สปป.ลาวเพิ่มพื้นที่ผลิตผลทางการเกษตรตามแนวรถไฟจีน-ลาว

รัฐบาลสปป.ลาวได้วางแผนที่จะเร่งการจัดสรรพื้นที่การผลิตทางการเกษตรทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สำคัญในจังหวัดตามแนวทางรถไฟและทางด่วนจีน-ลาว และจังหวัดที่มีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ ตามรายงานของสำนักข่าวลาวเมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ เพชร พรมพิภักดิ์ กล่าวว่า “กระทรวงของเขาได้กำหนดมาตรการพัฒนาการเกษตรที่มุ่งเน้นในปี 2565 มาตรการดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของพืชผลและสัตว์ ซึ่งจะทำการเกษตรเพื่อการค้าและการส่งออก และเพื่อดึงดูดการลงทุนในประเทศและต่างประเทศด้วยการกำหนดนโยบายที่เอื้ออำนวยและสร้างสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่เอื้ออำนวย” แผนดังกล่าวจะเน้นไปที่การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปโดยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต เช่น โรงสีข้าว โรงเลื่อย เครื่องอบแห้ง โรงงานปุ๋ยหมัก โรงฆ่าสัตว์ และสถานีขนถ่ายสินค้าที่สถานีรถไฟ และใช้เทคนิคการผลิตที่ทันสมัยเพื่อลดต้นทุน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50971550/laos-to-increase-agricultural-production-areas-along-china-laos-railway/

ผู้แทนจากสปป.ลาวและประเทศสมาชิก SEAMEO อนุมัติแผนพัฒนาการศึกษา

สมาชิกขององค์การรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO) ได้อนุมัติแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2564-2568 เพื่อจัดการกับความร่วมมือระดับภูมิภาคในการพัฒนาการศึกษา แผนดังกล่าวจะส่งเสริมความยืดหยุ่นในการเผชิญเหตุฉุกเฉินพร้อมกับการศึกษาและการฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา และการปรับปรุงการศึกษาของครู ในระหว่างการประชุม ในนามของผู้แทนลาว ผู้อำนวยการของ SEAMEO CED รองศาสตราจารย์ ดร. Niane Sivongxay กล่าวว่า “รัฐบาลลาวได้สร้างโอกาสสำหรับพลเมืองลาวทุกคนในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน ศูนย์ของเรามีบทบาทสำคัญในการจัดการกับอุปสรรคในการรวมและส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับโรงเรียน” แผลกลยุทธ์ดังกล่าวจะยกระดับการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ในสปป.ลาวให้ดีเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาคนพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_Asian_224.php

การเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปโดยปลอดภาษีของ สปป. ลาว

ปัจจุบัน สปป. ลาวเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสินค้าทั้งหมดโดยปลอดภาษีและปลอดโควตา (DFQF) ไปยังตลาดสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าทั้งหมด ยกเว้นเครื่องกระสุนปืนและอาวุธ การเข้าถึงพิเศษนี้มีให้ภายใต้โครงการ Everything But Arms (EBA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในสามประเภทของโครงการที่สหภาพยุโรปจัดทำขึ้นภายใต้ ‘Generalised Scheme of Preferences’ (โครงการ GSP) อีกสองหมวดคือ Standard GSP และ GSP+ ซึ่งใช้กับประเทศกำลังพัฒนา  สปป. ลาวได้ใช้ประโยชน์จาก EBA ของตนมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการส่งออก EBA จาก สปป. ลาวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม การส่งออกของ สปป. ลาวไปยังสหภาพยุโรปในปัจจุบันมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของการส่งออกทั้งหมด ถึงอย่างนั้น สปป. ลาวมีศักยภาพที่สำคัญในการขยายการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและเพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปได้ในอนาคตจากการใช้ประโยชน์จากโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_The_lao_pdr_224.php

 

ญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการระดับรากหญ้าด้านสุขภาพ การศึกษา เกษตรกรรม

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้เงินช่วยเหลือจำนวน 240,000 เหรียญสหรัฐสำหรับโครงการพัฒนาสี่โครงการในพื้นที่ชนบทของลาว ญี่ปุ่นจะให้ทุนสนับสนุนโครงการด้านสุขภาพสองโครงการในจังหวัดเชียงขวางและไซยะบุรี โครงการการศึกษาในจังหวัดหัวพัน และโครงการการเกษตรในจังหวัดสะหวันนะเขต ผ่านโครงการความช่วยเหลือแบบให้เปล่าสำหรับโครงการความมั่นคงของมนุษย์ระดับรากหญ้า ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าสำหรับโครงการความมั่นคงของมนุษย์ระดับรากหญ้า ให้เงินทุนสำหรับโครงการขนาดค่อนข้างเล็กซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นและมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศกำลังพัฒนา โดยอิงตามหลักความมั่นคงของมนุษย์

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_223_21.php

วังเวียง อุดมไซ เตรียมรับนักท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ เขตวังเวียงในแขวงเวียงจันทน์ กำลังเตรียมที่จะต้อนรับผู้มาเยือนที่หลั่งไหลเข้ามา เมื่อสปป.ลาวเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับมาใช้บริการอีกครั้ง นายบุญชาญ มาลาวงศ์ ผู้ว่าราชการเขตวังเวียง กล่าวกับเวียงจันทน์ไทมส์ว่า “ทางการจังหวัดกำลังวางแผนรับผู้มาเยือนในปีหน้า หากรัฐบาลเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้ตามแผน สถานที่ท่องเที่ยวและที่พักของนักท่องเที่ยวจะได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงหลังปิดให้บริการ หลายเดือนในช่วงการระบาดของ Covid-19” ทั้งนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อรถไฟลาว-จีนเปิดให้บริการ เนื่องจากขณะนี้มีสถานีในวังเวียงแล้ว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vangvieng
222.php

รถไฟจีน-สปป.ลาว” มองโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการไทย

โดย Marketeer Team

รถไฟจีน-สปป.ลาว จะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยรถไฟสายนี้เชื่อมคุนหมิงของจีนกับเวียงจันทน์ของ สปป. ลาวเข้าด้วยกัน และอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative (BRI) มีระยะทาง 1,020 กิโลเมตร (แบ่งเป็นระยะทาง 598 กิโลเมตรในจีน และ 422 กิโลเมตรใน สปป. ลาว) สามารถวิ่งทำความเร็วขนส่งผู้โดยสารได้ถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสำหรับการบรรทุกสินค้าสามารถวิ่งได้ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะเน้นการขนส่งสินค้าเป็นหลัก สะท้อนจากจำนวนขบวนขนส่งสินค้าต่อวันที่สูงกว่าขบวนขนส่งผู้โดยสาร

การค้าระหว่างไทยกับจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปยังจีนผ่านทางถนนซึ่งมีสัดส่วนราวร้อยละ 20 ของการส่งออกไปยังจีนทั้งหมด มีการขยายตัวขึ้นอย่างน่าจับตาในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ มิติใหม่ของการขนส่งด้วยรถไฟไปจีนผ่านช่องทาง จ. หนองคาย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าไทยด้วยความสามารถในการช่วยลดระยะเวลา และต้นทุนการขนส่งสินค้าไปยังนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน จึงนับว่ารถไฟที่เกิดขึ้นสายนี้เป็นเสมือนช่องทางขนส่งใหม่อีกทางที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ เส้นทางรถไฟยังบรรจบกับเส้นทางหลักของไทยที่ใช้ขนส่งสินค้าไปยังนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ซึ่งก็คือ เส้นทาง R3A ผ่านทาง จ. เชียงราย ที่เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป. ลาว ดังนั้น รถไฟสายใหม่นี้จึงน่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าไทยผ่านช่องทางดังกล่าวขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ในระยะเวลาอันใกล้ รถไฟจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการส่งออกของไทยไปยังจีน ด้วยรูปแบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ซึ่งจะขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศไทยและจีนให้เร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ยูนนานจะเป็นประตูที่เปิดโอกาสสำหรับสินค้าไทยสู่จีนตะวันตก โดยเฉพาะไปยังนครเฉิงตูและนครฉงชิ่งซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตใหม่ (New Production Hub) และรัฐบาลจีนตั้งเป้าให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจผ่านนโยบายการพัฒนาความเป็นเมือง นอกจากนี้ ยูนนานยังสามารถเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่หลายแห่งในจีนด้วยรถไฟความเร็วสูง

ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันจีนมีเส้นทางขนส่งสินค้าทางรางไปยังเอเชียกลาง รัสเซีย และยุโรป ดังนั้น ในระยะข้างหน้า การขนส่งทางรางจะเป็นโหมดการขนส่งศักยภาพของสินค้าไทยไปยังตลาดสำคัญอย่างยุโรปซึ่งเดิมมีการขนส่งทางเรือเป็นหลักเท่านั้น และอาจจะเป็นช่องทางในการแสวงตลาดใหม่อย่างเอเชียกลางได้ในอนาคต

ที่มา : https://marketeeronline.co/archives/239559