted-pandemic.html

การเติบโตที่แข็งแกร่งของสถาบันทางการเงินรายย่อยที่จดทะเบียนใน CSX

Hattha Kaksekar Ltd และ บริษัท LOLC กัมพูชา จำกัด (มหาชน) ทั้งสองบริษัทได้รายงานการเติบโตของผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีที่แล้วตามรายงานประจำปีที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ท้องถิ่น โดย LOLC กัมพูชารายงานการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ 61% และยอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 95% ซึ่งรวมถึงผู้กู้ที่เพิ่มขึ้น 25% และผู้ฝากเงินเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้บริษัทกล่าวว่าได้รับส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10.6% โดย LOLC กำลังมองหาวิธีที่จะเติบโตผ่านกลยุทธ์ของการขยายจำนวนผู้กู้และปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อโดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก ส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hattha Kaksekar Ltd (HKL) กล่าวว่าบริษัทของเขาวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้พร้อมประกาศแผนการเปลี่ยนบริษัทจากสถาบันรับฝากเงินรายย่อยสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยในเดือนตุลาคมปีที่แล้วธนาคารแห่งชาติกัมพูชาอนุมัติคำขอของบริษัทในการเพิ่มทุนจาก 75 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 115 ล้านเหรียญสหรัฐ จากรายงานประจำปีพอร์ตสินเชื่อของ HKL สูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐและยอดเงินฝากมีมูลค่า 599 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขา 177 สาขาและตู้เอทีเอ็ม 137 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50710321/csx-listed-microfinance-institutions-record-a-very-strong-yearly-growth/

ผู้อำนวยการ NBC กล่าวถึงสกุลเงินเรียลและดอลลาร์ในช่วง Covid-19

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้เรียกร้องให้สาธารณชนเพิ่มการใช้สกุลเงิน riels เพื่อช่วยให้ธนาคารกลางใช้สกุลเงินท้องถิ่นของประเทศเป็นเครื่องมือในการกำหนดมูลค่าและอัตราดอกเบี้ยให้มีเสถียรภาพในตลาดในช่วงวิกฤตการณ์ COVID-19 โดยทั่วไปเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นให้สถาบันสินเชื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้การปล่อยสินเชื่อภาครัฐในอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง นี่คือสาเหตุที่ธนาคารกลางเสนอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนให้ชาวกัมพูชานำเงินออกไปใช้ในระบบให้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีนโยบายเหล่านี้สินเชื่อบนสกุลเงิน riels ได้ลดลงจาก 25% ในปี 2559 เหลือ 10% ในปี 2563

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50710320/nbc-director-general-explains-economics-of-riels-and-dollars-during-the-covid-19-crisis/

รัฐบาลเมียนมาเตรียมสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในการจัดการผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของ COVID-19 ได้ออกแถลงการณ์ว่าภาคเศรษฐกิจจะให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำฉุกเฉินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเน้นไปที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม โรงแรมและธุรกิจการท่องเที่ยว และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะได้รับสิทธิพิเศษในการกู้ยืมเงิน สินเชื่อมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 สำหรับธุรกิจในหมวดหมู่นี้จะถูกเบิกจ่ายจากกองทุนจำนวน 100 พันล้านจัต ที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาล แบ่งออกเป็นทุนหมุนเวียน 50 พันล้านจัตและกองทุนสวัสดิการสังคม 50 พันล้านจัต ซึ่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 จะให้กู้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ผู้สมัครสินเชื่อต้องแสดงให้เห็นว่ามีการสร้างรายได้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาและมีความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ หากไม่สามารถชำระคืนเงินกู้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สามารถสมัครได้ระหว่างวันที่ 30 มีนาคมถึง 9 เมษายน สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) ประกาศว่าบริษัทจะร่วมมือกับรัฐบาลในการตอบสนองต่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและช่วยให้ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในการขอสินเชื่อรัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการด้วยว่าจะมีการยกเลิกภาษีล่วงหน้า 2% สำหรับการส่งออกจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2562-2563

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govt-announces-priority-sectors-emergency-loans-myanmar.html