‘เวียดนาม – มาเลเซีย’ ตั้งเป้าขยายการค้าทวิภาคี 2 หมื่นล้าน ปี 2030

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนายอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตกลงที่จะร่วมมือผลักดันการขยายการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศ แตะ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 โดยทั้งสองประเทศยังคงมุ่งมั่นที่จะลดอุปสรรคทางการค้า รวมถึงอำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออก ในขณะเดียวกันก็ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว

ทั้งนี้ เวียดนามและมาเซีย เห็นด้วยที่จะขยายความร่วมมือในหลายด้านด้วยกัน โดยเฉพาะการลงนามความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศและการท่องเที่ยวฉบับใหม่ นอกจากนี้ นายกฯ เวียดนาม ยืนยันว่าจะจัดหาข้าวให้กับมาเลเซีย พร้อมกับร้องขอให้มาเลเซียช่วยเหลือเวียดนามในอุตสาหกรรมฮาลาล

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnam-malaysia-target-20bln-in-bilateral-trade-by-2030.htm

‘เวียดนาม – มาเลเซีย’ ยอดการค้าเติบโตต่อเนื่อง

เล ฟู เกวง (Lê Phú Cường) ที่ปรึกษาการค้าเวียดนาม ประจำประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่านับตั้งแต่การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามและมาเลเซียในปี 2558 การส่งออกของมาเลเซียไปยังเวียดนาม เพิ่มขึ้นอย่างมากกว่า 160% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเวียดนาม โดยเฉพาะวัตถุดิบสำคัญ เช่น เชื้อเพลิง ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ในขณะเดียวกัน การส่งออกของเวียดนามไปยังมาเลเซีย เพิ่มขึ้นอย่างมากกว่า 80% โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูป อย่างไรก็ดี การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เห็นได้ว่าผู้ประกอบการเวียดนามเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาดมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียมีข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น จีน ไทย และอินโดนีเซีย ด้วยเหตุนี้ จึงร้องขอให้ทั้งสองประเทศร่วมมือเชิงกลยุทธ์มากขึ้น เพื่อรักษาฐานที่มั่นคงในตลาดนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1718272/viet-nam-malaysia-trade-records-strong-growth-over-past-decade.html

‘เวียดนาม-มาเลเซีย’ จับมือส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่ ดันโอกาสครั้งใหญ่

คุณ Lê Phú Cường ที่ปรึกษาการค้าประจำประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจ ปี 2567 ณ กรุงกัลป์ลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่าเวียดนามมีข้อได้เปรียบอย่างมากทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่มาเลเซียมีความแข็งแกร่งทางด้านการผลิตไฟฟ้าและการผลิตแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่มีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนจำกัด หากเวียดนามร่วมมือกับมาเลเซียจะสามารถช่วยลดต้นทุนการวิจัยและได้รับประสบการณ์ที่มีค่าจากการร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งในปัจจุบันมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานการผลิตไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655360/big-opportunities-remain-for-vietnam-and-malaysia-to-partner-in-new-technology-areas-official.html

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า กระทบเงินบาทของไทย-ริงกิตของมาเลเซีย รวมถึงสกุลอื่นๆ ในอาเซียน

สกุลเงินบาทของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงเริ่มต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงขยายตัวและข้อมูลการจ้างงานที่สดใส ความคาดหวังที่เพิ่มสูงขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เงินบาทของไทยและริงกิตของมาเลเซียได้รับผลกระทบหนักที่สุด แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวในช่วงสั้นๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา ตามการตัดสินใจครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ “สกุลเงินเกือบทั้งหมดในโลกอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรก Joey Chew หัวหน้าฝ่ายวิจัย FX ของเอเชียของธนาคาร  HSBC กล่าวกับ The Business Times.

ที่มา : https://www.businesstimes.com.sg/international/asean/strong-us-dollar-hits-thai-baht-malaysian-ringgit-hardest-among-asean-currencies

แรงงานเมียนมาเตรียมย้ายจากมาเลเซีย หลังประกาศกำหนดเส้นตายวีซ่า

เจ้าหน้าที่จากสหพันธ์หน่วยงานจัดหางานในต่างประเทศ (MOEAF) ของเมียนมา กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศว่าแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติให้เรียกวีซ่าจะถูกคัดเลือกในมาเลเซียภายในวันที่ 31 พฤษภาคม แรงงานเมียนมาจำนวนมากก็กระตือรือร้นที่จะไปที่นั่น ดังนั้นคนหนุ่มสาวจึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการฉ้อโกง ทั้งนี้ ธุรกิจในมาเลเซียจะต้องดำเนินการยื่นวีซ่าเรียกให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 31 มีนาคม สำหรับแรงงานต่างชาติที่ได้รับการอนุมัติจาก KSM แล้ว ซึ่งยังมีเงื่อนไขอยู่ ธุรกิจของมาเลเซียจะรับสมัครแรงงานต่างชาติที่ได้รับวีซ่าเรียกจากกรมตรวจคนเข้าเมืองภายในวันที่ 31 พฤษภาคม เข้าสู่มาเลเซีย ตามประกาศดังกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อแผนการสรรหาบุคลากรของมาเลเซียหยุดชะงัก จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหันไปให้ความสนใจมากขึ้นสำหรับการไปทำงานในเกาหลีใต้และไทย นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม รัฐบาลมาเลเซียหยุดการอนุมัติ KSM สำหรับการหาแรงงานต่างชาติตามโรงงาน และบริษัทต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หน่วยงานที่ส่งคนงานเมียนมาไปมาเลเซียโดยเฉพาะอาจหยุดการดำเนินงาน ตามที่เจ้าของตัวแทนจัดหางานในต่างประเทศระบุ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/many-myanmar-workers-prepare-to-go-to-malaysia-after-announcement-on-deadline-for-submission-of-calling-visa/

ไทยจับตาข้อตกลง 4 ชาติเพื่อนบ้าน หวังผลักดันยกเว้นวีซ่าเชงเก้น

ประเทศไทยกำลังวางแผนที่จะร่วมมือกับเวียดนาม กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย จัดการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเปิดตัวรายการวีซ่าต่างตอบแทน นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจะขอการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างข้อตกลงให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางอย่างเสรีระหว่าง 5 ชาติอาเซียน หลังจากได้รับวีซ่าเข้าประเทศแล้ว เขากล่าวว่าเวียดนามขอความช่วยเหลือจากไทย โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ประเทศไทยจะนำการเจรจาให้นักท่องเที่ยวต้องมีวีซ่าเข้าประเทศเพื่อเดินทางร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ หากรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 4 ประเทศ เห็นพ้องกันอย่างเป็นทางการ รัฐบาลไทยก็มุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้ในการเจรจากับสหภาพยุโรป เพื่อขอยกเว้นวีซ่าเชงเก้นตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/tourism/40035307?fbclid=IwAR3NaDaOsc_k-GirkTZkYPnJXoAboLJZTt8NlE7eTe1zghWuU5UZ4n3S–g

สปป.ลาว-มาเลเซีย ให้คำมั่นส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของ สปป.ลาว และมาเลเซีย ได้หารือถึงแนวทางในการกระชับความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสาขาอื่นๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ได้กล่าวระหว่างการหารือว่า ทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อกระชับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกรอบอาเซียน รวมถึง สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนปี 2567 และมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมเสาหลัก 3 ประการของอาเซียน ขณะที่ฝ่ายมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับ สปป.ลาว เป็นอย่างมาก และกระตือรือร้นที่จะขยายความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวและสาขาอื่นๆ ทั้งนี้ มาเลเซียเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวจากอาเซียน ที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน สปป.ลาว โดยมีจำนวนกว่า 14,990 คนที่เดินทางมาเยือนประเทศลาวในปี 2566

ที่มา : https://english.news.cn/20240126/a5644770579a4a73bda410dea3b2fb1e/c.html

บริษัทผู้ผลิตเหล็กมาเลเซีย จัดทำข้อตกลงร่วมกับผู้ประกอบการกัมพูชาในการจัดหาทรัพยากร

บริษัท LEFORM Bhd ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้ทำสัญญาร่วมกับ บริษัท Nim Meng Group Co., Ltd. ประเทศกัมพูชา ผ่านบริษัทย่อยอย่าง บริษัท Leform Metal SdnBhd ในการจัดหาทรัพยากรเผื่อการผลิตราวกั้นทางหลวง สำหรับโครงการปรับปรุงถนนแห่งชาติหมายเลข 5 ด้วยมูลค่าสัญญารวมกว่า 1.95 ล้านดอลลาร์ โดยโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ในกัมพูชา ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะเริ่มต้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2024 และสิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม 2024

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501398756/listed-malaysian-steel-products-manufacturer-leformbags-supply-deal-in-cambodia-worth-1-9-million/

รัฐบาลไทยหนุนธุรกิจสินค้าฮาลาลในมาเลเซีย มุ่งเป้า 1.02 ล้านล้านบาทในปี 68

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความร่วมมือทางการค้าของไทย-มาเลเซียที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นการค้าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท) ในปี 2568 รวมถึงจะมีการหารือเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2566นี้

ที่มา : https://www.posttoday.com/politics/domestic/697479

“พาณิชย์” จับมือมาเลเซีย ส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ เร่งฟื้นฟูการค้าชายแดน-ท่องเที่ยว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบหารือกับดาตุ๊ก อัซมัน บิน โมฮัมหมัด ยูโซฟ ปลัดกระทรวงการค้าภายในและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ โดยมี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นายกำแหง กล้าสุคนธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าร่วม โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ การกำกับดูแลการค้าภายในประเทศให้มีความเป็นธรรม และการฟื้นฟูการค้าชายแดน เพื่อให้การค้าทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 102,000 ล้านบาท ในปี 2568 ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ มาเลเซียแจ้งว่ามีความสนใจที่จะร่วมมือเพื่อส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์กับไทย ซึ่งถือเป็นประเด็นใหม่ที่ยังไม่เคยมีความร่วมมือระหว่างกันมาก่อน โดยจะเริ่มจากการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของแต่ละฝ่าย เพื่อสร้างโอกาสขยายพันธมิตรทางการค้า การจับคู่ทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องขั้นตอนและกฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะเร่งฟื้นการค้าชายแดนและเศรษฐกิจท้องถิ่นแถบพรมแดน ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าการค้าระหว่างกันบรรลุตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยจะหารือเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

ที่มา : https://ibusiness.co/detail/9660000065727