เดือนพ.ค. 65 เมียนมาส่งออกข้าวโพด 254,930 ตัน สร้างรายได้กว่า 79.58 ล้านดอลลาร์ฯ เข้าประเทศ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย เดือนพ.ค.2565 เมียนมาส่งออกข้าวโพดมากกว่า 254,930 ตัน ผ่านทางทะเลและชายแดน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 79.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปฟิลิปปินส์ ไทย และบังคลาเทศ โดยส่งออกไปไทยจำนวน 215,974 ตัน และจีน 695 ตัน ผ่านการค้าชายแดน เพิ่มขึ้น 191,180 ตัน (มูลค่า 59.632 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ปีการผลิต 2564-2565 (ต.ค.2564-ก.ย.2565) สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดของเมียนมา ตั้งเป้าส่งออกข้าวโพดประมาณ 2 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-79-58-mln-worth-of-254930-tonne-corn-to-foreign-markets-in-may/#article-title

 

ราคาถั่วแระมีแนวโน้มลดลงสวนทางกับราคาถั่วดำที่ราคาพุ่งขึ้น

ราคาถั่วแระและถั่วดำในตลาดย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมาราคาถั่วดำ อยู่ที่ 1,610,000 จัตต่อตันขณะที่ถั่วแระอยู่ที่ 1,410,000 จัตต่อตัน ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2565 ราคาถั่วดำพุ่งขึ้นเป็น 1,615,000 จัตต่อตันในขณะถั่วแระราคาลดลง 1,391,000 จัตต่อตัน ทำให้ราคาถั่วดำเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาถั่วแระที่ลดลง ซึ่งถั่วทั้ง 2 ชนิดส่วนใหญ่ส่งออกไปยังอินเดีย ในช่วงฤดูมรสุมของปี 2565 อินเดียได้หันปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลผลิตสูงแทนพืชตระกูลถั่ว เช่น อ้อย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ผู้ค้าถั่วชาวเมียนมา คาดว่าฤดูมรสุมนี้ผลผลิตถั่วของเมียนมาจะลดลง 5- 15% จะส่งผลให้ราคาถั่วแระเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/pigeon-pea-price-gets-downward-trends-than-black-grams/#article-title

กระแสน้ำกระทบราคาสินค้าประมงเมียนมาผันผวน

ราคาสินค้าประมงในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมักมีความผันผวน เช่น ราคาค่อนข้างถูกในช่วงน้ำหลากหรือน้ำท่วม และจะเพิ่มขึ้นในช่วงน้ำลง ซึ่งเป็นช่วงที่กุ้งและปลาจับมีให้จับค่อนข้างน้อย สินค้าประมงที่จับได้จะถูกส่งไปศูนย์ค้าส่งในย่างกุ้ง ซึ่งในช่วงน้ำท่วม ราคากุ้งหนึ่งตัวจะอยู่ประมาณ 5,000-6,000 จัต ในขณะที่ช่วงที่น้ำขึ้นน้ำลงราคาจะอยู่ประมาณ 9,000-10,000 จัต ทั้งนี้ราคาสินค้าประมงที่ลดลงทำให้ราคาไก่ในตลาดลดลงด้วย เนื่องจากราคาสินค้าประมงขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้ประชาชนต้องซื้อกักตุนไว้บริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fishery-product-prices-fluctuate-based-on-flood-tide-and-neap-tide/#article-title

เมียนมาเร่งส่งออกพริกไปจีน ดันราคาพุ่ง!

ราคาพริกเมียนมาพุ่งตามความต้องการของจีน ขณะที่ผลผลิตในประเทศเริ่มขาดแคลน ในตลาดย่างกุ้งราคาพริกขี้หนูพันธุ์ Moe Htaung มีราคาสูงถึง 7,000-8,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ปัจจัยที่ทำให้ราคาสูงขึ้นคือ ปุ๋ยและน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมาราคาอยู่แค่เพียง 4,500-5,400 จัตต่อ viss ซึ่งการเพาะปลูกพริกสายพันธุ์นี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2.5 ล้านจัตต่อเอเคอร์ โดยพริกขี้หนูสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกๆ 15 วันถึง 6 เดือน ผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 100 viss ต่อเอเคอร์ แต่ในช่วงต้นฤดูกาล ผลผลิตจะสูงถึง 400-500 viss ต่อเอเคอร์ ทั้งนี้พริกของเมียนมาถูกส่งออกไปยังไทยและจีนผ่านชายแดน ในขณะที่เวียดนามจะส่งออกทางทะเล พริกส่วนใหญ่ในเมียนมานิยมปลูกในเขตอิรวดี มัณฑะเลย์ มาเกว และรัฐฉาน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/china-demand-hikes-chilli-pepper-prices/#article-title

ไร่องุ่นตัวเมืองนะเมาะ เขตมะกเว ของเมียนมา เริ่มเฟื่องฟู

ชาวสวนเมืองนะเมาะ เขตมะกเว ของเมียนมา เริ่มปลูกองุ่นกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวสวนเลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี ซึ่งองุ่นสามารถเก็บเกี่ยวหลังจากปลูกได้ 6 เดือน โดยราคาขายจะอยู่ที่  3,500-4,000 viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ทว่าในปีนี้มะม่วง Seintalone หรือมะม่วงเพชรน้ำหนึ่ง ได้เข้าสู่ตลาดเป็นอย่างมากอาจกระทบให้ยอดขายนั้นลดลง ทั้งนี้องุ่นที่ปลูกกันในมียนมามีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์อิตาลี, RG, Black Queen, No 3 และ Chun ส่วนที่ปลูกเป็นสายพันธุ์หลักจะเป็น Black Queen และ  Moon Ball ซึ่งราคาขายจะแตกต่างกันไป

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/grape-cultivation-thriving-in-natmauk-town/#article-title