แนวโน้มศก.เวียดนาม ครึ่งหลังปี 66 มีทิศทางในเชิงบวก

องค์กรระหว่างประเทศและสื่อ ยังคงประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม มีทิศทางไปในเชิงบวกเป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ตามเว็บไซต์ Fibre2fashion ของสหรัฐได้อ้างรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์ (DBS) ระบุว่าถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตช้าลง แต่เศรษฐกิจเวียดนามก็สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าหลายๆประเทศทั่วโลก และยังเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 4.5% ของธนาคารกลางเวียดนาม ในขณะเดียวกัน  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 7% ในช่วงครึ่งปีหลัง

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/commodities/vietnam-aims-raise-annual-raw-rare-earths-output-2-mln-tyr-by-2030-2023-07-25/

‘นายกฯ’ เรียกร้องให้ธุรกิจสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในเวียดนาม

นางเซิ่ง เถา (Sheng Thao) นายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์ และคณะผู้แทนของรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้าร่วมหารือกับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ระหว่างการเยือนเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเวียดนามและเมืองโอ๊คแลนด์ รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าและความร่วมมือทางทะเลระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นหุ้นส่วนท้องถิ่นรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีผู้ประกอบการกว่า 100 รายที่มีโครงการลงทุนในประเทศ พร้อมกับธุรกิจเวียดนามราว 70 รายที่ได้ก่อตั้งกิจการในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง นายกฯ เวียดนาม เสนอให้นายกเทศมนตรีเซิ่ง เถา และเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย พยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามต่อไป โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าและความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/pm-calls-for-u-s-businesses-to-invest-in-vietnam/

‘ชาวฟิลิปปินส์’ ใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565

จากรายงานสถิติประจำปี 2565 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศในอาเซียน มีการใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวในเวียดนาม เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้นจาก 1,124.7 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ขึ้นมาอยู่ที่ 2,257.8 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 รองลงมานักท่องเที่ยวชาวเบลเยียม 1,995.3 ดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และนอร์เวย ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรกในเวียดนาม ได้แก่ เนเธอแลนด์ 1,317.5 ดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยแคนาดา สหรัฐฯ และเยอรมนี เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/filipinos-biggest-spenders-in-vietnam-in-2022-report/262925.vnp

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าผลิตแร่แรร์เอิร์ธ 2 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573

สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่าเวียดนามมีเป้าหมายที่จะผลิตแร่หายาก (Rare Earth) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.02 ล้านตันต่อปี สำหรับแร่ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ โดยตั้งเป้าภายในปี 2573 แร่แรร์เอิร์ธหรือแร่หายากนั้นมาจากเหมือง 9 แห่งในจังหวัดภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ได้แก่ จังหวัดลายเจิว (Lai Chau), จังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) และจังหวัดเอียนบ๊าย (Yen Bai) ทั้งนี้ แร่แรร์เอิร์ธนับเป็นกลุ่มธาตุหายากที่มีการนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และแบตเตอรี่ ทำให้ธาตุเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่แหล่งพลังงานสะอาด นอกจากนี้  สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) เปิดเผยว่าเวียดนามมีปริมาณสำรองแร่แรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือคิดเป็นปริมาณ 22 ล้านตัน รองจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/commodities/vietnam-aims-raise-annual-raw-rare-earths-output-2-mln-tyr-by-2030-2023-07-25/

‘สหราชอาณาจักร’ ยอมรับเวียดนามเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด

สำนักงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (TRAV) ระบุว่าสหราชอาณาจักร (UK) พร้อมที่จะยอมรับว่าอุตสาหกรรมเวียดนามอยู่ในช่วงวางรากฐานของเศรษฐกิจระบบตลาด และจะไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เสียเปรียบ หากได้รับการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรการป้องกันทางการค้า ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ส่งผลให้เวียดนามเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ จำนวน 71 ประเทศ รวมถึงคู่ค้าสำคัญที่ผ่านการลงนามข้อตกลงการค้า และเมื่อเวียดนามได้รับการยอมรับว่าเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด ทำให้สินค้าของเวียดนามจะได้รับการปฎิบัติที่เป็นธรรมมากขึ้น และผู้ส่งออกจะสามารถเข้าถึงตลาดได้อีกจำนวนมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551526/uk-to-recognise-viet-nam-as-market-economy.html

‘จีน’ ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ของเวียดนาม

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของเวียดนาม มีมูลค่า 24.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในชวงครึ่งแรกของปีนี้ ลดลง 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของผลผลิตทางการเกษตรเวียดนาม ทั้งนี้ การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 32.9% และ 5.3% คิดเป็นสัดส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตร อยู่ที่ 20.2% และ 7.7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ ตามลำดับ

ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดจีน เพิ่มขึ้น 7.7% และคิดเป็นสัดส่วนราว 21% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวที่เป็นบวกในตลาดส่งออกสำคัญ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/china-becomes-top-buyer-of-vietnam-s-farm-produce-2167911.html