การค้าขาดดุล 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐแม้ว่ายอดส่งออกจะสูงกว่าเป้าหมาย

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ระบุว่าสปป.ลาวมีการขาดดุลการค้า 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 61แม้ว่าจะส่งออกได้มากถึง 5,603 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกินเป้าหมายที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ 5,516 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญยังคงเป็นพลังงานไฟฟ้าที่มีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้การส่งออกภาครวมจะมีการเติบโตแต่สปป.ลาวยังเป็นประเทศที่มีการนำเข้าสินค้ามาในจำนวนมากโดยสินค้าที่นำเข้าหลักๆของสปป.ลาวได้แก่ เชื้อเพลิงยานพาหนะ รถแทรกเตอร์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันสปป.ลาวกำลังอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจมีการเติบโต รายต่อหัวของประชาเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีความต้องการในสินค้าดังกล่าวมากขึ้นตาม ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าในสินค้าดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ถึงแม้การส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังขาดดุลนั้นเอง อย่างไรก็ตามการขาดดุลของสปป.ลาวมีแนวโน้มที่จะน้อยลงจากนโยบายภาครัฐในปัจจุบันที่สนับสนุนการผลิตในประเทศมากขึ้นรวมถึงมาตราการส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะเป็นผลดีในอนาคตที่จะช่วยทำให้สปป.ลาวขาดดุลน้อยลง จนไปถึงเกินดุลในที่สุด 

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/trade-deficit-hits-us137-million-despite-exports-exceeding-target-113541

แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามปี 63 เติบโตสูงขึ้น

ภาวะอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนามปี 2563 คาดว่าจะยกระดับความก้าวหน้าอุตสาหกรรม เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และปัจจัยอื่นๆ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีลบังคับใช้ในปีนี้ รวมไปถึงแบรนด์ต่างชาติรุกเจาะตลาดเวียดนาม ซึ่งภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอฯมีความโดดเด่นในเรื่องกระบวนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นด้ายและการย้อมสีผ้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยช่วยในการผลิตสินค้า ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม ระบุว่าผลผลิตเส้นด้ายมากกว่า 2.5 ล้านตันในปี 2562 ขณะที่ ปริมาณส่งออกอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 อยู่บนพื้นฐานของพฤติกรรม/แนวคิดการเพิ่มผลิตภาพและวิธีการดำเนินงานที่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเวียดนามยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงงาน ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯ มองว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นกุญแจสำคัญต่อกระบวนการผลิตและควรส่งเสริมการฝึกอบรมให้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592061/viet-nams-garment-textile-expects-boom-in-2020.html

เมืองหลวงดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสำนักงานวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าเมืองฮานอยได้อนุมัติโครงการใหม่ของ FDI ทั้งหมด 68 โครงการ ด้วยเงินลงทุน 30.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมี 7 โครงการเดิมที่ปรับเพิ่มเงินทุนอยู่ที่ 71.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้อนุมัติโครงการจากนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเข้ามาซื้อหุ้นในกิจการท้องถิ่น ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ด้วยมูลค่า 8.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ เงินทุนเบิกจ่ายสำหรับโครงการ FDI แตะระดับสูงกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74 ของเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด นอกจากนี้ เมืองฮานอยยังคงส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกับการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้าง, เมืองอัจฉริยะ, เทคโนโลยี, การให้บริการขั้นสูง, ไฮเทคเกษตร และการเงินการธนาคาร เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592039/capital-city-lures-more-than-140m-in-foreign-investment.html

สิ้นปี 62 CPI เมียนมาพุ่งขึ้นเป็น 161.72%

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 161.72% เพิ่มขึ้น 9.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วตามรายงานของสำนักงานสถิติกลางแห่งเมียนมา (CSO) พบว่ากลุ่มอาหารพุ่งขึ้น 174.13% กลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มอาหาร 144.26% ดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มัณฑะเลย์เพิ่มสูงสุดถึง 15.38% ส่วนยะไข่เพิ่มต่ำสุดที่ 3.16% โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 8.81% และอัตราเงินเฟ้อปีต่อปีเท่ากับ 9.45%

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/cpi-hits-16172-pc-in-late-december

ความพยายามของรัฐบาลเมียนมาในการจัดการสิ่งแวดล้อม

ธุรกิจจำนวนมากที่รัฐบาลให้ส่งแผนการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMP) เดือนมกราคม 61 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (MONREC) ได้ประกาศให้แก่ธุรกิจในเก้าภาคเพื่อส่งกระทรวง ในเดือนกรกฎาคม 62 กระทรวงออกประกาศอีกครั้งเกี่ยวกับข้อกำหนด แต่ให้ขยายเวลาหกเดือนเพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผน ข้อกำหนดมีไว้สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตแอลกอฮอล์ ไวน์ และเบียร์ อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ของสารกำจัดศัตรูพืช ปูนซีเมนต์ สิ่งทอและการย้อมสี การหลอมโลหะและการกลั่นและการผลิตเหล็ก เหล็กดิบและโลหะผสมต่ำ การฟอกและตกแต่งหนัง โรงงานผลิตเยื่อและกระดาษ และการผลิตน้ำตาล กระทรวงประกาศว่าจะดำเนินการกับธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EMP ภายใต้กฎหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govts-efforts-environmental-management-making-progress-official.html

งบปี 63 สุดอืด ใช้จ่ายรัฐสะดุด ไตรมาสแรกลงทุนต่ำเป้า 5.3%

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ที่กำหนดไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.-ธ.ค.62) เบิกจ่ายแล้วราว 29.2% เป็นการเบิกจ่ายในส่วนงบรายจ่ายประจำปี เช่น เงินเดือนข้าราชการ เป็นต้น 700,000 ล้านบาท โดยการเบิกจ่ายนี้สามารถทำได้ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ที่กำหนดให้รัฐบาลใช้งบประมาณปีก่อนหน้าที่เหลืออยู่ไปก่อนได้ ยกเว้นการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนใหม่ ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาสแรก เป็นการเบิกจ่ายจากโครงการที่มีสัญญาผูกพันมาก่อนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่เบิกจ่ายได้เพียง 25,000 ล้านบาท หรือ 4.4% ของงบลงทุนในปีงบ 63 ที่กำหนดไว้กว่า 600,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 5.3% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 65% คิดเป็นเงินลงทุนหายไปจากระบบเศรษฐกิจราว 50,000 ล้านบาท เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงเบิกจ่ายงบลงทุนใหม่ไม่ได้ รัฐบาลประกาศให้ปี 63 เป็นปี แห่งการลงทุน โดยโครงการลงทุนสำคัญ ได้แก่ รถไฟทางคู่ 7 เส้นทางของกระทรวงคมนาคม เช่น เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย เป็นต้น ส่วนการลงทุนรัฐวิสาหกิจปีนี้มีวงเงิน 346,000 ล้านบาท คาดจะเบิกจ่ายได้ 77% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด และคาดว่าการลงทุนเอกชนปีนี้จะโต 4.2% จากปีที่แล้วที่โต 2.6%.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1768380

Heinken Vietnam เพิ่มทุน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายโรงงานในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า

ทางหน่วยงานจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่าอนุญาติให้บริษัทเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่าง Heinken Viet Nam Brewery ได้เพิ่มเงินทุนจาก 312.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นมาเป็น 381.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเพิ่มเงินทุนดังกล่าว บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับ 1.1 พันล้านลิตรในปี 2563 ทั้งนี้ ในต้นปี 2563  ทางจังหวัดได้ออกใบอนุญาตการลงทุนอีกหลายโครงการ รวมไปถึงโครงการที่มาจากญี่ปุ่น “Seiko PMC Corporation” (28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ), SeAH M&H Vietnam (35.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ Arakawa Chemical Industries (45.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว จังหวัดมีโครงการลงทุนใหม่ 108 โครงการ และโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ 49 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุน 623 ล้านดอลลาร์สหรัฐและโครงการลงทุนภายในประเทศ 59 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุน 566 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปีนี้ จังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่าจะอนุญาติโครงการที่ดำเนินงานอยู่ 40 โครงการ ให้สามารถเพิ่มเงินลงทุนอยู่ที่ 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/heineken-vietnam-invests-additional-70-million-usd-in-vung-tau-factory/168247.vnp