‘สปป.ลาว มีแผนเสริมสร้างภาคอุตสาหกรรมและบริการ’ เพื่อก้าวสู่ความทันสมัย

คำเจน วงโพธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน สปป.ลาว กล่าวในการประชุมสามัญครั้งที่ 6 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยระบุว่ารัฐบาลกระตือรือร้นที่จะก้าวไปสู่ความทันสมัยและการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยรับประกันการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยส่วนแบ่งของภาคอุตสาหกรรมและบริการขยายตัว และส่วนแบ่งของภาคเกษตรกรรมลดลง โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าภายในปี 2568 ภาคเกษตรกรรมและป่าไม้จะมีสัดส่วน 15.3% ของจีดีพี ภาคอุตสาหกรรม 33.3% ของจีดีพี ภาคบริการ 41.3 ของจีดีพี และส่วนที่เหลือมาจากภาษีและภาษีศุลกากร โดยในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาของปี 2566 ภาคเกษตรกรรมขยายตัว 3.4% คิดเป็น 17.3% ของจีดีพี ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 3.5% คิดเป็น 34.5% ของจีดีพี ภาคบริการขยายตัว 5.6% คิดเป็น 37.2% ของจีดีพี ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้แนะนำรัฐบาล โดยจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ จำเป็นต้องทบทวนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ชาวลาวหลายพันคนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหางานที่ดีกว่าในต่างประเทศ

ที่มา : https://english.news.cn/20231120/bf08707a214a49439b1653b65908aaf7/c.html

GDT จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซในกัมพูชาเกือบ 63 ล้านดอลลาร์

กรมสรรพากร (GDT) รายงานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มูลค่ารวมกว่า 62.8 ล้านดอลลาร์ จากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี โดยเริ่มจัดเก็บนับตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ จากบริษัทต่างๆ เช่น Google, Facebook, YouTube, Alibaba, Microsoft และ TikTok หลังแพลตฟอร์มด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ดังกล่าวกลายเป็นเทรนด์หรือไลฟ์สไตล์ที่สำคัญของคนกัมพูชามากขึ้นเรื่อยๆ โดยสร้างโอกาสมากมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงตอบสนองต่อความต้องการของคนในประเทศ สำหรับการจัดเก็บภาษีทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกันมีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 85.8 ของเป้าหมายการจัดเก็บประจำปี ที่ได้กำหนดไว้มูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ จากการจัดเก็บภาษีและศุลกากร ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501394733/gdt-collects-63-million-vat-on-e-commerce/

นายกฯ เร่งลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับอาลีบาบา หวังดันสินค้ากัมพูชาโต

ดร. ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในระหว่างการไปเยือนประเทศจีนครั้งล่าสุดว่าปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับอาลีบาบาเพื่อผลักดันการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกัมพูชาไปยังตลาดจีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอาลีบาบามีลูกค้าเข้าใช้บริการนับหลายร้อยล้านรายทั่วโลก ผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขายผ่านตัวกลาง ด้านนายกฯ กล่าวเสริมถึงโอกาสในการขายสินค้าเกษตรของกัมพูชาโดยเฉพาะลำไยจากจังหวัดไพลินของกัมพูชาที่ได้เริ่มวางขายบนเว็บไซต์อาลีบาบาแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดดังกล่าว อีกทั้งทางการยังพร้อมที่จะผลักดันสินค้ากลุ่มหัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501394994/pm-reminds-signing-an-agreement-with-alibaba-to-sell-cambodian-products/

‘เศรษฐีหญิงชาวเวียดนาม’ ถูกแจ้งข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง เงินกว่า 6% ของ GDP เวียดนาม

เจือง หมี ลาน (Nguyen Thi Phuong Thao) เศรษฐีหญิงชาวเวียดนามที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนาม และยังเป็นประธานกลุ่มบริษัท Wan Sheng Huat ซึ่งเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นในชื่อ “เจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์” ได้ถูกรัฐบาลเวียดนามจับกุมเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ในข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ ติดสินบน และการยักยอกทรัพย์สินของบริษัท ทั้งนี้ จากการสอบสวนครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นว่ามหาเศรษฐีหญิงชาวจีน Zhang Meilan ถูกสงสัยว่าจะบ่อนทำลายธนาคาร Saigon Commercial Bank (SCB) และยักยอกเงินของลูกค้าจำนวน 304 ล้านล้านดอง หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 6% ของ GDP เวียดนามในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้

ที่มา : https://www.world-today-news.com/vietnams-richest-woman-arrested-for-fraud-the-amount-actually-accounts-for-6-of-vietnams-gdp/

‘เวียดนาม-กัมพูชา’ การค้าพุ่ง 5%

จากข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (GDCE) เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่าราว 5.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การส่งออกของกัมพูชามีมูลค่าอยู่ที่ 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.9% ในขณะที่เวียดนามส่งออกไปยังกัมพูชามีมูลค่าอยู่ที่ 3.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9.7% ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าว กัมพูชาขาดดุลการค้าประมาณ 753.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงอย่างมาก 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

นอกจากนี้ คุณลิ้ม เฮง รองประธานหอการค้ากัมพูชา (CCC) ได้ตั้งข้อสังเกตว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในประเทศ พร้อมด้วยการขาดแคลนคลังสินค้า โรงงานแปรรูป และการจัดซื้อจัดจ้าง  ตลอดจนการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางชายแดน ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดความมั่นคงและการเติบโตของการค้า โดยเฉพาะการส่งออกของประเทศ

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/vietnam-trade-up-5-on-last-year

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไฟฟ้าแห่งสหภาพเมียนมาร์ กลับจากการประชุมกำกับดูแลพลังงานระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครั้งที่ 6

ตามคำเชิญของนาย Zhang Jianhua หัวหน้าคณะบริหารพลังงานแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน คณะผู้แทนที่นำโดย U Nyan Tun รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไฟฟ้าแห่งสหภาพเมียนมาร์ ได้เดินทางเยือนเซินเจิ้นและคุนหมิงระหว่างวันที่ 15-19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 6 – ด้านกำกับดูแลพลังงานระดับภูมิภาคแปซิฟิก และเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตพลังงานลม จากนั้น รัฐมนตรีสหภาพฯ ได้พบกับนาย Zhang Jianhua หัวหน้าสำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติ (NEA) และหารือเกี่ยวกับการพัฒนาภาคส่วนพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ยังได้เยี่ยมชมศูนย์นิทรรศการ Shenzhen Huawei Digital Power Edison Exhibition Hall และสถานีชาร์จรถยนต์ EV ที่จัดเก็บพลังงานแสงและการชาร์จ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกริดและยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ พวกเขายังได้เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานลมฝูหยวนซี ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 800 เมกะวัตต์ ซึ่งสร้างโดย State Power Investment Corporation ในมณฑลยูนนาน นอกจากนี้ ในระหว่างการเยือนยังได้พบเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดและแผนสำหรับการดำเนินโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ กับบริษัท China Southern Power Grid ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐของจีน ร่วมมือกับกระทรวงพลังงานไฟฟ้า และบริษัทด้านพลังงานอื่นๆของจีนอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moep-union-minister-returns-from-6th-asia-pacific-regional-energy-regulatory-forum/

การส่งออกภาคการผลิตของเมียนมาร์มีมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเม.ย.-ต.ค

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ เผยสถิติของมูลค่าการส่งออกจากภาคการผลิตว่า มีมูลค่าถึง 5.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2565-2566 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ทั้งนี้ ตัวเลขในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาบ่งชี้ว่ามูลค่าการส่งออกของภาคการผลิตลดลงมากถึง 1.45 พันล้านดอลลาร์ หากเทียบกับ 7 พันล้านดอลลาร์ ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า โดยในบรรดาสินค้าส่งออก 10 อันดับแรกการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่ในอันดับที่ 1 รวมถึงก๊าซธรรมชาติและแร่ธาตุ ในขณะเดียวกันเมียนมาร์มีการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปเป็นหลัก กับคู่ค้าต่างประเทศ ในขณะที่มีการนำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า CMP และสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลักเช่นกัน  อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ได้ดำเนินนโยบายตามยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อสนับสนุนการส่งออก ซึ่งภาคส่วนที่มีความสำคัญตามนโยบายดังกล่าว ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/manufacturing-sector-exports-earn-us5-5-bln-in-apr-oct/#article-title