‘เวียดนาม’ เผยอีคอมเมิร์ซ ดันนำเข้าสินค้าพุ่ง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 20-25% ต่อปี และยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทำรายได้สูงถึง 20 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 8% ของมูลค่าการอุปโภคบริโภคโดยรวม

ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุด แสดงให้เห็นว่าเวียดนามนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐบาล

ด้วยเหตุนี้ นาย เหงียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม แนะนำให้รัฐบาลทบทวนการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำ เพื่อให้เป็นธรรมในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งในปัจจุบันสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ล้านล้านด่อง จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/e-commerce-brings-in-us1-billion-of-foreign-goods-to-vietnam-monthly/

ปริมาณการค้าระหว่าง กัมพูชา-ไทย โต 29%

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8,589 ล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนของปี เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 959 ล้านดอลลาร์ไปยังไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกันการนำเข้าสินค้าของกัมพูชาจากไทยคิดเป็นมูลค่า 7,630 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ไทย ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังไทย ได้แก่ สิ่งทอ สินค้าเกษตร อัญมณี และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป เป็นสำคัญ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญจากไทย ได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ ผัก รถยนต์ ปุ๋ยอินทรีย์ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง โดยในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.97 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.26 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501196940/cambodia-thailand-trade-surges-29/

อัตราเงินเฟ้อพุ่ง 7.3 % แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี

อัตราเงินเฟ้อปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.3 ในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดที่นับแต่มีการบันทึกสถิติมา ราคาผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้นได้รับแรงหนุนจากต้นทุนเชื้อเพลิงและสินค้านำเข้าอื่นๆ ที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของ kip อย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์กังวลว่าราคาน้ำมันอาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน รัฐบาลอาจเริ่มปรับราคาน้ำมันทุก 5-7 วัน แทนที่จะเป็นทุกสองสัปดาห์ หากราคาน้ำมันโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มการผลิตเพื่อลดการนำเข้า และเพื่อควบคุมราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนทั่วไป รัฐบาลได้ตัดสินใจลดภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 7 ในปีนี้ และลดปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าราคาน้ำมันสำรองในปัจจุบันอยู่ที่ 0 กีบ/ลิตร ซึ่งจะช่วยบรรเทาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Inflation54.php