‘เวียดนาม’ คู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ ปี 66

สมาคมการค้าระหว่างประเทศเกาหลีใต้ (KITA) เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเกาหลีใต้และเวียดนาม มีมูลค่าสูงถึง 79.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ยอดการส่งออกหดตัว 12.3% มาอยู่ที่ 53.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าลดลง 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่าอยู่ที่ 25.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้ากับเกาหลีใต้ 27.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเวียดนามยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ แซงญี่ปุ่นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน รองจากจีนและสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ สมาคมฯ ของเกาหลีใต้ ชี้ว่าทั้งการค้าและการส่งออกไปยังตลาดเวียดนามปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องมาจากการส่งออกชิปลดลง และยอดการจัดส่งเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ไปยังเวียดนามลดลง 21.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 12.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-roks-third-trade-partner-in-2023/279236.vnp

‘AMRO’ มองเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้โต 6% หนุนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6% หลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนมาจากการส่งออกที่มีทิศทางเป็นบวก อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก สังเกตได้มาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ สำนักงาน AMRO คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 ในปี 2567 ขยายตัว 4.5% เนื่องมาจากอุปสงค์ที่มีความแข็งแกร่ง เงินเฟ้อปรับตัวลดลง คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1639547/viet-nam-s-economy-poised-for-6-growth-in-2024-fueled-by-export-recovery-amro.html

เมียนมาสร้างรายได้กว่า 264 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์

ตามที่กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC) เผยแพร่สถิติ การส่งออกมีมูลค่ากว่า 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม วันที่ 6 ถึง 12 มกราคม โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ข้าวหัก ถั่วและถั่วพลัสส์ ผลไม้ ยางพารา และงา ทั้งนี้ จากระบบ MyRo ซึ่งเป็นระบบลงทะเบียนออนไลน์สำหรับคลังสินค้าข้าว ดำเนินการโดย กระทรวงพาณิชย์เมียนมา และสมาพันธ์ข้าวเมียนมาร์ เพื่อควบคุมการส่งออกข้าว เผยว่ามีการส่งออกยางทั้งหมด 326 ตัน สร้างรายได้ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้ง ยางแผ่นรมควัน (RSS Rubber) และยางผสม อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ เรียกร้องให้ขยายการเพาะปลูกและผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลและพืชต้นไม้ เช่น ยางพารา เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ น้ำยางสามารถเก็บได้จากต้นไม้อายุเจ็ดหรือแปดปี และประเทศนี้ก็ได้รับส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกที่สมเหตุสมผลแล้ว สมาคมผู้ปลูกและผู้ผลิตยางแห่งเมียนมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดเตรียมการผลิตยางพารา นอกจากนี้ กระทรวงยังระบุด้วยว่าการส่งเสริมการส่งออกยางพาราและการผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้า คาดว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงฯ เรียกร้องให้หน่วยงาน ช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันผลิตผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ และมีคุณภาพ เพิ่มรายการการผลิต และส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิต การผลิต การเกษตร และการส่งออก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-generates-over-us264m-from-exports-of-commodities-in-jans-second-week/

การส่งออกยางของเมียนมาร์สร้างรายได้ 144 ล้านเหรียญสหรัฐใน 9 เดือน

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมส่งออกยาง 114,855 ตันไปยังต่างประเทศในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คิดเป็นมูลค่ารวม 144.046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางสมาคมยางเมียนมาตั้งเป้าส่งออกยางประมาณ 300,000 ตันในปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ดี ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,620 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้ง 1,600 จ๊าดต่อปอนด์ สำหรับในตลาดยางของรัฐมอญ โดยความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาด มีผลกระทบต่อราคายางของเมียนมาร์ ซึ่งราคายางในรัฐมอญ ถือเป็นรัฐผลิตยางที่สำคัญในเมียนมาร์ มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยดังกล่าวเหล่านั้น นอกจากนี้ยางร้อยละเจ็ดสิบที่ผลิตในเมียนมาร์ส่งออกไปยังประเทศจีน รวมทั้งยังจัดส่งไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-india-ink-2-mous-under-quick-impact-projects/

กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางฮาลาลของอาเซียน

กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการตามแผนเพื่อจัดตั้งประเทศให้เป็นศูนย์กลางฮาลาลที่สำคัญในอาเซียน โดยนางพิมพ์พัตรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมหารือเกี่ยวกับความคิดริเริ่มนี้กับเจ้าหน้าที่ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก นางพิมพ์พัตรา มีกำหนดพบปะกับหน่วยงานมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพแห่งซาอุดีอาระเบีย (SASO) โดยเน้นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรฐาน แผนของรัฐบาลยังรวมถึงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลข้ามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และบางส่วนของสงขลา ทางเดินนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับวิถีชีวิตในท้องถิ่นและขยายผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลที่หลากหลาย ครอบคลุมอาหาร แฟชั่น และการท่องเที่ยว กระทรวงคาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฮาลาลจะมีส่วนทำให้ GDP ภาคอุตสาหกรรมของประเทศเพิ่มขึ้น 1.2% ภายใน 3 ปี มูลค่าตลาดโลกสำหรับธุรกิจฮาลาลคาดว่าจะสูงถึง 2.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 โดยในปี 2565 การส่งออกอาหารฮาลาลของไทยมีมูลค่า 213 พันล้านบาท คิดเป็น 2.7% ของตลาดโลก

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240108115722827

เมียนมาร์ส่งออกก๊าซธรรมชาติทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 8 เดือน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์มีมูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งในบรรดากลุ่มสินค้าส่งออก ภาคการส่งออกก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์อยู่ในอันดับที่สองระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 22 ธันวาคม 2566 อย่างไรก็ดี สถิติที่เผยแพร่โดยกระทรวงการวางแผนและการเงินระบุว่ารายรับจากก๊าซธรรมชาติในไตรมาสที่ 1 (เมษายน-มิถุนายน) ทะลุ 841.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณปัจจุบัน ลดลง 67.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว ทั้งนี้ เมียนมาร์ส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยัง ไทย จีน และญี่ปุ่น โดยโครงการผลิตก๊าซนอกชายฝั่ง Yadana, Yedagun, Shwe และ Zawtika ดำเนินการขุดเจาะและสกัดก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-natural-gas-exports-bag-over-us2-bln-in-8-months/

การส่งออกข้าวของเมียนมาร์ทะลุ 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้

มูลค่าการส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมาร์มีมูลค่ารวม 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการส่งออกทั้งหมด 955,502 ตันในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยปริมาณการส่งออกแบ่งเป็นการค้าทางทะเล 883,244 ตัน และ 72,258 ตันที่ชายแดน ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ (MRF) ทั้งนี้ มีการบันทึกปริมาณการส่งออกข้าวสูงที่สุดในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 195,829 ตัน คิดเป็นมูลค่า 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  รองลงมาคือเดือนพฤศจิกายน 175,990 ตัน มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตุลาคม 119,526 ตัน มูลค่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี สหพันธ์มีเป้าหมายที่จะบรรลุการส่งออกข้าว 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณปัจจุบัน โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ในปีงบประมาณที่แล้ว 2565-2566 จีนเป็นผู้ซื้อข้าวและข้าวหักรายใหญ่ของเมียนมาร์ซึ่งมีปริมาณการส่งออกมากกว่า 775,000 ตัน ตามมาด้วยเบลเยียม 323,000 ตัน บังกลาเทศมากกว่า 239,000 ตัน และฟิลิปปินส์ที่กว่า 202,000 ตัน ซี่งสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ ระบุว่าเมียนมาร์พยายามที่จะบรรลุการส่งออกข้าวที่เติบโตร้อยละ 10 เพื่อเพิ่มรายได้จากต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการส่งออกข้าวคุณภาพสูงและสนับสนุนปริมาณการส่งออก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-rice-exports-cross-us462m-this-fy/

เมียนมาร์มีความพยายามที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกในภาคส่วนที่หลากหลาย

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ (MoC) กำลังพยายามเพิ่มผลผลิตและส่งออกสินค้าจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะพืชผลและผัก ผลิตภัณฑ์ประมง หยก ปุ๋ย เชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ตามสถิติและแถลงการณ์ของกระทรวง มูลค่าการส่งออกรวมของเมียนมาร์เพิ่มขึ้น 221 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ผ่านเส้นทางการขนส่งและการค้าชายแดน เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูกาลที่เฟื่องฟูสำหรับผลิตผลทางการเกษตร กระทรวงคาดการณ์ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นในภาคส่วนนี้ ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมง มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในหนึ่งสัปดาห์ โดยส่งออกผ่านการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ประมง เช่น ปลา ปลาป่น และปลาแห้งยังถูกขนส่งผ่านด่านการค้าเกาะสอง มะริด มอตอง และเมียวดี อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการส่งออกของภาคเอกชนแล้ว ภาครัฐยังขนส่งหยก 3,228 กิโลกรัมที่จำหน่ายโดยห้างสรรพสินค้าอัญมณีไปยังจีนอีกด้วย รวมทั้งศูนย์บริการแบบครบวงจรของบริษัท Myanma Gems Enterprise ยังจำหน่ายเครื่องประดับหยกมูลค่าเพิ่ม เช่น กำไล ลูกปัด และโซ่มือ โดยส่งออกไปยังตลาดจีนโดยการขนส่งทางอากาศ ในส่วนรายได้จากการส่งออกยาง ได้รับอนุญาตให้นำไปลงทุนในสินค้าภายในประเทศที่จำเป็น เช่น ปุ๋ยและเชื้อเพลิง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของสินค้าโภคภัณฑ์และเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ส่งออก การส่งออกยางจึงเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงต้นเดือนธันวาคมเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ตามสถิติ เช่นเดียวกับ การส่งออกหนังดิบและเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ไม้สำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น น้ำตาลและผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม CMP ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอเชิญชวนหน่วยงาน สมาคม และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมภาคการค้าของประเทศ เพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้า ขยายตลาดโลก และส่งออกสินค้ามากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-seeks-to-expand-global-market-shares-in-versatile-sectors/

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 เดือนที่ผ่านมา

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์มีมูลค่า 2.035 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งมูลค่าดดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผานมา ทั้งนี้ ตัวเลขมูลค่าการส่งออกดังกล่าวลดลงจาก 2.364 พันล้านดอลลาร์ที่มีการเก็บข้อมูลสถิติไว้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงเท่ากับ 328.349 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาร์มีการส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ เมียนมาร์ได้มีการดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อสนับสนุนการส่งออก ซึ่งภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-agri-exports-surpass-us2-bln-in-8-months/#article-title

การส่งออกยางของเมียนมาร์เพิ่มขึ้นเป็น 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 เดือน

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 1 ธันวาคม ในปีงบประมาณ 2566-2567 เมียนมาร์ส่งออกยางกว่า 99,660 ตันไปยังต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 123.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,580 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้ง 1,560 จ๊าดต่อปอนด์ ในตลาดยางของรัฐมอญ ซึ่งราคายางของเมียนมาร์จะได้รับอิทธิพลจากความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาดเป็นหลัก อย่างไรก็ดี เป้าหมายการส่งออกยางพาราของสมาคมยางเมียนมาร์ที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณนี้คือ 300,000 ตัน ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าการผลิตยางในปีงบประมาณ 2565-2566 ที่ผ่านมา ที่มีการผลิตเกิน 360,000 ตัน และมีการส่งออกยางมากกว่า 200,000 ตันไปยังคู่ค้าต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-rubber-exports-swell-to-us123-mln-in-8-months/#article-title