‘เวียดนาม’ ประเมินนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบจำกัด

นาย Nguyen Sinh Nhat Tan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าส่งออกของเวียดนามไม่ได้แข่งขันกันโดยตรงกับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ในตลาดภายในประเทศ ในทางตรงกันข้าม การส่งออกของเวียดนาม ช่วยให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงสินค้าราคาถูกลงได้ ทั้งนี้ เวียดนามติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะจัดการประชุมในเดือนมีนาคมนี้

นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อกังวลของสหรัฐฯ โดยยึดหลักการค้าที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับระเบียบกฎหมาย รวมถึงผลประโยชน์ที่สมดุลของทั้งสองฝ่าย

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-sees-no-significant-impacts-from-us-s-new-trade-policies-official-2378540.html

‘เวียดนาม’ เผย 2 เดือนแรกของปี 68 เกินดุลการค้า 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่ายอดการนำเข้าและส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่า 127.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (%YoY) การส่งออก มีมูลค่า 64.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.4%YoY ในขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 62.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9%YoY ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้า 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ อยู่ที่ 19.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นแหล่งนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการนำเข้า 23.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-trade-surplus-hits-1-47-billion-usd-in-first-two-months-2378543.html

‘เวียดนาม’ ไฟเขียวลงทุนทางรถไฟ หล่าวกาย-ฮานอย-ไฮฟอง

แผนการก่อสร้างเส้นทางรถไฟของเวียดนามที่เชื่อมระหว่างจังหวัดหล่าวกาย ฮานอย และไฮฟอง ได้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวเป็นวิสัยทัศน์ของระบบทางรถไฟที่มีการบูรณาการและยกระดับความทันสมัย รวมถึงการออกแบบ เพื่อตอบสนองกับความต้องการทางด้านการขนส่งภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการเชื่อมต่อระหว่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ทางรถไฟช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสมัชชาแห่งชาติสมัยที่ 13

ทั้งนี้ ทางรถไฟสายใหม่แห่งนี้ สำหรับเส้นทางหลักจะมีความยาวประมาณ 390.9 กิโลเมตร พื้นที่โครงการอยู่ที่ประมาณ 2,632 เฮกตาร์ เม็ดเงินลงทุนมากกว่า 203.2 ล้านล้านดอง หรือราว 7.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะได้รับเงินทุนจากการจัดสรรงบประมาณของรัฐฯ และแหล่งเงินทุนอื่นๆ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/na-greenlights-major-railway-project-to-boost-northern-economic-corridor-post144544.html

‘สถาบันการเงินโลก’ มองศักยภาพทางเศรษฐกิจเวียดนาม เติบโตเขิงบวก

Suan Teck Kin กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและตลาดโลกของธนาคารของยูโอบี กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนาม มีแนวโน้มขยายตัวสูงถึง 8% ต่อปี หรืออาจขยายตัวสองหลัก หลังจากปีที่แล้ว ขยายตัว 7% ถึงแม้ว่าการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นความท้าทาย แต่เวียดนามเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญ คือ นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องที่เวียดนามพึ่งพาภาคการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก เวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 90% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ที่ 174% ในขณะเดียวกัน นายทิม ลีลาหะพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเวียดนามและไทยของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม มีปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและการท่องเที่ยว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/intl-financial-institutions-show-positive-views-on-vietnams-growth-prospects-post310561.vnp

‘EVFTA’ ผลักดันการเติบโตของการส่งออกเวียดนาม

จากรายงานของสถาบันกลางเพื่อการจัดการเศรษฐกิจ (CIEM) ของเวียดนาม เปิดเผยว่าข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) ดำเนินการมาแล้ว 5 ปี และได้สร้างผลประโยชน์ในหลายด้านให้แก่เวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าสิ่งทอ รองเท้า และสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น นาย Nguyen Anh Duong หัวหน้าฝ่ายวิจัยทั่วไปของ CIEM กล่าวว่าหลังจากข้อตกลงการค้าเสรีฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้มาเป็นระยะเวลา 5 ปี ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ทางภาษี ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้ ยังได้สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีความโปร่งใส ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูง ความยั่งยืน การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้า พบว่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปในปี 2567 เพิ่มขึ้น 13.19% และเวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอย่างมาก อยู่ที่ 35.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/evfta-generates-positive-outcomes-after-five-years-of-implementation-ciem-post144499.html

‘ไทย-เวียดนาม’ กระชับความสัมพันธ์ ตั้งเป้ายอดการค้าทวิภาคีทะลุ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และนาย มาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย หารือและกล่าวแสดงความสำคัญของการเยือนในครั้งนี้ โดยเฉพาะกิจกรรมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามและไทย ครบรอบ 50 ปี และการเยือนครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เวียดนามและไทย ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการเชื่อมโยงการขนส่งและการท่องเที่ยว รวมถึงเห็นพ้องที่จะลดมาตรการกีดกันการค้า ส่งเสริมความร่วมมือในภาคส่วนเกิดใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานหมุนเวียน ในชณะเดียวกัน เวียดนามและไทย ตั้งเป้าที่จะบรรลุการค้าทวีภาคี 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.chiangraitimes.com/news/thailand-and-vietnam-strengthen-bilateral-ties-with-25-billion-trade-target/

‘ก.คลังเวียดนาม’ เสนอขยายระยะเวลาชำระภาษีและค่าเช่าที่ดิน ปี 68

กระทรวงการคลังเวียดนาม (MoF) ดำเนินการระดมความคิดเห็นสาธารณชนเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอขยายเวลาชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าเช่าที่ดินในปี 2568 ทั้งนี้ ภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกา จะมีการเลื่อนการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกไปเป็น 6 เดือนสำหรับยอดเงินที่ครบกำหนดชำระในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และไตรมาสแรกของปี 2568 ส่วนการชำระภาษีเดือนเมษายน พฤษภาคม มิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จะขยายเวลาออกไปอีก 5 เดือน คาดว่ายอดการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่เลื่อนออกไปทั้งหมด จะอยู่ที่ 62 ล้านล้านดอง โดยกำหนดเส้นตายการชำระภาษีขั้นสุดท้าย คือวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ในขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคล กระทรวงฯ ได้เสนอให้ขยายระยะเวลาการชำระภาษีชั่วคราวออกไปอีก 5 เดือนสำหรับไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยคาดว่ายอดรวมที่เลื่อนออกไปจะอยู่ที่ 36 ล้านล้านดอง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1692690/mof-proposes-tax-and-land-rent-payment-extension-for-2025.html

‘เวียดนาม’ ใช้มาตรการตอบโต้ทุ่มตลาดเหล็กแผ่นนำเข้าจากจีน

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) ประกาศใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) ที่นำเข้าจากจีน ด้วยอัตราภาษีตั้งแต่ 19.38% – 27.83% ในขณะที่การนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อน HRC จากอินเดีย ได้รบการยกเว้นภาษี เนื่องมาจากมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่มากนัก ทั้งนี้ เหล็กของจีนอยู่ในช่วงกระบวนการสอบสวนและอยู่ภายใต้อากรตอบโต้การทุ่มตลาดใหม่ มีผลบังคับใช้ 15 วัน หลังจากประกาศใช้ และคงอยู่เป็นระยะเวลา 120 วัน

นอกจากนี้ กรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าการนำเข้าเหล็กกล้ารีดร้อนในปี 2567 มีปริมาณ 12.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่สิ่งที่น่าสังเกต คือ ถึงแม้ว่ากระทรวงฯ ทำการสอบสวนในเดือน ก.ค. 2567 แต่การนำเข้าเหล็กกล้าจากจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดในประเทศได้ กระทรวงฯ จึงตัดสินใจบังคับใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดชั่วคราวเพื่อควบคุมการนำเข้า และปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-imposes-temporary-anti-dumping-duties-on-chinas-hrc-steel-post310423.vnp