กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว เดินหน้าแก้ไข‘ปัญหาท่าเรือทางบก’

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว เริ่มดำเนินแผนงานปรับปรุงกระบวนการนำเข้าและส่งออกในท่าเรือทางบกทั่วประเทศ ทั้งการจัดการปัญหาการทุจริตและกระบวนการขนส่งข้ามแดนที่ยุ่งยาก โดยแบ่งระยะของแผนงานเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ปี 2566 มีเป้าหมายที่จะแก้ไขโครงสร้างการเก็บค่าธรรมเนียมและทบทวนระบบการจัดการงานข้ามหน่วยงาน ระยะที่ 2 ช่วงกลางปี 2567 จะทำการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องและกำหนดหลักการที่เป็นเอกภาพ และระยะยาวในช่วงสิ้นปี 2567 จะมุ่งเน้นการสร้างระบบวิธีการจัดการที่เหมาะสมและเชื่อมโยงการทำงานกับภาคีการค้าต่างประเทศ
เพื่อปรับปรุงข้อตกลงการขนส่งในระดับทวิภาคีและไตรภาคีระหว่างลาว จีน และไทย

ที่มา : http://: https://laotiantimes.com/2023/10/18/laos-ministry-of-industry-and-commerce-works-to-address-land-port-issues/

คณะกรรมการกำกับดูแลน้ำมันเชื้อเพลิงเมียนมาได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่

คณะกรรมการกลางว่าด้วยการกำกับดูแลความเรียบร้อยด้านการค้าและสินค้า ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้า จัดเก็บ และจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการดังกล่าว ได้รับการจัดตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันการสูญเสียรายได้ของรัฐ ทำให้เกิดเสถียรภาพด้านราคา กำกับดูแลการออกใบอนุญาตและการนำเข้าน้ำมัน การจัดเก็บและจำหน่ายน้ำมันอย่างเป็นระบบให้มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับน้ำมันที่นำเข้า จัดการกับความล่าช้าในการเทียบท่าของเรือบรรทุกน้ำมัน ตรวจสอบการจ่ายน้ำมันไปยังถังและสต็อกรายวันในมือ และประเมินระยะเวลาการรักษาความปลอดภัยของน้ำมัน นอกจากนี้ คณะกรรมการต้องแจ้งเรื่องกิจกรรมต้องสงสัยด้านคุณภาพไปยังคณะกรรมการกลางฯ และรายงานเกี่ยวกับบริษัทผู้นำเข้า ประเทศผู้ส่งออก ปริมาณการนำเข้า (ตัน) เลขทะเบียนและวันที่มาถึงของเรือบรรทุกน้ำมัน ไปยังคณะกรรมการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และคณะกรรมการกลางฯ รวมทั้งจะมีการประเมินคุณภาพการจ่ายน้ำมันจากถังเก็บน้ำมัน เป็นระยะ เพื่อแจ้งสถานะสต๊อกสินค้าในถังเก็บน้ำมัน และทำการบันทึกและตรวจสอบย้อนกลับว่าพบพฤติกรรมฉ้อโกงในห่วงโซ่อุปทานหรือไม่ (ตั้งแต่การนำเข้าไปจนถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย) และเพื่อการควบคุมราคา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fuel-oil-supervisory-committee-reestablished/#article-title

เมียนมามีรายได้จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนเมษายน-กันยายน กว่า 4.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมียนมามีรายได้มากกว่า 4.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตภายใต้ระบบการตัดเย็บ (CMP : Cutting Making และ Packaging)  ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน ของปีงบประมาณ 2566-2567 จากการรายงานของ ดอว์ โช เท็ต มู รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา กล่าวว่า ในบรรดาประเทศที่มีการลงทุนในภาคส่วนเครื่องนุ่งห่ม CMP ประเทศจีนถือเป็นอันดับที่หนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนจากจีนไทเป ไทย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปภายใต้ระบบ CMP และถูกส่งออกไปยังเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศในสหภาพยุโรป (EU) อย่างไรก็ดี โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ดำเนินงานภายใต้ระบบ CMP ตั้งอยู่ในเขตย่างกุ้ง ซึ่งประกอบด้วยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 505 แห่ง โรงงานรองเท้า 48 แห่ง โรงงานผลิตวิกผม 8 แห่ง และโรงงานอีก 177 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกระเป๋า ชุดกีฬา รองเท้ากีฬา และถุงเท้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/us4-316-bln-bagged-from-garment-exports-in-april-sept/#article-title

‘รัฐบาล สปป.ลาว’ ขอภาคเอกชนร่วมมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้แทนจากรัฐบาล สปป.ลาว นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ และภาคธุรกิจในนครหลวงเวียงจันทน์ร่วมประชุมระดมความคิดหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวเผชิญอยู่ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ สินค้ามีราคาแพง และการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยผลการประชุมสรุปว่า ควรเร่งสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการและกลไกการแก้ไขปัญหาให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งการส่งเสริมให้เกิดการผลิตสินค้าภายในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ส่งเสริมกิจการด้านการท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงรัฐบาลควรออกนโนยบายลดราคาค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน

ที่มา : https://english.news.cn/20231018/ae565798a40548bb9eedba88bc5d26a6/c.html

‘เวียดนาม’ จ่อขยายเวลาหั่น VAT จนถึง มิ.ย. สูญเสียรายได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐบาลเวียดนาม ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ามีแผนที่จะขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการผลิตภายในประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา ซึ่งการขยายเวลาการลดภาษีดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงจาก 10% เป็น 8% มีผลตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค. 2566 ทั้งนี้ การปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และยังส่งผลกระทบต่องบประมาณรายรับของรัฐบาลที่ลดลง 25 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-to-extend-VAT-cut-until-June-despite-1bn-revenue-loss?fbclid=IwAR2dq0G_GS-qP1B38OS5ak2BUxtFDb7UwtX2504m-uyMciiFRuwtsHkNbzg

วิกฤตขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม ทรุดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2050

คณะกรรมการกำกับดูแลของสมัชชาแห่งชาติ รายงานว่าแหล่งทรัพยากรพลังงานปฐมภูมิที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกำลังจะหมดไป เนื่องจากไฟฟ้าพลังน้ำถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว รวมไปถึงปริมาณน้ำมันและก๊าซจากแหล่งพลังงานหลักลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จากรายงานของธนาคารโลก ประจำเดือน ส.ค. มีการประเมินความสูญเสียของเวียดนาม พบว่าเวียดนามสูญเสียรายได้จากวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.3% ของ GDP โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนถึงการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือของประเทศ ทำให้จะไม่มีการจัดตั้งโรงงานใหม่เกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจำเป็นที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าได้จนถึงปี 2050

ที่มา : https://www.retailnews.asia/power-shortage-in-vietnam-looms-until-2050/

เมียนมามีรายได้กว่า 16,551.306 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากมูลค่าการค้าต่างประเทศ ช่วงระยะเวลามากกว่า 6 เดือนในปีงบประมาณ 2023-2024

จากวันที่ 1 เมษายน 2566 – 6 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาเมียนมาร์มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 8,712.336 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 7,838.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีดุลการค้าแบบขาดดุลอยู่ที่ 873.366 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย เมียนมาร์มีการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง ผลิตภัณฑ์แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำเร็จรูป และสินค้าอื่นๆ ไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมี สินค้าเพื่อการลงทุน วัตถุดิบเชิงพาณิชย์ สินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบสินค้าตัดเย็บ หรือ CMP (cut-make-package) โดยนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการส่งออกของเมียนมาร์ตามยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (National Export Strategy : NES) ปี 2020-2025 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี ภาคส่วนที่สำคัญตามแผนยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ NES 2020-2025 ได้แก่ การผลิตอาหารจากการเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมและไฟฟ้า การประมง ผลิตภัณฑ์จากป่า ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรมและผู้ประกอบการ และอื่นๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/us16551-306-mln-earned-from-foreign-trade-volume-in-more-than-six-months-period-in-2023-24-fy/

ตม.จีน เผย ‘รถไฟจีน-ลาว’ มียอดผู้ใช้บริการทะลุ 81,000 คน

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนานของจีน เผย 6 เดือนแรก มีผู้ใช้บริการรถไฟจีน-ลาวแล้วกว่า 81,000 คน ในที่นี้เป็นผู้โดยสารต่างชาติกว่า 15,000 คน จากกว่า 60 ประเทศ สะท้อนความสำคัญของเส้นทางรถไฟสายนี้
ที่เป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากมีราคาค่าโดยสารไม่แพงและมีความสะดวกสบาย อีกทั้งตั้งแต่
เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นมา ระยะเวลาเดินทางจากต้นทางที่ด่านโม่ฮานถึงสถานีปลายทางนครหลวงเวียงจันทน์มีการปรับลดเวลาการเดินทางเหลือเพียง 9 ชั่วโมง จากผลของการลดขั้นตอนพิธีการทางศุลกากร

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_202_China_y23.php

นักเศรษฐศาสตร์ลาวแนะ ‘ต้องดึงเม็ดเงินต่างชาติ’ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินกีบ

ศ.ภูเพชร เคียวภิลาวงศ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว เสนอแนะวิธีรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบและจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจของลาวที่ตกต่ำจากปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยลาวจำเป็นต้องดึงดูดเงินตราต่างประเทศเข้ามามากขึ้นด้วยการเพิ่มมูลค่าของการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศจะช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบไม่ให้อ่อนค่าลงไปกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไข คือ แก้ไขกฎระเบียบการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในลาว โดยปัจจุบันยังไม่มีการออกกฎระเบียบดังกล่าวมารองรับว่าชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลาวได้ หากแก้ไขได้จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาได้อีกทางหนึ่ง

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40031972