จุรินทร์ถกทำแผนช่วย SMEs ผู้ประกอบการท้องถิ่นส่งออกตลาด CLMV

“จุรินทร์” ถก SMEs วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก หาทางช่วยส่งออกตลาด CLMV เตรียมใช้ 9 มาตรการเบิกทาง ก่อนลุยต่อช่วยผู้ประกอบการภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น และผู้ผลิตสินค้าโอทอป จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก รวม 82 ราย กับผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ว่ามีเป้าเพื่อผลักดันให้นักธุรกิจท้องถิ่นมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศได้มากขึ้น และให้โอกาสกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือส่งออกให้มีลู่ทางส่งออกต่อไปในอนาคต โดยจะเริ่มต้นจากตลาด มาหารือเพื่อหาลู่ทางเร่งรัดการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก่อนจากแต่ละปีไทยมีมูลค่าการค้ากับตลาดใน CLMVประมาณ 27,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000007139

Asianwallets รุกขยายธุรกิจในเอเชีย เดินหน้าสร้างความร่วมมือด้านการชำระเงินข้ามแดน

Asianwallets ผู้นำด้านโซลูชันการชำระเงินข้ามแดน ประกาศว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไทย ฮ่องกง จีน และอื่น ๆ ด้วยการให้บริการชำระเงินสุดล้ำมากมาย เช่น Thai QR และ NETS QR สำหรับคนไทยและสิงคโปร์ เป็นต้นเมื่อช่วงต้นปี Asianwallets ได้เปิดตัว “Asian Wallet Alliance Program” เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือข้ามแดนในเอเชีย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ หลังการพัฒนานานหนึ่งปี Asiawallets ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินกว่า 45 แห่ง รวมถึงประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 10,000 แบรนด์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การจัดเลี้ยง จุดชมวิว ช็อปปิง โรงแรม ฯลฯ ทั้งนี้ การเข้าถึงระบบนิเวศกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Asianwallets สะท้อนถึงความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายด้วยความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพาร์ทเนอร์ Asianwallets ได้ระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งในฮ่องกงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการชำระเงิน นอกจากนี้ ในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง Asianwallets จะจัดแคมเปญร่วมกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นหลายราย

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/anpi/3078577

คาดราคาเนื้อสุกรอาเซียนพุ่งรับอหิวาต์หมูระบาดหนัก

องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ เผยโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ระบาดทั่วเอเชีย โดยมี “เวียดนามและฟิลิปปินส์” แพร่รุนแรงที่สุด ส่งผลราคาเนื้อหมูในอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างการเปิดเผยของกระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย ที่ระบุว่า มีหมูเกือบ 30,000 ตัว ต้องตายลงเพราะติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในจังหวัดสุมาตราเหนือ จนถึงขณะนี้ การระบาดที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในจีน นาย ชาห์รูล ยาซิน ลิมโป รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย กล่าวว่าทางการกำลังรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงการแยกพื้นที่ที่เป็นปัญหาเหล่านั้นออกมา ด้านสมาคมของผู้ผลิตเนื้อหมูของออสเตรเลีย ประเมินว่า การระบาดนี้อาจจะสร้างความเสียหายราว 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 4.17 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่าในช่วงไม่กี่เดือนนี้ราคาน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน แต่ว่าความพยายามด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของจีน เริ่มเห็นผลแล้ว และคาดว่าอุตสาหกรรมเนื้อหมูในจีนได้ผ่านจุดวิกฤตมาแล้ว แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/859450

SEAC ชวนเช็คสุขภาพเศรษฐกิจเมียนมา เดินหน้าพัฒนาศักยภาพธุรกิจอาเซียน ในงาน Scaling Your

เมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศในอาเซียนที่มีสถิติการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ตั้งแต่ปี 2557–2561 สูงถึง 7.2% และคาดการณ์ว่าในปีนี้ จะเติบโตขึ้นอีก 6.6% ปัจจัยมาจากองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทิศทางที่ดีขึ้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกฎหมายการลงทุนของชาวต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ดัชนีความน่าเชื่อถือและสภาพเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศดีขึ้น แต่ยังคงเผชิญกับปัฐหาอีกมากมาย ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ SEAC (Southeast Asia Center) ระบุว่า SEAC ต้องการเข้าไปพัฒนาศักยภาพของคนและองค์กร โดยทางองค์กรได้มีโอกาสเข้าไปดำเนินธุรกิจในเมียนมา ทำให้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจ ซึ่งการปรับขยาย (Scale) คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแท้จริง ประกอบการปรับวิธีและรูปแบบการทำงานให้ใช้ทรัพยากรที่น้อย โดยมี 3 ส่วนสำคัญ คือ กรอบความคิด (Mindset) การทดลองและลงมือทำตามวิถี (Design Thinking) และการพัฒนาทักษะที่จำเป็น สำหรับอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถ หากเลือกกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์สำคัญ ทาง SEAC พร้อมจะช่วยเติมศักยภาพให้กับคนและองค์กรในภูมิภาคนี้

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3078088

โออาร์ ลุยธุรกิจNonOilในตปท. เปิดร้านเพิร์ลลี่ ที่สาขาแรกในลาว

โออาร์ เตรียมรุกขยายธุรกิจนอนออยล์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประเดิมเปิดร้านเพิร์ลลี่ ที ในต่างประเทศสาขาแรกในlสปป.ลาว ส่วนร้านคาเฟ่อเมซอนจ่อชิงตลาดกาแฟในเวียดนาม โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี (2563-2567) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโออาร์ และคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)เพื่ออนุมัติในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) จะหันมาทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้ นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า ขณะนี้ โออาร์ได้เปิดให้สินค้าหรือร้านค้าท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มมากขึ้น อาทิ ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เป็นต้น  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ก่อนนี้ โออาร์ ได้ประกาศเตรียมผลักดันกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะ 5 ปี(ปี2563-2567) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจNon Oil และธุรกิจต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% รวมทั้งมีแผนขยายสถานบริการน้ำมันในต่างประเทศ เป็น 500 แห่งในปี 2566

ที่มา : นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 11 ธ.ค. 2562

ส่งออกอัญมณีเครื่องประดับ แรงไม่หยุด10เดือนเพิ่ม37.59% ผลจากทองคำ-พลอยสี-ตลาดอาเซียน

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 10 เดือนของปี2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 13,974.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.59 หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า6,900.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.24 โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในช่วง 10 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น ยังคงมาจากการส่งออกทองคำที่ยังคงขยายตัว แม้ว่าเฉพาะเดือน ต.ค.2562 จะชะลอตัวลง เป็นผลจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และนักลงทุนมีการเทขายทองคำออก รวมไปถึงหันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแทน ทั้งนี้หากดูเป็นรายสินค้า พลอยสียังคงเป็นสินค้าดาวรุ่ง ทั้งพลอยก้อน พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน สำหรับตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน อินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนฮ่องกงที่ยังคงเป็นตลาดอันดับ 1 แต่มีการชะลอตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประท้วง นักท่องเที่ยวลด ทำให้ร้านค้าปลีกหลายรายปิดตัวลง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และขยายตัวในการส่งออกไปยังตลาดที่เติบโตได้ดีอยู่ ประกอบกับใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และสร้างมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/ news_1782723

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จับงานฉลองเปิดแฟรนไชส์สาขาแรกที่เวียดนาม

บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย ร่วมมือกับ VI Funiture Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Vietnam Investment Group (VIG Group) ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกแห่งเวียดนาม  นำโดย Mr.David Do, VIG Managing Director ฉลองเปิดให้บริการอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ร้านแฟรนไชส์สาขาแรกอย่างเป็นทางการ รูปแบบสแตนด์อโลน มีพื้นที่ 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนน.Nguyen Thi Minh Khai เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นถนนสายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านของผู้บริโภคชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายและรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศให้แก่บริษัทฯ จากปัจจุบันที่ขยาย แฟรนไชส์แล้วใน 8 ประเทศ (รวมเวียดนาม)

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3071345

กรมศุลฯเผยผลจัดเก็บรายได้ต.ค.62 ที่ 5.21 หมื่นลบ. เร่งเชื่อมโยงข้อมูล ASEAN

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 62) นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เปิดเผยถึงการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในเดือนต.ค.62 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 63 จัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 52,192 ล้านบาท ส่วนความก้าวหน้าของระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) พบว่าผลการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไร้เอกสารระหว่างกรมศุลกากรกับผู้ประกอบการทั่วประเทศ และเชื่อมโยงข้อมูลกับภาครัฐต่างๆ รวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลกับ ASEAN Single Window (ASW) นั้น ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูล ATIGA FORM D ร่วมกันกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากรแบบไร้เอกสารแล้ว 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน และกัมพูชา โดยคงเหลืออีก 3 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ฟิลิปปินส์ และสปป.ลาว ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่ผู้ส่งออกสินค้า e-Commerce ในประเทศไทยผ่านทางเขต EEC จะได้รับตามร่างประกาศกรมฯ คือ เป็นการส่งเสริมการส่งออกสินค้า e-Commerce ในไทย เช่น ผลิตภัณฑ์ OTOP ไปขายยังต่างประเทศผ่านทางแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

ที่มา : IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)

เทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต ตัวกำหนดทิศทางการส่งออก

อาหารและเครื่องดื่ม เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ถือว่ายังรักษาระดับการเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับสินค้าส่งออกอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มหดตัวในปีนี้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มของไทยอยู่ที่ 17,749 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อนละ 3.8 (YoY) ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าทั้งปี 2562 การส่งออก – อาหารและเครื่องดื่มของไทยจะสามารถเติบโตในแดนบวก จากความต้องการของตลาดคู่ค้าที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้า กลุ่มผลไม้และปศุสัตว์ สำหรับทิศทางการส่งออกอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากปี 2562 ในขณะที่ การส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) อาจจะเติบโตชะลอลงเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการไทยหันไปขยายฐานการผลิตและจำหน่ายในประเทศดังกล่าวทดแทนการส่งออก

ที่มา : นสพ. ทันหุ้น ฉบับที่ 29 ต.ค. 2562

อสังหาฯชะลอฉุดตลาดลิฟท์ ‘ฮิตาชิ’หันรุกซีแอลเอ็มวี

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอลลิเวเตอร์ (กัมพูชา) จำกัด ผู้ผลิตและให้บริการลิฟต์และบันไดเลื่อนฮิตาชิ กล่าวว่า ปีนี้ตลาดลิฟต์ในประเทศไทยทรงตัว เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ไม่ลงทุนโครงการตึกสูง ทำให้ภาพรวมตลาดลิฟท์ทุกยี่ห้อ มีความต้องการลดลง จากปัจจุบันมีดีมานด์ปีละ7,000-8,000 ยูนิต ขณะที่ตลาดลิฟต์ในกลุ่ม CLMV เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเพราะเป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะช่วง 5 ปีที่ผ่านมา GDP ของประเทศกัมพูชาโต 6-7% เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่จากจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอสังหาฯ ส่งผลให้ความต้องการใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% จากดีมานด์ที่มีอยู่ 1,500 ยูนิต  กลยุทธ์การทำตลาดจะเน้นการหาลูกค้า ที่เป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ของกัมพูชา และจะใช้วิธีการมัดจำก่อนล่วงหน้า 60% ที่เหลือ 40% ลูกค้าต้องชำระหลังจากติดตั้งเสร็จเพื่อลดความเสี่ยง สำหรับตลาดลิฟต์ในกัมพูชา แบ่งออก 2 ตลาด ตลาดอินเตอร์แบรนด์จาก ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสินค้าคุณภาพ ราคาสูง ส่วนตลาดโลคัล ส่วนใหญ่สินค้าผลิตมาจากจีน มีราคาต่ำกว่า 20-50%  เนื่องจากตลาดลิฟต์ในกัมพูชาเป็นตลาดเปิดยังไม่มีกฎหมายหรือข้อกำหนดมาตรฐาน ควบคุมการซื้อ ขายติดตั้ง ลิฟต์ และบันไดเลื่อน ดังนั้นการนำเข้าจากประเทศต่างๆ สามารถนำเข้ามาขายได้อย่างเสรี รวมถึงสามารถสั่งซื้อตรงได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน และเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกมาก

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/850176